บทที่ 169 ทักษะปีศาจ ดัชนีเยือกแข็ง

*หวุ่ม!*

ความผันผวนที่รุนแรงของพลังธาตุน้ําแข็งถูกส่งมาจากม้วนคัมภีร์ ทันใดนั้น แท่งน้ําแข็งสีขาวก็ปรากฏขึ้นทําให้ท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆและพุ่งตรงมาที่เมอร์ลินราวกับสว่านเหล็ก

นี่คือคาถาระดับสอง สว่านน้ําแข็ง!

คาถาประเภทน้ําแข็งส่วนใหญ่ใช้สําหรับการโจมตีและควบคุมคู่ต่อสู้ความพิเศษของคาถาประเภทน้ําแข็งของเมอร์ลินคือความสามารถในการควบคุมในขณะเดียวกันสว่านน้ําแข็งเป็นคาถาที่มีความสามารถในการโจมตีสูงสุดในบรรดาคาถาประเภทน้ําแข็งนอกจากนี้ มันเป็นคาถาระดับสอง!

เมอร์ลินไม่คาดคิดว่าเฮกฮาร์จะมีม้วนคัมภีร์คาถาระดับที่สองทั้งที่เขาเป็นเพียงพ่อมดพเนจรซึ่งม้วนคัมภีร์คาถาต้องใช้แลกสนับสนุนอย่างน้อยร้อยแต้มในการแลก

นี่คือไพ่ตายที่แท้จริงของพ่อมดเฮกฮาร์ด้วยคาถานี้ก็มากพอที่จะกําจัดนักเวทย์ระดับหนึ่งจํานวนมากไม่ต้องพูดถึงนักเวทย์ระดับเริ่มต้นอย่างเมอร์ลิน

“ตายซะ!”

เมอร์ลินสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกที่ปล่อยออกมาจากสว่านน้ําจากระยะไกล

“รูปปั้นผู้พิทักษ์”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคาถาระดับสอง เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึกๆ และร่ายคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์ทันทีโดยไม่ลังเลนี่ไม่ใช่แค่แบบธรรมดาแต่เป็นแบบเสริมพลัง เขาไม่คิดจะประมาทในพลังของมัน

“ปัง!”

สว่านน้ําแข็งปะทะเข้ากับรูปปั้นผู้พิทักษ์ของเมอร์ลินอย่างรุนแรง เมอร์ลินรู้สึกหนาวจนพูดไม่ออกแม้เขาจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของรูปปั้นผู้พิทักษ์แต่ความหนาวเย็นจากสว่านน้ําแข็งยังคงซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของเมอร์ลิน

อย่างไรก็ตามไอเย็นไม่รุนแรงขนาดนั้นแลตัวเขมีรางกายที่แข็งแกร่งแล้วยังมีมีเวทมนตร์ธาตุน้ําแข็งด้วยเขาจึงสามารถขจัดไอเย็นในตัวเขาได้อย่างรวดเร็ว

*ครี่ก!*

ในที่สุด คาถารูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังก็ไม่สามารถต้านทานพลังของสว่านน้ําแข็งได้ เศษซากของมันได้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและบินกระจายไปทั่วพื้นที่

ผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังนั้นมีความใกล้เคียงกับคาถาระดับสองแล้ว แม้ว่ามันจะไม่สามารถต้านทานสว่านน้ําแข็งได้อย่างน้อยมันก็สามารถลดทอนพลังส่วนใหญ่ได้

ดังนั้น เมอร์ลินจึงร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์อีกสองครั้ง จากนั้นจึงต้านทานพลังของสว่านน้ําแข็งได้ทั้งหมด

“เป็นไปได้อย่างไร? รูปปั้นผู้พิทักษ์เป็นเพียงคาถาระดับหนึ่งเท่านั้น มันจะหยุดสว่านน้ําแข็งได้อย่างไร?”

เมื่อรู้ว่าสว่านน้ําแข็งไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเมอร์ลินเลย สีหน้าของเฮกฮาร์เต็มไปด้วยความตกใจดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้ม้วนคัมภีร์คาถาสว่านน้ําแข็ง

ย้อนกลับไปเมื่อก่อนหน้านี้ พ่อมดเฮกฮาร์ได้รับม้วนคัมภีร์คาถาสว่านน้ําแข็งห้าม้วนโดยบังเอิญ

เขาได้กําจัดนักเวทย์ระดับหนึ่งทุกครั้งที่เขาใช้ม้วนคัมภีร์

ครั้งหนึ่ง เขาสามารถฆ่านักเวทย์ระดับหนึ่งสี่ธาตุได้อย่างง่ายดายด้วยม้วนคัมภีร์คาถาสว่านน้ําแข็ง

อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินใช้เพียงรูปปั้นผู้พิทักษ์เพื่อหยุดสว่านน้ําแข็ง เอาไว้ได้ นั่นทําให้ความเข้าใจเกี่ยวกับคาถารูปปั้นผู้พิทักษ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“นี่มันไม่ถูกต้อง ความสามารถในการป้องกันของรูปปั้นผู้พิทักษ์นั้นไม่แข็งแกร่งนัก ระหรือว่าคุณมีอุปกรณ์เวทมนต์ในการเสริมพลังป้องกันของมัน”

ท่าทางของพ่อมดเฮกฮาร์เปลี่ยนไปราวกับว่าเขาเพิ่งคิดอะไรบางอย่างออก

อุปกรณ์เวทมนต์โดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสามประเภท โจมตี ป้องกัน และสนับสนุน เหนือสิ่งอื่นใดอุปกรณ์เวทมนต์ประเภทโจมตีนั้นหายากที่สุด ในขณะที่ประเภทป้องกันนั้นเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุดในทางกลับกันอุปกรณ์เวทมนต์ประเภทสนับสนุนเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่แข็งแกร่งที่สุด

นอกจากนี้ ในบรรดาอุปกรณ์เวทมนต์แบบสนับสนุนยังมีอุปกรณ์เวทมนต์ที่น่าสะพรึงกลัวนั่นคือประเภทการเสริมพลังซึ่งมันสามารถเพิ่มพลังคาถาที่ร่ายโดยนักเวทย์

อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เวทมนต์ประเภทเสริมพลังดังกล่าวหายากเกินกว่าจะจินตนาการได้แม้แต่องค์กรนักเวทย์ก็ยังไม่มีอุปกรณ์เวทมนต์ประเภทนี้เช่นกัน

“อุปกรณ์เวทมนต์ประเภทเสริมพลังอย่างงั้นเหรอ?”

เมอร์ลินไม่ตอบโดยตรง เขาตั้งใจให้พ่อมดเฮกฮาร์เข้าใจไปในทางดีนี้กว่าและอีกอย่างเขาไม่จําเป็นต้องให้ข้อมูลอะไรเฮกฮาร์เพิ่มเติม

“หวุ่ม!”

ร่างกายของเมอร์ลินเปล่งประกายพลังธาตุลมบนตัวเขาและวิ่งตรงไปยังพ่อมดเฮกฮาร์

ทางด้านเฮกฮาร์ เขาไม่ต้องการสู้กับเมอร์ลินอีกต่อไป เนื่องจากไพ่ตายของเขาไม่สามารถจัดการเมอลินได้เขาร่ายคาถาธาตุลมและหนีไป

“คิดจะหนีไปตอนนี้ มันไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ?”

“ข่ายสายฟ้า!”

เมอร์ลินร่ายคาถาข่ายสายฟ้าโดยไม่ลังเล เขาต้องการใช้ประโยชน์จากพลังของมันเพื่อหยุดพ่อมดเฮกฮาร์

“หนุ่ม!”

เมอร์ลินใช้คาถาลมพายุแบบเสริมพลัง ทําให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเขาเข้าใกล้พ่อมดเฮกฮาร์เขาได้ใช้พลังจิตไปกระตุ้นโครงสร้างเวทย์มนต์คาถาหมอกรัตติกาลในจิตใต้สํานึกของเขา

“หมอกรัตติกาล!”

คราวนี้เมอร์ลินใช้หมอกรัตติกาลแบบเสริมพลัง เนื่องจากพลังจิตของเฮกฮาร์อยู่ในระดับสองดังนั้นหมอกรับติกาลแบบธรรมดาจึงไม่มีผลกับเขามากนัก

ในไม่ช้า หมอกสีดําก็ปรากฏขึ้นและปกคลุมเฮกฮาร์ ก่อนที่เขาจะปกคลุมไปด้วยหมอกใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียด

ความหวาดกลัวก็คืบคลานเข้ามาบนใบหน้าของเขา เขาตะโกน “ไม่ ไม่ อย่าฆ่าฉัน พ่อมดเมอร์ลิน ฉันมี“ความลับ ความลับสุดยอด ถ้าคุณ…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงของเขาก็หยุดลงทันที สีหน้าของพ่อมดเฮกฮาร์ว่างเปล่า เขาตกอยู่ในภาพลวงตา

*ตูม!*

เมอร์ลินใช้ลูกไฟสังหารพ่อมดเฮกฮาร์

จากนั้นเมอร์ลินก็จ้องไปที่เคานต์ลองการ์ดี ในเวลานี้ เขาได้สูญเสียความเยือกเย็นไปหมดแล้วใบหน้าของเขาซีดและริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย

“พ่อมดเมอร์ลินข้าสั่งให้กองทัพถอยได้!”

*ตุม!*

เมอร์ลินไม่สนใจว่าเคานต์ลองการ์ดีจะพูดอะไร เขาโยนลูกไฟใส่และฆ่าเคานต์ลองการ์ดี เขาไม่คิดไว้ชีวิตศัตรูของเขา

หลังจากสังหารเคานต์ลองการ์ดีแล้ว เมอร์ลินก็ตรงไปที่ศพทั้งของนักเวทย์หกบนพื้น เขาเก็บแหวนทั้งหมดจากพวกเขา จาดนั้นเขาชี้นิ้วไปที่ท้องฟ้า ทันใดนั้น ลูกไฟขนาดเล็กจํานวนมากถูกยิงขึ้นไปในอากาศและระเบิด ออก เคานต์เซลินและคนอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

นี่เป็นสัญญาณระหว่างเมอร์ลินกับเคานต์เซลิน เมื่อเมอร์ลินสังหารเคานต์ลองการ์ดีได้สําเร็จเขาจะยิงลูกไฟขึ้นท้องฟ้าเพื่อส่งสัญญาณ

“ฮ่าฮ่า บารอนเมอร์ลินทําได้ เขาทําได้จริงๆ!” เคานต์เซลินและคนอื่นๆ ประหลาดใจมากเมื่อเห็นลูกไฟกลางอากาศ

จากนั้นเคาท์เซลินก็เริ่มแสดงสีหน้าจริงจังอีกครั้งและสั่งคนของเขา “ทุกคนจงฟัง เปิดประตูเมืองขุนนางทุกคนนําอัศวินออกไป คราวนี้เราจะให้โอกาสนี้เอาชนะกองทัพของเลบิส”

เคาท์เซลินออกคําสั่งอย่างสงบ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะเอาชนะเมืองเลบิส ถ้าเขาสามารถกําจัดพวกทหารของเมืองเลบิสได้จํานวนหนึ่ง เขาก็จะสามารถเข้ายึดเมืองเลบิสได้

เคานต์เซลินรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในตอนแรกเขาคาดการณ์ไว้ว่าเขาจะเสียกองกําลังมากกว่านี้แม้กองทหารของลองการ์ดีจะไม่ได้บุกเข้าไปในเมือง

เขาไม่คิดว่าเมอร์ลินจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เพียงหนึ่งปีที่เข้าร่วมกับดินแดนมนต์ดํา เขาไม่เพียงแต่บุกทะลวงแนวการป้องกันของทหารหลายพันคน เขายังฆ่านักเวทย์ทั้งหมดเพียงลําพัง แม้แต่ลองการ์ดีก็ตายด้วยน้ํามือของเมอร์ลิน

หากปราศจากลองการ์ดี กองทัพเมองเลบิสก็สูญเสียกระดูกสันหลังไป ตราบใดที่เขาพาคนของเขามาโจมตีเขาจะได้รับผลลัพธ์อย่างที่เขาคาดไว้อย่างแน่นอน

“ฆ่ามัน!”

ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงคํารามแห่งความบ้าคลั่ง เหล่าอัศวินหลั่งไหลออกมาจากเมืองอย่างไม่มีที่สุด สิน ขณะที่พวกเขาวิ่งไปข้างหน้า พวกเขากรีดร้องว่า

“ลองการ์ดีตายแล้ว”

ทหารเลบิสหลายคนหันกลับมา หวังว่าจะได้พบท่านเคานต์ลองการ์ดีแต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น

ดังนั้น ทหารจํานวนมากจึงเริ่มเชื่อว่าเคาท์ลองการ์ดีตายแล้วจริง ๆ และพวกเขามีความตั้งใจที่จะล่าถอยทันทีที่หนึ่งในนั้นวิ่งหนี คนอีกหลายคนจะเริ่มวิ่งตาม

การวิ่งหนี เป็นสิ่งที่ไม่ควรทําในสนามรบนอกจากจะเสียรูปขบวนแล้วยังทําให้ฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบด้วย

ในขณะเดียวกันพ่อมดเฟรเยอร์กับพ่อมดฮิลล์ก็ออกไปที่สนามรบเช่นกัน พวกเขามุ่งโจมตีไปที่ผู้บัญชาการของเมืองเลบิส

ด้วยวิธีนี้ ทําให้กองทัพของเมืองเลบิสไม่สามารถจัดการอะไรได้ จึงทําให้จบลงด้วยความพ่ายแพ้

หลังจากเห็นอัศวินแห่งเมืองปรากาชไล่ตามกองทัพเลบัสที่พ่ายแพ้อย่างบ้าคลั่งจากระยะไกลเมอร์ลินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด

เมอร์ลินไม่ได้เข้าร่วมในการไล่ล่าแต่เขากําลังตรวจสอบของในแหวนที่เขาเอามาจากศพของพวกนักเวทย์

นักเวทย์พวกนี้เป็นเพียงพ่อพเนจร ดังนั้นพวกเขาจึงมีทรัพยากรไม่มากนัก เมอร์ลินเพียงชําเลืองของเพียงชั่วครู่และไม่นานก็หมดความสนใจ นอกเหนือจากวัสดุปรุงยาที่ไม่สําคัญและคาถาระดับศูนย์แล้วพวกเขาไม่มีแม้แต่หินธาตุสักก้อนสภาพของพวกเขาไม่ต่างจากเมอร์ลินก่อนที่จะเข้าร่วมดินแดนมนต์ดําเลย

“เดอะเมทริกซ์ สแกนและบันทึกโครงสร้างเวทมนต์ทั้งหมด!”

เมอร์ลินจัดเรียงไอเทมใหม่ในแหวนและพบแบบโครงสร้างเวทมน์ระดับศูนย์เพียงสิบกว่านั้นเท่านั้น แม้พวกมันจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเมอร์ลินมากนัก แต่เขาก็ยังสั่งให้เดอะเมทริกซ์เก็บรวบรวมพวกมันไว้เผื่อไว้เป็นฐานข้อมูลในอนาคต

หลังจากบันทึกโครงสร้างเวทมนต์เสร็จแล้ว เมอร์ลินก็หยิบแหวนที่เขาเก็บมาจากพ่อมดเฮกฮาร์และตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

เฮกฮาร์ได้สร้างคาถาสี่ธาตุและกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่หายากมากในหมู่พ่อมดพเนจรเฮกฮาร์อาจโชคดีพบบางอย่างเข้าทําให้กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง

ก่อนที่เมอร์ลินจะฆ่าเฮกฮาร์ เขาพยายามบอกเมอร์ลินถึง ความลับ” บางอย่าง ไม่ใช่ว่าเมอร์ลินไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแต่เขาวางแผนที่จะฆ่าเฮกฮาร์ก่อน จากนั้นจึงค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับความลับ” นั้นที่หลัง

มีของหลายอย่างในแหวนของพ่อมดเฮกฮาร์ นอกจากเขาจะมีตําราคาถาระดับศูนย์และระดับหนึ่งแล้วเขายังมีหินธาตุและวัสดุปรุงยายาล้ําค่าอีกด้วย

ทรัพยากรของเขามีมากกว่าพ่อมดหลายคนในองค์กรนักเวทย์ด้วซ้ํา

อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินสังเกตหนังสือที่ส่องแสงสีทองจาง ๆ มันได้ดึงดูดความสนใจของเมอร์ลิน

เมอร์ลินหยิบหนังสือแปลก ๆ ขึ้นมาและใช้พลังจิตและวางมันลงบนฝ่ามือ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงไม่กี่หน้าเท่านั้นมันถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่รู้จักและมีแสงสีทองจาง ๆ

เมอร์ลินพลิกไปที่หน้าแรกของหนังสืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ถ้อยคําสีทองสว่างขนาดใหญ่ที่เขียนบนหน้าแรกปรากฏมันเขียนไว้ว่า

ทักษะปีศาจดัชนีเยือกแข็ง!