บทที่ 94 ช่วงชิงกัน

“นี่เป็นเพียงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นขอรับ” พ่อบ้านจูเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

จี้จือฮวนต้องการค่ารักษาก็จริง แต่ไม่ได้คิดจะเก็บมากเพียงนี้

ทว่าจางหยวนเฉียวกลับคว้าโฉนดที่ดินมาเสียเอง และยัดใส่มือของจี้จือฮวน “ชีวิตของนายท่านของพวกเขามีค่ากว่าร้านยาแห่งนี้ อีกอย่างพวกเขาก็ไม่รู้เรื่องการรักษา เจ้ารับเอาไว้เถอะ หากมีเวลาก็ค่อยไปดูร้านยา เช่นนี้ก็จะได้รักษาคนมากขึ้นด้วยไม่ใช่หรือ?”

“ยิ่งกว่านั้น เมื่อมีร้านยาแล้ว สามีของเจ้าต้องการยาอะไรก็จะได้สะดวกด้วยมิใช่หรือ?”

จี้จือฮวน “!!!”

คำพูดนี้ทำให้นางไม่สามารถปฏิเสธได้ เผยยวนยังไม่ฟื้น นางเองก็เริ่มสงสัยว่าสรุปแล้วยาหลิงเฉวียนใช้การได้ดีหรือไม่

“รับไปเถอะ คิดซะว่าเป็นน้ำใจจากข้า แม่นางจี้สมควรได้รับแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นภายภาคหน้าข้ายังต้องรบกวนแม่นางบ่อย ๆ ด้วย” ถังกั๋วกงเอ่ย

ในเมื่อยากที่จะปฏิเสธน้ำใจได้ จี้จือฮวนก็ไม่กระบิดกระบวนอีก “ได้ ต่อไปหากยาของนายท่านของพวกเจ้าหมดแล้ว จำไว้ว่าให้มาเอาที่ข้า เพราะข้ากล้ารับรองว่าที่อื่นไม่มีทางมียานี้แน่นอน”

ในที่สุดพ่อบ้านจูก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เพราะขนาดตระกูลหมอเทวดาก็ยังไม่สามารถทำให้ท่านกั๋วกงฟื้นตัวได้เร็วเพียงนี้ อีกทั้งหมอเทวดาผู้นี้ยังไม่ใช่พวกที่ทำเพื่อหวังชื่อเสียงอีกด้วย ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าใดก็ต้องรั้งตัวเอาไว้ให้ได้ ส่วนร้านยาก็แค่ร้าน ๆ หนึ่งเท่านั้น

พ่อบ้านจูพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งเครียด “ท่านหมอเทวดาขอรับ ในเมื่อเอ่ยถึงขนาดนี้แล้ว ข้าขอถามท่านด้วยใจจริงสักข้อ ช่วงนี้นายท่านของเรายังมีอันตรายอยู่หรือไม่ขอรับ?”

เพราะพวกหมอคนอื่น ๆ ต่างบอกว่าคงอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปีแล้ว

จี้จือฮวนจึงตอบกลับไป “หากดูแลให้ดียังสามารถอยู่ได้อีกนาน วางใจเถอะ”

พ่อบ้านจูตกใจจนตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ก่อนจะเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ท่านหมอเทวดาพูดจริงหรือขอรับ?”

ถังกั๋วกงเองก็ไม่อยากจะเชื่อ

“แน่นอน ฝีมือการรักษาโรคของอาจารย์ข้า ยังต้องให้พูดอีกหรือ” จางหยวนเฉียวผลักพ่อบ้านจูออก “ข้ามีเรื่องจะพูดกับอาจารย์ข้า เจ้ากลับไปดูแลนายท่านของพวกเจ้าได้แล้ว”

จี้จือฮวนเองก็มีเรื่องจะถามจางหยวนเฉียวอยู่พอดี โชคดีที่จางหยวนเฉียวเองก็ไม่คิดจะปิดบัง เขาเอ่ยออกมาทันที “พิษของสามีเจ้าและในตัวของปลิงดูดเลือด ข้าให้คนไปถามมาแล้ว พิษนั่นไม่ใช่ของจงหยวนจริง ๆ เป็นพิษโลหิตที่ทำมาจากดอกไม้พิษชนิดหนึ่งของดินแดนตะวันตกผสมกับของที่มีพิษรุนแรงอีกเก้าชนิดก่อนจะหลอมขึ้นมา”

“ตอนนี้พิษชนิดนี้มีเพียงตระกูลไป๋ เจ้าแห่งพิษของดินแดนตะวันตกเท่านั้นที่มีในครอบครอง และตระกูลไป๋ก็ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมานานแล้ว ข้าจึงลองถามศิษย์พี่ที่อยู่ในสำนักหมอหลวงมา เขาบอกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อน มียาพิษโลหิตอยู่ในเครื่องบรรณาการ และตอนนี้มันจึงอยู่ในคลังเก็บยาพิษของวังหลวง ที่สำคัญพิษนี้ไม่มีทางรักษาได้”

จี้จือฮวนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที นางนึกสงสัยอยู่แล้วว่าพิษของเผยยวนต้องเกี่ยวข้องกับคนในราชวงศ์อย่างแน่นอน ดูท่าที่คาดเอาไว้จะไม่ผิด

“เขาจะต้องรอด”

จางหยวนเฉียวตะลึงงัน “อาจารย์จะช่วยเขาอย่างไรหรือ?”

“ข้าย่อมมีวิธีของข้า อีกอย่างเขาเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว”

จางหยวนเฉียวตกตะลึงเป็นอย่างมาก พิษเช่นนี้สามารถทนมาได้ถึงตอนนี้โดยที่ยังไม่ตายก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว

“ยังมีอีกเรื่องที่ต้องรบกวนท่าน เกี่ยวกับบันทึกของพิษโลหิต ใครเคยใช้ และฮ่องเต้ประทานให้ผู้ใดบ้าง ต้องรบกวนท่านหามาให้หน่อย”

“ข้าจะพยายาม อาจารย์วางใจได้”

เมื่อจี้จือฮวนสองคนแม่ลูกจากไปแล้ว นายอำเภอเจียงก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าของถังกั๋วกง ทว่าถังกั๋วกงกลับเอ่ยเพียงประโยคเดียว “เขตอำนาจของตัวเองกลับเกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ได้ เจ้าเขียนจดหมายไปขอรับโทษกับกรมขุนนางเองเถอะ”

นายอำเภอเจียงโค้งคำนับ “ขอบคุณท่านกั๋วกงขอรับ”

พ่อบ้านจูเห็นสีหน้าของถังกั๋วกงดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็เอ่ยด้วยความโมโหขึ้นมา “โชคดีที่วันนี้ได้พบท่านหมอเทวดา ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้ว่าหมอเทพธิดาจอมหลอกลวงของตระกูลลู่ผู้นั้นจะหลอกลวงพวกเราไปอีกนานเพียงใด!”

“นายท่าน พวกเราไม่คิดจะเชิญแม่นางจี้กลับเมืองหลวงหรือขอรับ?”

“เจ้าดูนางสิ มีทีท่าว่าอยากจะสานสัมพันธ์กับพวกเราหรือไม่?” ถังกั๋วกงย้อนถาม

“ไม่มีขอรับ” แม่นางจี้แววตากระจ่างใส ท่าทางไม่ได้แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย เห็นได้ชัดว่าไม่มีความคิดที่จะประจบผู้มีอำนาจแต่อย่างใด

“อนาคตยังอีกยาวไกล ขอเพียงมีความจริงใจไม่ว่าทำอะไรก็จะสำเร็จ” ถังกั๋วกงตัดสินใจแล้ว หากไม่ใช่เพราะท่าทางไว้ตัวของจี้จือฮวน ถังกั๋วกงคงจะรับนางเป็นลูกบุญธรรมไปแล้ว!

จางหยวนเฉียวเห็นเขาไม่เป็นอะไรก็เอ่ยขึ้นมา “รีบกลับไปพักผ่อนเถอะขอรับ คราวหน้าอย่าไปไกลขนาดนั้นอีกจะดีกว่า”

เฉียวเจิ้งถงกับถังกั๋วกงก็รู้จักกันมานาน คิดไม่ถึงว่าทั้งสองจะได้รับการช่วยเหลือจากคน ๆ เดียวกัน นี่คงจะเป็นเพราะโชคชะตากระมัง

“แม่นางจี้ผู้นี้อายุยังน้อย พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์นางเป็นใคร ข้าอยากไปสู่ขอกับอาจารย์ของนาง ในบรรดาลูกหลานของครอบครัวเรา ยังมีอีกหลายคนที่มีคุณสมบัติไม่เลว” ถังกั๋วกงเอ่ยถามอย่างมีความสุข

เฉียวเจิ้งถงกับจางหยวนเฉียวต่างก็มองหน้าเขาโดยพร้อมเพรียงกัน สีหน้าราวกับจะบอกว่า เจ้าฝันไปเถอะ

“ลูกศิษย์ของลูกศิษย์ข้า ก็มีหลายคนที่มีอนาคตยาวไกลเหมือนกัน”

“ในบรรดาลูกหลานของครอบครัวเราก็มีคนที่ไม่เลวอยู่”

มุมปากของหลินเซวียเหวินกระตุกขึ้นมาทันที ทุกท่านลืมไปหรือไม่ว่าแม่นางจี้แต่งงานแล้ว และยังมีลูกอีกสามคนด้วย!

แต่หากนางยังไม่แต่งงาน หลานชายของเขาปีนี้ที่มีหวังจะสอบได้จอหงวน…

จี้จือฮวนที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนาในเวลานี้ก็ได้กลับมาถึงเค่ออวิ๋นไหลแล้ว บรรดาชาวบ้านต่างก็เข้ามาแสดงความยินดี หลังจากวันนี้ไปในที่สุดฉือชางไห่แห่งตำบลฉาซู่ก็จะหายไปแล้ว!

ส่วนจุ้ยเซียนจวี่จะให้ใครมาเป็นเถ้าแก่ต่อนั้น จะต้องสนเรื่องของพวกเขาไปทำไมกัน อย่างไรเสียเค่ออวิ๋นไหลก็อร่อยกว่าจุ้ยเซียนจวี่อยู่ดี!

ฮวาเซียงเซียงห่อวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่จี้จือฮวนต้องการ แล้วจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “วันนี้คนที่เจ้าช่วยเป็นใครหรือ ดูท่าทางน่าเกรงขามมาก”

เผยจี้ฉือพลางคิดในใจ ถังกั๋วกง คนที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเมื่อพบหน้ายังต้องเรียกว่าพี่ใหญ่ ท่านคิดว่าร้ายกาจหรือไม่?

“ไม่รู้เหมือนกัน เขาแค่ให้สิ่งนี้ข้ามาเท่านั้น” จี้จือฮวนเอาโฉนดร้านยาให้ฮวาเซียงเซียงดู

“หย่ง หย่ง หย่ง หย่งอันถัง!!!” ฮวาเซียงเซียงตะโกนจนคอเกือบแตก

“หย่งอันถัง ร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ในนั้นมียาทุกชนิด อีกอย่างต้องรอคิวนานกว่าครึ่งปี กว่าจะได้พบหมอของหย่งอันถัง เขายกร้านขายยานี่ให้เจ้าจริง ๆ หรือ?”

จี้จือฮวนพยักหน้ารับ ถ้าเป็นยุคปัจจุบัน น่าจะเปรียบได้กับการยกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งให้นางกระมัง?

จะต้องมีเงินทองและอำนาจมากทีเดียว

ฮวาเซียงเซียงดวงตาเบิกโพลง “ดูท่าต่อไปข้าต้องติดตามเจ้าให้ดีเสียแล้ว ไม่แน่ข้าอาจจะสามารถเปิดภัตตาคารที่ดีที่สุดในใต้หล้าก็เป็นได้”

“เรื่องนี้ข้ามั่นใจ” จี้จือฮวนพูดจบก็หัวเราะออกมา

ฮวาเซียงเซียงกลับรู้สึกว่านางสวยจนตาพร่าไปชั่วขณะ ก่อนจะพึมพำออกมา “น้องหญิง ใบหน้าของเจ้าหากไม่มีรอยแผลเป็น รับรองว่าเจ้าจะต้องเป็นสาวงามแห่งยุคอย่างแน่นอน”

น่าเสียดายสตรีที่มีความสามารถเพียงนี้ สวรรค์กลับมีตาแต่หามีแววไม่

จ้านอิ่งกำลังกระทืบเท้าเร่งอยู่ที่หน้าประตู จี้จือฮวนจึงเก็บของใส่ในรถม้า วันหน้าก็จะสามารถทำการค้าได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวว่าฉือชางไห่จะมาสร้างปัญหาให้อีก เมื่อแก้ปัญหาใหญ่ไปได้เรื่องหนึ่งนางจึงรู้สึกโล่งใจไม่น้อย

“ท่านแม่ขอรับ วันนี้ท่านปู่จางบอกท่านว่าอย่างไรบ้างขอรับ?” เผยจี้ฉืออาศัยที่ตอนนี้ไม่มีคนเอ่ยปากถามนางออกไป

“เขาบอกว่าพิษของพ่อเจ้ามีวิธีรักษา ไม่ต้องกังวลแล้ว”

เผยจี้ฉือยิ้มออกมาอย่างสดใส “จริงหรือขอรับ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะบอกความลับให้เจ้าอย่างหนึ่ง ประสาทสัมผัสของพ่อเจ้าเริ่มมีการตอบสนองแล้ว แสดงให้เห็นว่าสมองของเขากำลังค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ อาศัยตอนที่เจ้ายังไม่ได้ไปเรียน หลายวันนี้เวลาที่นวดให้พ่อเจ้า ก็พูดคุยกับเขาให้มาก ๆ ไม่แน่ว่าสักวันเขาอาจจะเป็นคนมารับเจ้ากลับจากโรงเรียนก็ได้”

เผยจี้ฉือตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา ทว่าหลังจากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยท่าทางจริงจังขึ้นมา “ท่านแม่ ท่านแต่งมาที่บ้านของพวกเรา เรื่องบางเรื่องท่านอาจไม่เข้าใจ คนที่มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ ต่อไปพวกเราอยู่ให้ห่างเอาไว้จะดีกว่า ไม่เช่นนั้นหากตัวตนของท่านพ่อถูกเปิดเผย อาจจะนำหายนะมาสู่ครอบครัวของเราก็เป็นได้”

การปรากฎตัวของถังกั๋วกงวันนี้ ทำให้เผยจี้ฉือตกใจอย่างมาก เขารับปากจี้จือฮวนว่าจะไปเรียนหนังสือ แต่ไม่มีทางไปสอบจอหงวนอย่างแน่นอน อย่างน้อยการไปเมืองหลวงอะไรทำนองนั้น เขาก็ไม่มีวันไปเด็ดขาด

จี้จือฮวนมีความคิดไม่ต่างจากเขา จึงตอบรับด้วยเสียงที่นุ่มนวล “ตกลง”