บทที่ 68 ดวงเนตรเพ่งพิศ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 68 : ดวงเนตรเพ่งพิศ

ในฐานะมือโปร ความใจเย็น สภาพจิตใจ และคุณสมบัติของแคโรไลน์นั้นโด่งดังในหอพิธีกรรมต้องห้ามนัก

ไม่เช่นนั้นผู้อาวุโสคงไม่เลือกเธอไปพูดคุยกับระดับเหนือนภาผู้ที่เจตนาและเบื้องหลังยังคงเป็นปริศนาอย่างนี้

เมื่อจะไปทำภารกิจใด หญิงสาวจะเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมแน่นอน

ก่อนเธอจะมายังร้านหนังสือ แคโรไลน์ได้รวมสิ่งเกี่ยวข้องและรวบรวมไฟล์บันทึกคดีโซนระดับ S 0113 รวมไปถึงขอบเขตงานก่อนหน้านี้ของโจเซฟ ข้อมูลของ ‘ลูกค้าคนอื่นของร้านหนังสือ’ รวมไปถึงความเห็นต่าง ๆ และการคาดเดาจากสาขาอื่นของหอพิธีกรรมต้องห้ามเอาไว้แล้ว

แคโรไลน์ไม่อาจเสี่ยงไปพูดคุยกับระดับเหนือนภาโดยไม่เตรียมตัวให้พร้อมหรอก

ข้อมูลที่เธอรู้แน่ ๆ คือเจ้าของร้านมีความสามารถระดับเหนือนภา รวมไปถึงภาพโดยคร่าวเกี่ยวกับการกระทำและตรรกะของเขา

อย่างแรก เขาสวมบทเป็นเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาในร้านหนังสือแห่งนี้ คอยโปรโมต ‘การยืม’ ‘การซื้อ’ และ ‘การอ่าน’ หนังสือ

แต่เมื่อเทียบแหล่งข่าวก่อนหน้านี้กับสิ่งที่เธอพบเจอ ดูเหมือนว่าเขาจะแค่ชื่นชอบการช่วยเหลือและพูดคุยกับคนอื่นก็เท่านั้นเอง

ตราบใดที่คนคนนั้นไม่มีประสงค์ร้ายต่อเขาหรือแสดงความไม่เคารพ เจ้าของร้านก็ไม่ทำอะไร หรือต่อให้ทำ เขาก็ไม่ลงมือเอง

เมื่อความกังขาโจเซฟในตอนแรกเลือนหายไป การประเมินว่าเจ้าของร้านคนนี้ ‘เป็นมิตร’ ก็เหมาะสมแล้วหากเทียบกับระดับเหนือนภาคนอื่น

อย่างที่สอง เจ้าของร้านคนนี้ใกล้เคียงกับผู้รู้แจ้งแล้ว นี่คือข้อมูลที่รวบรวมจากบทสนทนาระหว่างรองหัวหน้าสมาคมแห่งสัจธรรมแอนดรูว์ และปราชญ์แห่งกลุ่มไอริสนามโดริส

คำเหล่านี้ต่างออกมาจากปากของผู้ทรงพลังในระดับภัยพิบัติ

ดังนั้นการไม่มีจุดประสงค์ลับ หรือไม่หวังจะฟลุคหลบหนีไปโดยมีเจตนาแอบแฝงจะเป็นการดีที่สุด

อย่างสุดท้าย หนังสือทุกเล่มในร้านต่างมีพลังลี้ลับซึ่งล้วนถูกเขียนด้วยภาษาต้องห้ามทั้งนั้น

บางทีหนังสือเพียงอย่างเดียวอาจไม่ค่อยมีพลังมากนัก อย่างมากก็มอบความสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืนเท่านั้น ทว่าเมื่อเจ้าของร้านหนังสือเลือกสรรให้อย่างดี มันจะช่วยแก้ปัญหาของคนคนหนึ่งได้แน่นอน

นี่สินะความเสียสละของเขา

ค่าใช้จ่ายที่เขาต้องการก็ไม่ได้เยอะอะไรเมื่อเทียบกับคุณค่าของหนังสือ เผลอ ๆ มันอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทบาทเจ้าของร้านที่เขากำลังเล่น

แคโรไลน์ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิดเมื่อหลินเจี๋ยขอให้เธออยู่อ่านหนังสือก่อน

กลับกัน เธอกลับรู้สึกคาดหวังเสียจนสลัดไม่หลุด

หญิงสาวมองไปยังชั้นหนังสือที่วางเป็นทิวแถว ภายใต้แสงสลัวนี้ เหล่าหนังสือซึ่งถูกจัดเรียงเป็นระเบียบไม่ได้โดดเด่นอะไรนักและดูคลับคล้ายคลับคลาจะเป็นภาพลวงตาก็มิปาน

ทว่าไม่ต้องสงสัยเลย ความรู้สึกราวกับต้องมนตร์ได้คืบคลานเข้ามาเกาะกุมจิตใจของแคโรไลน์โดยไร้สิ้นเสียงเสียแล้ว

“ขอ…ขอฉันดูเองได้ไหมคะ” จิตวิญญาณของเธอดูจะหลงเสน่ห์เวทมนตร์ขั้นสูงกว่า จนแคโรไลน์หลุดถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

เธอเพิ่งมารู้สึกตัวหลังหลุดปากออกไป จึงจ้องหลินเจี๋ยอย่างประหม่า หญิงสาวกำลังกังวล จะเกิดอะไรขึ้นหากเธอขัดใจเจ้าของร้านที่วางแผนจะแนะนำหนังสือให้ตนแต่แรก?

หลินเจี๋ยไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก มันก็แค่การแนะนำหนังสือ ลูกค้าย่อมมีสิทธิเสรีในการเลือกด้วยตัวเองอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่นแอคเกอร์แมน ชายวัยทำงานคนก่อนหน้านี้แค่อยากมาเดินดูเฉย ๆ ด้วยซ้ำ และหลินเจี๋ยก็เคารพการตัดสินใจของเขา

ธุรกิจที่ดีจะไม่ยัดเยียดให้คนซื้อหรือขาย มันต้องทำผ่านการโน้มน้าวด้วยอารมณ์และเหตุผลต่างหาก

อีกอย่าง หลินเจี๋ยเห็นแววตาตื่นเต้นของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าการถ่อมาถึงนี่ในสภาพอากาศแบบนี้เพื่องานถือเป็นเรื่องชวนเหนื่อยหนักหนา ใครเล่าจะไม่ดีใจเมื่อได้เจอที่พักสักที?

ตอนนี้เขาก็ได้เปลี่ยนนักวิจัยเมืองผู้ไม่มีความอยากซื้อหนังสือมาเป็นลูกค้าได้แล้ว ดังนั้นการพูดอะไรต่อก็คงไม่ส่งผลมากเท่าไรนัก

‘ผู้หญิงคนนี้มาด้วยจุดประสงค์ของเธอ และงานประเมินพื้นที่ก็ไม่ใช่เรื่องกล้วย ๆ ซะด้วย เพราะงั้นก็คงไม่ได้อยากได้หนังสือเล่มไหนสักเท่าไรหรอก’

‘ให้เธอเห็นกับตาเลยจะดีกว่า’

หลินเจี๋ยฉีกยิ้มพลางจัดชั้นวางให้เห็นหนังสือนิยายและร้อยแก้ว ในเวลาเดียวกันก็หยิบกาต้มน้ำไฟฟ้ามารินชาให้แคโรไลน์ไปด้วย “แน่นอนครับ เดินดูและคุยกับผมได้ตามสบายเลย นี่ก็เป็นงานของคุณไม่ใช่เหรอครับ”

เขาดันแก้วไปหาอีกฝ่ายเป็นเชิงสื่อว่าแคโรไลน์สามารถพักงานประเมินไว้ก่อน แล้วผ่อนคลายสักหน่อยได้

“จะประเมินอะไรก็ไม่ต้องเร่งรีบมากนักหรอกครับ”

แคโรไลน์ถอนหายใจโล่งอก เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมา จ้องมองควันขาวลอยโขมงแล้วรู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้น

เธอมาที่นี่เพื่อทำแบบประเมิน และเจ้าของร้านหนังสือรู้เรื่องนั้นเสียด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเป็นกันเองและอ่อนข้อให้

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโจเซฟถึงเลือกจะมอบดาบปีศาจแก่เขา

มีพลังอันมากมายขนาดนั้น แต่กลับอ่อนโยนถึงขนาดนี้…

แคโรไลน์ได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านหนังสือเริ่มอ่านหนังสือของตนต่อ หญิงสาวจึงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังชั้นวางหนังสือด้านหลังเคาน์เตอร์พร้อมถ้วยชาในมือ

หากไม่เดินเข้าไปก็คงไม่อาจทราบได้ว่าร้านหนังสือนี้ไม่ได้โทรมอย่างที่คิดไว้ตอนแรก

ด้านหลังเคาน์เตอร์มีชั้นวางหนังสืออยู่ถึงสิบสามตู้ ตู้หนึ่งยาวประมาณห้าเมตร แค่เป็นเพราะแสงที่มืดสลัว การจัดวางอันอัดแน่น และกองหนังสือบนพื้นเท่านั้นที่ทำให้ร้านหนังสือนี้ดูคับแคบ

เธอค่อย ๆ เดินผ่านชั้นหนังสือที่วางเรียงกันเป็นแถว สายตาจับจ้องไปยังสันหนังสือที่โผล่มาให้เห็น

‘หนังสือแห่งวิญญาณอันลาจาก’ ‘ตามหาบุปผาซุกซ่อนในนิมิต’ ‘ไล่ตามเงาในอดีต’…

ชื่อหนังสือทุกเล่มต่างทำให้หญิงสาวใจเต้นรัว

นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีรายงานไหนเอ่ยถึงมาก่อน ทว่าแม้หญิงสาวจะตื่นเต้นมากเพียงใด เธอก็ยังตั้งสติได้และจดจำชื่อหนังสือไว้ในใจ แต่กลับไม่สุ่มหยิบมาเลยสักเล่ม

สุดท้าย สายตาของเธอกลับตกไปยังหนังสือชื่อ ‘ดวงเนตรเพ่งพิศ’

‘นี่ใช่… หนังสือที่เกี่ยวกับความสามารถในการสืบสวนรึเปล่านะ?’

การประเมินปัญหา สินค้า หรือระดับความอันตรายของสิ่งมีชีวิตต่างก็เป็นงานของแคโรไลน์ทั้งสิ้น สำหรับหญิงสาวแล้ว นี่ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญมาก

แคโรไลน์ไม่แน่ใจนัก เธอหยิบหนังสือออกมา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนเปิดมันออก

หญิงสาวขนลุกซู่อย่างไม่มีสาเหตุและรู้สึกราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเธอจากด้านหลัง

และภาษาต้องห้ามเบื้องหน้าเธอก็สูบเหตุและผลของเธอออกไปจนสิ้น

“ขอ…ขออันนี้ได้ไหมคะ”

หลินเจี๋ยเงยหน้ามองหนังสือในมือแคโรไลน์

‘มองเจ้าจากไป [1]’…อ้อ…คอลเลคชั่นร้อยแก้วเกี่ยวกับความอ่อนไหวสุดคลาสสิกนี่เอง หลินเจี๋ยไม่นึกเลยว่าหญิงสาววัยทำงานสุดแกร่งคนนี้ ความจริงแล้วจะชอบหนังสือซึ่งอัดแน่นไปด้วยความเศร้าอันวิจิตรแบบนี้

‘แต่ว่าเสียงของเธอดูสั่นเครือไปหน่อยรึเปล่า หน้าตาก็ซีดลงด้วย เนื้อความข้างในคงตื้นตันใจน่าดูละมั้ง?’

‘รูปร่างหน้าตาเนี่ยหลอกกันเห็น ๆ ดูท่าทางเธอคนนี้ลึก ๆ แล้ว อารมณ์อ่อนไหวง่ายอยู่แฮะ’

หลินเจี๋ยวางหนังสือลงในกระเป๋าแล้วกล่าว “ไหวไหมครับ อ้อ หนังสือนี่อาจทำให้สิ้นหวังไปบ้างแต่อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละครับ”

แคโรไลน์พยายามฉีกยิ้ม “สิ้นหวัง…จริง ๆ แหละค่ะ แต่อีกเดี๋ยวฉันก็ชินกับมันเอง ขอบคุณนะคะ”

“ฮู่วว…”

เธอพ่นลมหายใจออกมา ร่างทั้งร่างสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่พลางยกมือแตะดวงตาของตน

ความรู้สึกที่ตาทั้งคู่ถูกควักออกมาแล้วถูกใส่เข้าไปด้วยคู่ใหม่ เป็นประสบการณ์ที่ชีวิตนี้ขอไม่เจออีกเลยจะดีกว่า

ดวงตาคู่ใหม่ของเธอกระตุกราวกับพวกมันมีชีวิต และยามมองไปยังสิ่งของอย่างอื่น เธอจะเห็นข้อมูลทุกอย่างโผล่ขึ้นมาแล้วก็หายไป

[1] มู่ซ่ง ร้อยแก้วภาษาจีน ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษในชื่อ Watching You Go