บทที่ 74 กระบวนการหลากระดับของแอคเกอร์แมน

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 74 : กระบวนการหลากระดับของแอคเกอร์แมน

ไม่ว่าจะมาที่นี่สักกี่ครั้ง แอคเกอร์แมนก็ไม่อาจคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของสมาคมแห่งสัจธรรมได้เลย

ในชีวิตของนักล่าทั้งหลาย เลือด เหล็ก การฆ่าฟัน ความโหดร้าย ความวุ่นวาย และความบ้าคลั่งเป็นแค่มุมมองหนึ่ง นักล่าเป็นเพียงสัตว์อสูรในร่างมนุษย์ก็เท่านั้นเอง

ระหว่างการแปลงกาย พวกเขาไม่มีทางคงอยู่ในร่างมนุษย์ได้ สิ่งที่มี ‘ความเป็นมนุษย์’ หลงเหลืออยู่มีแค่แก่นลึกสุดเท่านั้น

แถมชีวิตของนักล่านั้นตรงไปตรงมาและป่าเถื่อน ช่างตรงข้ามกับสมาคมแห่งสัจธรรมผู้บูชาความรู้และเหตุผลโดยสิ้นเชิง

ออฟฟิศนี้อยู่ชั้นบน ๆ ของสำนักงานใหญ่ของสมาคมแห่งสัจธรรม

มันสะอาดสะอ้าน ส่วนใหญ่มีแต่หนังและแก้ว เฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายต่างดูหรูหราราคาแพง และการจัดวางก็ดูอัดแน่นจนไม่เหลือพื้นที่

สิ่งที่น่าอึดอัดที่สุดสำหรับแอคเกอร์แมนคือมันไม่มีกลิ่นเลย

ไม่ว่าจะตกแต่งหรูหราโอ่อ่าแค่ไหน มันก็ไม่อาจปิดกั้นบรรยากาศเย็นยะเยือกได้เลย

ไม่ใช่แค่ตึกเท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้คนข้างในด้วย

ให้เจาะชัดอีกนิด กลิ่นอายของสมาชิกส่วนใหญ่ของสมาคมแห่งสัจธรรมนั้นช่างถมถืดและคงเส้นคงวา

พวกเขาต่างใช้ชีวิตโดยวางกำหนดการเข้มงวดและใช้ชีวิตทุกวันอยู่ในห้องทดลองหรือห้องเรียน คนแบบนี้ไม่ค่อยทำกิจกรรมที่ไม่จำเป็น ดังนั้นจึงไม่มีกลิ่นอื่นมาย้อมพวกเขา

การใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนี้นาน ๆ ทำให้พวกเขาดูจะหมกมุ่นกับคอนเซปต์ของความรู้จนพวกเขาดูไร้ชีวิตและกลวงเปล่าอย่างไรชอบกล

สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือกลิ่นอายความเย็นยะเยือกก็เท่านั้น

กลิ่นของ ‘ความกระหายความรู้’

แอคเกอร์แมนไม่ได้ปลอมตัวมา เขาไม่ได้สวมบทเป็นชายวัยกลางคนแสนเหน็ดเหนื่อยจากงานแล้ว ชายหนุ่มตอนนี้อยู่ในสภาพของนักล่าซีดเซียวและดุร้ายในชุดสีดำสนิท

เขาดูจะอายุประมาณยี่สิบ รูปร่างผอมบางและดูเย็นชาห่างเหิน หลายคนบอกว่าเขาเป็นดั่งผู้สั่นระฆังซึ่งจะรอทั้งคืนเพื่อสั่นระฆังยอดหอคอยในเวลากลางวันเพราะความอดทนอันมากล้น

ในความเป็นจริง ยามเผชิญหน้ากับเหยื่อ เขาก็มีความอดทนมากเพียงพอจริง ๆ นั่นแหละ

รองหัวหน้าสมาคมแห่งสัจธรรมแอนดรูว์นั่งตรงข้ามเขา มีข่าวลือหนาหูในสมาคมฯ ว่าแอนดรูว์วัยหนุ่มเป็นคนนอกรีต เพราะเสน่ห์และวิธีไล่จีบสาวของเขา

ช่วงเวลาโด่งดังที่สุดคงไม่พ้นความสัมพันธ์ลับ ๆ กับนักปราชญ์กลุ่มไอริสที่สุดท้ายก็มอดดับลงไป

แม้ว่าชายคนนี้จะแก่ตัวลงแล้ว แต่เบ้าตาลึกคู่นั้นและสันจมูกโด่งยังเผยให้เห็นเสน่ห์ความเป็นชาย แล้วยิ่งใส่สูทสุภาพบุรุษแบบนี้ ดวงตาสีน้ำเงินมหาสมุทรของเขาก็ยิ่งตราตรึงใจมากขึ้นไปอีก

หากแอนดรูว์ไปแสดงตัวในงานเต้นรำในเขตกลางที่ชนชั้นสูงจัดละก็ เป็นไปได้สูงว่าเขาคงดึงดูดสายตาชื่นชมจากหญิงสาวได้มากมายเลยทีเดียว

แอนดรูว์จ้องมองนักล่าที่อยู่ตรงข้าม แล้วเอ่ยถามโดยไม่เลื่อนสายตาไปไหน “หากผมจำไม่ผิด คุณเคยกระตือรือร้นจะเข้าสู่การประเมินไปสู่ระดับภัยพิบัติอยู่เลยนี่”

ลึก ๆ แล้วแอนดรูว์ประหลาดใจจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ผ่านไปไม่กี่วัน นักล่าแสนทะเยอทะยานถึงขั้นรับงานล่าค่าหัวคนนั้นดันกลับมาเพื่อคืนภารกิจเสียเฉย ๆ

เขาเชื่อมาตลอดว่าแอคเกอร์แมนในตอนนั้นมุ่งมั่นและจะทำทุกอย่างให้จบอย่างว่องไว

แต่นี่เวลาผ่านมาไม่เท่าไร มันควรจะมากพอสำหรับการสำรวจเบื้องต้นแล้วไม่ใช่หรือ

จากที่สมาคมแห่งสัจธรรมรู้มา แอคเกอร์แมนได้ผ่านการสืบสวนรอบแรกไปแล้ว ‘ตามสืบรอบ ๆ ร้านหนังสือ และไปเยือนสักครั้ง’

อีกอย่าง พวกเขาได้ติดตั้งเครื่องตรวจจับอีเธอร์แล้ว แต่ไม่พบความผันผวนของพลังอีเธอร์เลยแม้แต่น้อย

ไม่สิ แค่ร่องรอยยังไม่มีด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับความผันผวนกัน

จากการสังเกต ร้านหนังสือก็ดูจะสงบสุขมาตลอด และไม่มีการรบราฆ่าฟันอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด

นั่นหมายความว่า…แม้จะคาดไม่ถึงก็เถอะ แต่บางทีนักล่าตรงหน้าเขาอาจเลือกจะยอมแพ้ก่อนเริ่มภารกิจเสียอีก

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

คงไม่ใช่ว่า…เขาเข้าไปในร้านหนังสือและคุยอะไรนิดหน่อย และในช่วงระยะเวลานั้น เจ้าของร้านหนังสือก็ทำให้จิตใจใฝ่สู้ของเขาดับสนิทเพราะคำพูดอย่างเดียวหรอกนะ?

‘นั่นมันไร้สาระสิ้นดี!’

แอนดรูว์ใช้ความคิดเป็นเหตุและผลของตนมาปะติดปะต่อเรื่องราวที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด แล้วคิดว่ามันต้องมีปัจจัยอื่นที่เขาไม่รู้อีกเป็นแน่

แอคเกอร์แมนพยักหน้าและยอมรับในจุดนี้ “ใช่ครับ ผมเคยตั้งตารอการประเมินจริง ๆ”

แอนดรูว์หน้าตึงไป แต่ยังคงสติไว้ได้อยู่จึงถามต่อ “แล้วทำไมคุณถึงเลือกยอมแพ้ตอนนี้ซะล่ะ? ตอนนี้งานล่าค่าหัวของไวลด์น่ะง่ายสุดในหมู่ระดับภัยพิบัติกันเองเสียอีก…ที่ผมจะสื่อคือถ้ามันเป็นเพราะความยากของงานล่าค่าหัวละก็ นี่ถือว่าง่ายสุดในทั้งหมดเลยนะ”

เขาพล่ามต่อ “อีกอย่าง รางวัลค่าหัวของเขาก็ถือว่าสูง และก่อนหน้านี้คุณเองก็มีเจตจำนงและความทะเยอทะยานที่มากพอด้วย…”

แอคเกอร์แมนมองไปยังแอนดรูว์พร้อมแทรกอย่างหยาบคาย “รองหัวหน้าแอนดรูว์ครับ ผมไม่คิดว่าสมาคมแห่งสัจธรรมต้องมาสอบสวนเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวว่าทำไมถึงเลือกจะยอมแพ้หรอกใช่ไหม? เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณมานั่งใส่ใจหรือมีกฎทำนองนั้นสักหน่อย”

“คุณดูลุกลี้ลุกลนเกินเหตุนะ” แอคเกอร์แมนต่อ

“…” แอนดรูว์ฝืนยิ้มออกมา “คุณพูดถูก แต่ว่าหากมองความปลอดภัยในนอร์ซินด้วยแล้วก็ควรรับฟังสักหน่อย ช่วงนี้นอร์ซินไม่ได้สงบสุขอะไรขนาดนั้น พวกเราหวังจริง ๆ ว่าจะมีคนคอยมาช่วยแก้ไขภัยที่ซุกซ่อนนี้ได้”

เขาบังคับหมากนักล่าระดับภัยพิบัติโดยการใช้ความปรารถนาของแอคเกอร์แมนเป็นหัวหอกในการสืบสวนโซนระดับ S ของสมาคมแห่งสัจธรรม

ทว่าการตัดสินใจของแอคเกอร์แมนที่จะยอมแพ้ทำให้สถานการณ์กระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก

แอคเกอร์แมนในตอนนี้เป็นฝ่ายคุม และมันจะดูเหมือนว่าแอนดรูว์มีเจตนาแอบแฝงหากเขาพยายามโน้มน้าวไปมากกว่านี้

เขาทำได้เพียงปรามความหงุดหงิดในใจไม่ให้หลุดคำใดออกไปเท่านั้น

“ถ้างั้นผมต้องขอโทษด้วย พอดีไม่ได้มีความสนใจในเรื่องดูแลสาธารณะขนาดนั้น นี่เป็นแค่ความสนใจส่วนตัวของผมเฉย ๆ น่ะ”

แอคเกอร์แมนเอ่ยต่ออย่างใจเย็น “ผมว่าคุณแอนดรูว์น่าจะมีข้อมูลของผมแบบละเอียดอยู่นะ หรือจะให้บอกว่า คุณน่าจะคุ้นเคยกับนักล่าอย่างเรา ๆ ดีล่ะ พวกเราตามล่าเหยื่อที่มีค่าอย่างเดียว เป็นอสุรกายเห็นแก่ตัวที่มองแค่ผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงปัญหาซะด้วยสิ”

เขาฉลาดกว่าที่แอนดรูว์คาดการณ์เอาไว้เยอะ ต่อให้ชีวิตของนักล่าจะเปี่ยมไปด้วยการเข่นฆ่า แต่มันก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นั้น

อีกทั้งเขายังเป็นเลิศในการปลอมตัว

แอคเกอร์แมนได้แต่สบถในใจ

เขาหวังให้นักล่าริเริ่มก่อตั้งองค์กรของตัวเองเสียที หากมองจากมุมหนึ่งก็จะแปลว่าพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูของสมาคมแห่งสัจธรรมไปโดยปริยาย

เจ้าพวกจองหองนี่ยังไม่รู้อีกว่าเจ้าของร้านหนังสือน่ะแข็งแกร่งแค่ไหน ‘แถมดูแล้วกำลังเฝ้ามองโอกาสอีก งั้นก็ปล่อยให้พวกมันมืดแปดด้านต่อไปละกัน’

ใจของแอนดรูว์เต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ ‘มองแค่ผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงปัญหา? ปัญหาที่ว่าหมายถึงใครกัน?’

เขาสัมผัสได้ว่าแอคเกอร์แมนไม่ได้หมายถึงไวลด์แต่เป็นคนอื่น

‘และถ้าไม่ใช่หมายถึงเจ้าของร้านหนังสือนั่น ก็หมายถึงสมาคมฯ เราน่ะสิ…แสดงว่ารู้แล้วงั้นเหรอ’

‘แต่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ท่าทีของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกับแค่การเข้าร้านหนังสือโง่ ๆ เนี่ย’

‘เดี๋ยวก่อนนะ ร้านหนังสือ?’

‘แสดงว่าแอคเกอร์แมนเจออะไรบางอย่างจากเจ้าของร้านหนังสือเหรอ นั่นแปลว่ามีโอกาสที่เจ้าของร้านนั่นจะปลุกปั่นหมอนี่ในช่วงระหว่างที่คุยกันสินะ’

ทว่าแม้ใจของแอนดรูว์จะเต็มไปด้วยความสงสัย เขาก็ไม่อาจถามไถ่ต่อได้ ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ และคงรอยยิ้มสง่างามซึ่งแฝงไปด้วยความเยือกเย็นอันเหน็บแนม “ในเมื่อยืนยันแบบนี้ ผมก็ไม่โน้มน้าวต่อแล้วละ ตัดเรื่องนี้ไปก่อน ข่าวที่คุณรับงานล่าค่าหัวนี้ถูกประกาศในสาธารณะแล้วว่าคุณรับไปเพื่อการประเมิน ดังนั้นข่าวที่คุณยอมรามือเองก็จะถูกประกาศด้วยเช่นกัน มีข้อโต้แย้งอะไรไหมครับ”

‘แกล้งทำเป็นถอยเพื่อเดินหน้าต่อเรอะ ตอนนี้หันมาขู่เรื่องชื่อเสียงฉันแทนแล้วว่างั้น?’

เหอะ ไม่รู้เลยละสิว่าการมีชื่อเสียก็ยังดีกว่าไม่มีชื่อในหมู่นักล่าที่กระจัดกระจายไปทั่วแบบนี้

ชื่อเสียงของแอคเกอร์แมนในฐานะนักล่าระดับสัตว์ประหลาดถือว่าค่อนข้างกำกวม

ในเมื่อตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการรวบรวมเหล่านักล่าก็ต้องหาวิธีโปรโมตตัวเองสักหน่อย

‘สมาคมแห่งสัจธรรมนี่ช่วยได้เยอะเลยแฮะ เฮ้อ…’

แอคเกอร์แมนเกือบจะหัวเราะลั่น เขากัดฟันแสร้งทำเป็นไม่พอใจพลางลุกขึ้นยืน “แน่นอนว่าไม่มี”

แล้วก็พุ่งปรี่ออกจากออฟฟิศไป ทิ้งไว้เพียงสายลมจากการวิ่งของเขาไว้ด้านหลัง

แอนดรูว์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆ เลือนหายไป

ผ่านไปสักพัก เขาก็ล้วงเอาอุปกรณ์สื่อสารเพื่อติดต่อหาหอพิธีกรรมต้องห้ามแผนกหน่วยข่าวกรอง

หากเจ้าของร้านหนังสือมองออกว่าพวกเขาส่งแอคเกอร์แมนไปดูลาดเลาที่ร้านหนังสือ แล้วมาตอบโต้โดยทำให้แอคเกอร์แมนยอมรามือจากภารกิจ ไม่ได้แปลว่าสุดท้ายเขาก็ช่วยไวลด์หรอกหรือ

และหากมองจากข้อมูลเก่าที่เขา ‘เป็นมิตร’ และชอบช่วยเหลือคนอื่น ‘อย่างหน้ามืดตามัว’ ละก็ ไม่ใช่ว่าเขาควรจะช่วยแอคเกอร์แมนทำภารกิจให้สำเร็จไม่ใช่หรือไร

แต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ไม่ยื่นมือช่วยอย่างเดียว เจ้าของร้านดูจะทำให้ชื่อเสียงของแอคเกอร์แมนตกต่ำลงไปอีก เป็นอะไรที่เจ้าของร้านหนังสือควรจะมองเห็นได้สิหากมองตามความสามารถของเขา

แล้วทำไมแอนดรูว์จึงไม่สงสัยจุดยืนของเจ้าของร้านหนังสือมาก่อน ในเมื่ออีกฝ่ายดูเกี่ยวข้องกับไวลด์ล่ะ?

“ฮัลโหล?”

คนที่ตอบไม่ใช่โจเซฟ แต่แอนดรูว์เข้าใจว่าเป็นลูกศิษย์ของโจเซฟ อัศวินที่ชื่อคล็อดคนนั้น

“โอ๊ะ สมาคมแห่งสัจธรรม รองหัวหน้าแอนดรูว์ มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ”

“โจเซฟอยู่ไหน” แอนดรูว์พึมพำ

“อาจารย์ยื่นคำขอกลับบ้านน่ะครับ มีคำขออะไรทิ้งไว้ให้ผมได้เลย ผมเป็นผู้ดูแลแผนกหน่วยข่าวกรองชั่วคราวน่ะ”

“มีไฟล์สูตรสำเร็จของโซนระดับ S 0113 รึเปล่า”

“อ๊ะ บังเอิญจังเลยครับ ไฟล์นี้เพิ่งถูกอัปเดตไปเมื่อไม่นานมานี้เองแต่ อะแฮ่ม คุณน่าจะรู้ว่าสำหรับข้อมูลแล้ว ยิ่งสดใหม่เท่าไรก็ยิ่งล้ำค่ามากเท่านั้น…”

คล็อดยังมีสีหน้าสำนึกผิดเล็กน้อยอยู่เมื่อเอ่ยคำนั้นออกมา

เขาไม่กล้าบากหน้าไปส่งคำขอเพิ่มงบประมาณกับคนตรงไปตรงมาอย่างอาจารย์ของตนได้หรอก

ราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ แอนดรูว์จึงตอบกลับโดยไร้ซึ่งความลังเล “เท่าไร?”

นี่เขาเห็นต่างกับอาจารย์มากี่ครั้งแล้วล่ะนี่!

คล็อดตกตะลึงพร้อมสำลักด้วยความเลิ่กลั่ก “เอ่อ โปรดรอสักครู่นะครับ…”

เขาหยิบ ‘ใบราคา’ ที่โจเซฟเตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว ทว่าในตอนนั้นเอง คอมพิวเตอร์ข้างตัวเขากลับเด้งแจ้งเตือนขึ้นมาเสียก่อน คล็อดหันไปมองและพบว่าเป็นข้อความจากโจเซฟ

[เปลี่ยนสถานะไฟล์ 0113 เป็นผนึก แล้วโยนราคาเก่าทิ้งแม่xไปได้เลย ห้ามขาย]

“ขอโทษด้วยครับ…” เขากลับไปตอบสายที่ถือรออยู่ “คุณแอนดรูว์ เกรงว่าไฟล์คดีนี้จะไม่ได้มีไว้ขายซะแล้วครับ”