บทที่ 75 หวังว่าภารกิจของคุณจะสำเร็จด้วยดี

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 75 : หวังว่าภารกิจของคุณจะสำเร็จด้วยดี

แอนดรูว์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

แวบหนึ่งเขาถึงกับสงสัยว่าตนฟังผิดไปหรือเปล่าด้วยซ้ำ

หอพิธีกรรมต้องห้ามและสมาคมแห่งสัจธรรมได้ร่วมมือกันมาอย่างยาวนาน เนื่องจากรายชื่อระดับต้องอัปเดตใหม่ทุกปี มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่กับเรื่องไฟล์คดีระดับ S

แม้ระดับ S จะมีไม่มาก สิ่งที่เปลี่ยนไปก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น

อีกอย่าง แอนดรูว์ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะแสร้งทำเป็นลังเล จึงติดต่อไปโดยไม่คิดต่อรอง หอพิธีกรรมต้องห้ามไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธการแลกเปลี่ยนนี้เช่นกัน

ทว่าความจริงที่เกิดขึ้นคือเขาเพิ่งโดนปฏิเสธมาหมาด ๆ

หนุ่มปลายสายบนจอเอ่ยออกมาชัดเจนว่า ‘ไฟล์คดีนี้เกรงว่าจะขายไม่ได้ซะแล้ว’

สิ่งที่ทำให้แอนดรูว์ทั้งสับสนและบันดาลโทสะคือสามวินาทีก่อน คล็อดยังทำท่าจะเอ่ยราคางาม ๆ ออกมาเหมือนที่โจเซฟเคยทำแท้ ๆ

นั่นแปลว่าในช่วงระยะเวลาสามวินาที ไฟล์คดีนี้ก็เปลี่ยนจากซื้อขายได้เป็นขายไม่ได้เสียอย่างนั้น

นี่มันสมเหตุสมผลด้วยเหรอ

ใบหน้าของแอนดรูว์ถมึงทึง ในช่วงสามวินาทีนั้นมันต้องมีเหตุที่ทำให้เจ้าหนุ่มคนนี้กลับคำพูด

ในตอนนี้ คนที่จะให้คำสั่งคล็อด แล้วเขาก็น้อมรับคำโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดก็มีอยู่คนเดียว

หัวหน้าแผนกหน่วยข่าวกรองผู้ยื่นใบลาและปล่อยให้ศิษย์ของตนดูแลงานไป อับราฮัม โจเซฟนั่นเอง

“ฟู่…”

แอนดรูว์พ่นลมหายใจแล้วบอก “ให้ฉันคุยกับโจเซฟซิ”

คล็อดไม่แปลกใจสักนิดว่าแอนดรูว์จะเดาความจริงได้ในเวลาสั้น ๆ แบบนี้ อย่างไรเสีย การเปลี่ยนแปลงนี่ก็กะทันหันเกินไป และเขาเองก็ฟังแค่คำสั่งของโจเซฟเท่านั้นด้วย

แต่…

เขาเหลือบตามองข้อความที่เพิ่งได้รับมาหมาด ๆ

“ต้องขอโทษจริง ๆ ครับคุณแอนดรูว์ อาจารย์มีธุระกะทันหันเลยไม่สามารถมาต่อสายกับคุณได้ในทันทีน่ะครับ”

คล็อดเสริมอีก “คุณถามผมได้โดยตรงเลย หากมีปัญหาอะไร ผมจะพยายามช่วยตอบ เอ่อ…อธิบายอย่างสมเหตุสมผลที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”

“โฮ่?” แอนดรูว์เอนหลังพิงโซฟา เอ่ยด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ถ้าอย่างนั้นนะคล็อด ช่วยอธิบายให้ฉันฟังซิว่าทำไมจู่ ๆ ไฟล์คดีนี้ถึงขายไม่ได้แล้วล่ะ”

คล็อดกระแอมและตอบกลับด้วยความสุภาพ “คือเรื่องเป็นแบบนี้ครับ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะความเลินเล่อของผมเอง ประเภทของไฟล์โซนระดับ S 0113 ได้เปลี่ยนจาก ‘ลับ’ เป็น ‘ผนึก’ แล้วน่ะครับ”

“แม้คุณจะมีอำนาจและสิทธิพิเศษอยู่ พวกเราก็ขายไฟล์ในระดับนี้ให้ไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมขายให้ก็จะผิดกฎ และผมก็จะโดนลงโทษอย่างหนัก”

“ผมแค่มาเป็นตัวแทนของอาจารย์ชั่วคราวเพื่อให้แผนกหน่วยข่าวกรองทำงานต่อไปได้อย่างราบรื่น ก็เลยยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก คงต้องขอขมาจากใจจริงที่หลุดปากไปด้วยครับ โชคดีที่เกิดเรื่องขึ้นก่อนพวกเราจะแลกเปลี่ยนกันก็เลยไม่มีผลร้ายแรงตามมา ส่วนเรื่องของอาจารย์นั้น ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก”

“หากมันจำเป็นจริง ๆ คุณจะรอจนกว่าอาจารย์จะเสร็จธุระแล้วค่อยมาคุยกับเขาโดยตรง หรือจะคุยกับผู้อาวุโสโดยตรงเลยก็ได้เช่นกันครับ”

สีหน้าของแอนดรูว์ดูไม่ได้เข้าไปทุกที แต่ต่อให้เขากำลังกัดกรามกรอด เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

เนื่องจากหากคล็อดพูดจริง หอพิธีกรรมต้องห้ามแค่กำลังรับมือเรื่องราวตามกฎเกณฑ์ของพวกเขาเท่านั้น

แต่แอนดรูว์ไม่อาจรู้เลยว่าเหตุใดท่าทีเช่นนี้จึงไม่อาจทำให้เขาสงบลงได้ แถมยังเป็นการราดน้ำมันลงไปบนกองไฟเสียอีก เขารู้สึกไม่ต่างกับโดนปั่นหัวเล่นเลยสักนิด

ตอนนี้ คำถามที่สำคัญที่สุดคือทำไมจู่ ๆ ไฟล์คดีนี้ถึงเลื่อนระดับเป็นผนึกได้

แอนดรูว์ยิ้มใจเย็นอีกครั้ง “มันผ่านมาไม่ถึงเดือนเองนี่ ทำไมจู่ ๆ ระดับถึงเลื่อนขึ้นมาล่ะ แต่ยังไงก็ยังถือว่าเป็นคดีเดิมนี่ ใช่ไหม? เป้าหมายก็ยังเป็นร้านหนังสือกับท่าทีของเจ้าของร้านคนนั้น แล้วก็กำลังตรวจสอบเจตนากันอยู่ มีเหตุผลอะไรทำให้พวกนายเลือกที่จะไม่ส่งข้อมูลนี้ให้สมาคมแห่งสัจธรรมล่ะ?

“หรือว่าพวกนายถูกเจ้าของร้านล่อลวงเข้า…”

คล็อดแทรกทันที “ขอโทษนะครับ”

เส้นเลือดบนขมับกระตุกเมื่อเขารู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิมด้วยคำสี่พยางค์นั้น ชายหนุ่มจ้องตรงไปยังเครื่องมือสื่อสารในมือ แล้วถามช้า ๆ “คราวนี้อะไรอีก”

“มันไม่ได้เป็นแค่ไฟล์คดีเดียวน่ะครับ”

“ที่ผมจะสื่อคือ…ผมต้องอธิบายสินะ หลังจากการสืบสวนอย่างละเอียดเพิ่มเติม ไฟล์ 0113 ได้ขยายแตกออกเป็นไฟล์ 0114 แล้วครับ ไฟล์ 0113 เป็นแค่รายงานสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น ส่วนไฟล์ 0114 เป็นประวัติตัวบุคคลครับ ทั้งสองไฟล์นั้นถูกจำแนกให้อยู่ในประเภทผนึกแล้ว”

“ส่วนอีกข้อที่คุณถาม เหล่าผู้อาวุโสได้ส่งนักประเมินผู้เชี่ยวชาญไป และผลประเมินตรงกับของคุณโจเซฟพอดีครับ เจ้าของร้านหนังสือเป็นมิตรแน่นอนและไม่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีเลย แต่จากที่พวกเรารู้สภาพการณ์มา เขาไม่ได้เอนเอียงไปฝั่งร้าย ดังนั้นไม่ต้องจู้จี้อะไรมากหรอกครับ”

คล็อดไม่ลืมที่จะเสริมประโยคท้ายหลังเอ่ยคำอธิบายเหล่านั้นออกไป “นี่เป็นข้อมูลอีกชุดซึ่งไม่ใช่เนื้อหาหลักของไฟล์รายงานครับ”

แอนดรูว์สบถ “ตลกสิ้นดี! ไม่มีแนวโน้มว่าจะเลวก็แปลว่ามันจะไม่มีเลยเรอะ? ถ้านี่เป็นวิธีที่หอพิธีกรรมต้องห้ามรับมือละก็ ฉันก็เสียใจสุดซึ้งเลยละ ข้อเสนอของนายไม่แย่เลยนี่ ฉันว่าอีกเดี๋ยวไปคุยกับสามผู้อาวุโสนั่นดีกว่า…”

คล็อดถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะพยักหน้ายินดี “รู้สึกดีจริง ๆ ที่คุณเข้าใจ ผมหวังว่าคุณจะได้คุยกับผู้อาวุโสในเร็ววันนะครับ”

แอนดรูว์ถึงกับเกือบสำลัก ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงกับอ่านไม่ออกว่าคล็อดหมายความตามนั้นจริงหรือไม่

เมื่อเห็นว่ารองหัวหน้าแอนดรูว์เงียบไป คล็อดจึงเอ่ยขึ้นมา “ไม่ทราบว่ามีคำถามอะไรอีกไหมครับ”

แอนดรูว์พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง เขาเกือบจะคลั่งตามโทสะไปเสียแล้ว เขาส่งสายตาแน่วแน่พร้อมพึมพำ “นี่ยังไม่พอหรอก นายยังไม่บอกสาเหตุเลยว่าทำไมจู่ ๆ มันถึงเลื่อนระดับเป็นผนึกแล้วน่ะ”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจของผมครับ ผมไม่ทราบและไม่มีอำนาจการเปลี่ยนแปลงการจำแนกด้วย ไม่ใช่ว่าคุณตัดสินใจไปคุยกับผู้อาวุโสแล้วเหรอครับคุณแอนดรูว์? ผมเชื่อว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ดีกว่ามาคุยเรื่องนี้กับผมนะครับ”

‘แม่xเอ๊ย! ไอ้คู่อาจารย์ลูกศิษย์นี่ลื่นไหลเป็นปลาไหลใส่สเก็ตพอกันเลยนี่หว่า!’

หลังจากดิ้นไม่หลุดมาสักพัก แอนดรูว์ก็ได้แต่กัดฟันกรอด “ได้ งั้นฉันจะไปตรวจสอบร้านหนังสือนั่นด้วยตัวเองก็แล้วกัน”

“ดีเลยครับ! ผมหวังว่าภารกิจคุณจะสำเร็จด้วยดีนะครับ! เขาว่ากันว่าเจ้าของร้านไม่ใช่แค่เป็นมิตร แต่พร้อมจะช่วยเหลือปัญหาของคนอื่นด้วย ผมหวังว่าคุณจะเพลิดเพลินไปกับ…”

ปัง!

เครื่องมือสื่อสารได้ปิดลงเรียบร้อย

แอนดรูว์นั่งอยู่คนเดียวในออฟฟิศเนิ่นนาน สายตาจดจ้องไปยังสายฝนที่ตกเทลงมาทางหน้าตา เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดไวน์แดงบนโต๊ะและรินให้ตัวเองหนึ่งแก้ว

“เฮ้อ…ด้วยตัวเองเหรอ ไม่น่าหลุดปากเพราะโมโหไปเล้ยให้ตายสิ ถึงความอยากรู้อยากเห็นของนักวิชาการที่อยาก ‘เสาะหาความจริง’ จะมาอ้างนิสัยตรงนี้ได้ก็เถอะ…”