ตอนที่ 103 อุบัติเหตุระหว่างสอบใบขับขี่

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 103 อุบัติเหตุระหว่างสอบใบขับขี่

ตลอดทั้งคืนนอนหลับสนิทไร้ฝันรบกวน

มู่เถาเยาตื่นขึ้นมาแต่เช้าและออกไปประลองฝีมือกับเย่ว์หลั่งและเย่ว์จือเหิง บอดี้การ์ดของตระกูลตี้ก็ขึ้นเวทีด้วยเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ถูกเธอล้มทั้งหมด

ตี้อู๋เปียนรู้สึกขายหน้าจริงๆ

คนเป็นกลุ่มใหญ่แต่กลับเอาชนะเด็กสาวเพียงคนเดียวไม่ได้ ทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!

มู่เถาเยารู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะก้าวหน้าขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เธอต่อสู้กับเหล่าบอดี้การ์ดอย่างเต็มที่

เธอเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ จึงสามารถเรียนรู้และค้นพบจุดบกพร่องของตัวเองได้จากกระบวนท่านับร้อยที่ปลดปล่อยออกไป รวมถึงใช้จุดแข็งของตัวเองผนวกกับจุดแข็งของคู่ต่อสู้รังสรรค์เป็นกระบวนท่าใหม่ๆ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนอื่นทำได้เพียงคิดแต่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

อย่างไรก็ตาม คนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ อย่างตี้อู๋เปียนจดจำการเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขาและอัดมันเข้าไปในมุมหนึ่งของคลังเก็บความทรงจำแล้ว

รอให้ร่างกายของเขาหายกลับมาเป็นปกติก่อนเถอะ หึหึ ซาลาเปาน้อย อย่าหวังว่าจะรับมือเขาได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!

เธอกล้าดียังไงมาบอกว่าเขาไม่ไหว!

บอดี้การ์ดของตระกูลตี้เข้ามาห้อมล้อมมู่เถาเยาราวกับฝูงผึ้งต้องการกราบเธอเป็นอาจารย์ อยากให้เธอช่วยชี้แนะให้

เย่ว์จือเหิงดึงน้องสาวของเขาออกจากวงล้อมของกลุ่มชายร่างใหญ่

ซาลาเปาน้อยมู่เถาเยาใบหน้าของเธอแดงก่ำดูสุขภาพดี แววตาของเธอดูกระฉับกระเฉงอย่างมาก และมันก็สุกสกาวราวกับดวงตาของลูกแมวในความมืด

ตี้อู๋เปียนไม่อาจละสายตาไปได้ชั่วครู่หนึ่ง

เขาไม่เคยเห็นเธอในมุมนี้มาก่อนเลย เธอที่ทั้งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานชีวิตและความสดใส

โดยปกติแล้ว เด็กสาวคนนี้มักจะวางตัวราวกับชายชราที่เร้นกายจากโลกภายนอก เหมือนเด็กที่แสร้งทำเป็นผู้ใหญ่ หรือภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง เธอก็จะเหมือนกับเด็กสาวในหมู่บ้านที่ห่างไกลที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกใบนี้

คุณพ่อเย่ว์หลั่งมีสัญชาตญาณความเป็นพ่อที่เฉียบคมอย่างมาก ทันทีที่เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเขาก็หันไปมองตัว ‘ผู้ร้าย’ ทันที

ร่างสูงใหญ่วิ่งขึ้นไปบดบังการจ้องมองของตี้อู๋เปียนจนมิด

ลูกสาวสุดที่รักของเขา จะต้องไม่แต่งให้กับคนอายุสั้น!

ไม่สิ ใครก็อย่าได้บังอาจมาหมายตาเธอ!

ลูกสาวตัวน้อยเพิ่งจะอายุสิบแปดปีเองนะ!

ตี้อู๋เปียน “…”

เย่ว์หลั่งเดินเข้าประตูไปพร้อมกับมู่เถาเยาในอ้อมแขนของเขา

“เสี่ยวเยาเยา ลูกรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ หลังกินอาหารเช้าแล้วพ่อจะไปส่งลูกที่สนามสอบใบขับขี่”

“ได้ค่ะ”

หลังจากที่สมาชิกทั้งสามคนของตระกูลเย่ว์เดินเข้าไปในบ้าน ตี้อู๋เปียนถึงตามหลังเข้าไป

ปู่ตี้และย่าตี้พาเสี่ยวเฮยเฮยสุนัขมาสทิฟฟ์ที่มู่เถาเยาเก็บมาจากภูเขาเซิ่งเย่ว์ออกไปเดินเล่นแล้ว

ถุงลมน้อยเพิ่งจะตื่น เขาเดินลงมาที่ชั้นล่าง

“อาเล็กครับ พี่สาวอยู่ไหนเหรอ”

“เธอตื่นสายเกินไป ซาลาเปาน้อยขึ้นไปที่ชั้นบนแล้ว”

“งั้นผมจะขึ้นไปหาพี่สาว”

“กลับมา เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่”

“ทำไมพี่สาวต้องอาบน้ำตอนเช้าด้วยล่ะ” เขามักจะอาบน้ำก่อนนอนทุกคืน

“ออกกำลังกาย เหงื่อออก ก็เลยขึ้นไปอาบน้ำล้างตัว”

“อ้อๆ งั้นอันเหยี่ยก็จะไปออกกำลังกายด้วย พอเหงื่อออกแล้วจะได้อาบน้ำ”

ตี้อู๋เปียน “…” ไม่จำเป็นต้องทำเลียนแบบคนอื่นไปเสียทุกอย่างก็ได้ไหม เธอไม่มีแนวทางเป็นของตัวเองเลยเหรอ

อย่างไรก็ตาม อายุสามขวบ…ถึงเวลาต้องเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว!

“อันเหยี่ย เธออยากออกกำลังกายตอนเช้า เหงื่อออก และอาบน้ำหอมๆ เหมือนพี่สาวทุกวันหรือเปล่า”

คำพูดนี้ใช้พูดกับเด็กไม่มีปัญหาอะไรเพราะเด็กๆ ไม่ได้มีความคิดซับซ้อน และแม้แต่ตี้อู๋เปียนเองก็ไม่ได้คิดมากเหมือนกัน

แต่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา แต่ละคนมีสีหน้าพูดไม่ออก

ถ้าหากพวกเขาไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอของนายน้อย คงคิดแล้วว่าเขาเป็นไอ้คนผีทะเล!

ถุงลมน้อยตอบกลับด้วยน้ำเสียงแบบเด็กๆ ว่า “อยากครับ”

“ดี! งั้นพรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไปรบเร้าให้พี่สาวสอนศิลปะการต่อสู้ให้ซะ”

“รับทราบ! เกาะขาไว้!”

หึหึ!

ตี้อู๋เปียนยกย่องหลานชายตัวน้อยของเขาว่าปราชญ์เปรื่องมาก

ขณะที่สองอาหลานกำลังคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ปู่ตี้ ย่าตี้ และเสี่ยวเฮยเฮยก็กลับมาจากการออกไปเดินเล่น

มู่เถาเยา เย่ว์หลั่ง และเย่ว์จือจือเหิงลงมาที่ชั้นล่าง

ย่าตี้ชวนทุกคนให้ไปกินข้าวเช้าที่ห้องอาหารด้วยกัน

หลังจากนั้น เย่ว์หลั่งก็ขับรถพามู่เถาเยาไปส่งที่สนามสอบ

เมื่อมู่เถาเยามาถึงสนามสอบ เธอก็ขอให้เย่ว์หลั่งกลับไปก่อน

สิบโมงครึ่ง ในที่สุดก็ถึงตาเธอทดสอบ

เนื่องจากข้างหน้ามีรถหลายคัน เธอจึงขับอย่างช้าๆ แต่มั่นคง

เธอเริ่มเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าตั้งแต่เห็นว่ากำลังจะเข้าเส้นทางตรง เพราะกังวลว่ารถคันข้างหน้าจะส่งผลกระทบต่อเธอ

ท้ายที่สุดคุณสามารถหยุดรถเมื่อใดก็ได้ในจุดอื่น แต่ทางตรงทำไม่ได้

ขณะที่เธอกำลังตีพวงมาลัยเข้าโค้งกำลังจะเข้าเส้นทางตรง จู่ๆ รถบรรทุกคันใหญ่ก็พุ่งออกมาจากทางแยกด้านขวาและชนเข้ากับรถคันหน้าที่กำลังทำการทดสอบอยู่เหมือนกันอย่างแรง!

มู่เถาเยาขอให้ครูฝึกสอนที่นั่งอยู่ฝั่งเบาะซ้ายโทรแจ้งตำรวจและเรียกรถพยาบาลทันที ขณะที่ตัวเองก็เหยียบคันเร่งจนสุด

เสียงเบรกที่รุนแรง แรงเฉื่อย และแรงปะทะทำให้ครูฝึกสอนหน้าซีด

มู่เถาเยาจอดรถห่างจากสถานที่เกิดเหตุพอสมควร แล้วรีบลงจากรถวิ่งไปดูสถานการณ์

สภาพรถพังยับเยิน ดูน่ากลัวอย่างมาก

มู่เถาเยาตัดเสียงแตรและเสียงกรีดร้องของผู้คนที่อยู่รอบด้านออกจากหัว และเพ่งความสนใจไปที่ร่างของผู้ประสบอุบัติเหตุที่ติดอยู่ในรถที่มีสภาพบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงเท่านั้น

รถบรรทุกคันใหญ่ที่พุ่งชนรถที่ใช้สอบขับรถ อยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตรโดยที่ล้อยังหงายชี้ฟ้าอยู่

เลือดสีแดงสดไหลออกจากรถนองเต็มพื้น ครูฝึกสอนนอนหายใจรวยรินอยู่บนเบาะซ้าย ในขณะที่ผู้เข้าสอบร่างกายเริ่มชักกระตุกแล้ว

มู่เถาเยากระชากประตูรถที่บิดเบี้ยวออกอย่างรุนแรงด้วยมือเปล่า เธอฝังเข็มให้ผู้ประสบอุบัติเหตุเพื่อหยุดเลือดก่อนในขั้นแรก จากนั้นค่อยทยอยลำเลียงร่างของทั้งสองคนออกจากรถอย่างระมัดระวัง

“เร็วเข้า พาคนคนนี้ออกไปก่อน รถกำลังจะระเบิดแล้ว”

หลายคนช่วยกันเข้าไปหามร่างของผู้ประสบอุบัติเหตุออกมา ในขณะที่อีกหลายคนก็วิ่งกลับไปที่รถของพวกเขาและขับออกไปจอดให้ไกลขึ้นอีกหน่อยเพื่อที่จะได้ไม่โดนลูกหลง

พวกเขาไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้ประสบอุบัติเหตุตามอำเภอใจ แต่รถกำลังจะระเบิด และถ้าพวกเขาไม่ช่วย ทั้งสองคนนี้ก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต

มู่เถาเยากอดร่างของหญิงที่เข้าสอบขับรถไว้แน่น กระทั่งเดินออกจากรัศมีอันตรายที่อาจจะถูกระเบิดแล้ว ถึงค่อยๆ วางร่างของเธอลง

เสียงระเบิดดังกึกก้องทำให้ทุกคนตัวสั่นสะท้าน และเปลวเพลิงสีแดงส้มก็ลุกท่วมพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทุกคนหันกลับไปมองฉากดังกล่าว ความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจ

มู่เถาเยาไม่ได้หันกลับไปมอง

เธอหยิบตลับยาขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกงและหยิบเม็ดยาสีดำสองเม็ดข้างในออกมา ป้อนให้ทั้งสองคนกินกันคนละเม็ด

เม็ดยาละลายในปากทันทีโดยไม่ต้องกลืน

“สาวน้อย เธออย่ายุ่งวุ่นวายสิ นั่นชีวิตมนุษย์ชีวิตหนึ่งเลยนะ”

“ฉันเป็นนักศึกษาแพทย์ค่ะ พวกคุณมีใครมีเข็มไหมคะ หรือว่าของอะไรก็ได้ที่มีลักษณะคล้ายเข็ม”

คำพูดของเธอคล้ายกับมีมนต์วิเศษบางอย่างที่ทำให้ผู้คนเชื่อฟังเธอ

“อา ฉันเพิ่งซื้อเข็มกับด้ายมา อยู่ในรถ เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้”

“เสี่ยวเยาเยา…เสี่ยวเยาเยา…เสี่ยวเยาเยา…”

เย่ว์หลั่งวิ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชนด้วยสีหน้าหวาดกลัว

เดิมทีเขานั่งอยู่ในร้านน้ำชาใกล้ๆ แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดจึงรีบวิ่งออกมาดู

เมื่อได้ยินว่ารถที่มาสอบขับรถถูกชน วิญญาณของเขาก็แทบหลุดออกจากร่าง

“พ่อคะ หนูอยู่ทางนี้” มู่เถาเยาตะโกนตอบรับเขาไปคำหนึ่ง

ฝีเท้าของเย่ว์หลั่งหยุดลงชั่วขณะ ก่อนจะวิ่งไปตามที่มาของเสียง

“พ่อคะ พ่อเอากล่องยาของหนูมาด้วยหรือเปล่า”

“เอามาสิ เอามา”

ทุกคนหลีกทางให้เย่ว์หลั่งเข้ามา

มู่เถาเยารีบหยิบกล่องยาขนาดเล็กแล้วเปิดออก หยิบม้วนเข็มเงินออกมา คลี่ออก และเริ่มลงมือฝังเข็มก่อนที่ครูฝึกสอนจะหมดลมหายใจ

เมื่อเข็มเงินทั้งสี่สิบเก้าเล่มฝังลงบนจุดต่างๆ ทั่วทั้งร่างกาย ลมหายใจของครูฝึกสอนก็สม่ำเสมอขึ้น

มู่เถาเยาทำการฝังเข็มให้กับผู้หญิงที่สอบขับรถต่อ

ใช้วิธีการฝังเข็มที่แตกต่างกันสำหรับระดับการบาดเจ็บที่ต่างกัน

ทันทีที่ฝังเข็มเสร็จ รถพยาบาลและรถตำรวจก็มาถึงพร้อมกัน

“เสี่ยวมู่!”

“หัวหน้าซัง? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ อ่า ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกัน ต้องพาพวกเขาไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดก่อน หมอ เข็มที่ฝังอยู่บนร่างผู้บาดเจ็บห้ามขยับเด็ดขาดนะคะ ฉันจะดึงมันออกเองเมื่อไปถึงโรงพยาบาล”

หลังจากตรวจร่างกายของผู้บาดเจ็บแล้ว แพทย์ก็อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “ช่างเป็นเทคนิคการฝังเข็มที่น่าอัศจรรย์มาก!”

“รีบพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลเถอะ ยังรักษาชีวิตไว้ได้ทั้งคู่”

แพทย์และพยาบาลหลีกเลี่ยงเข็มทองอย่างระมัดระวังและเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปที่รถพยาบาล

“พ่อคะ พ่อกลับไปรอหนูที่บ้านก่อนก็ได้นะคะ หนูจะตามไปช่วยพวกเขา”

“พ่อก็จะไปด้วย” เย่ว์หลั่งไม่ยอมทิ้งลูกสาวของเขาไว้เพียงลำพังเด็ดขาด

“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นพ่อขับรถตามหลังรถพยาบาลไปนะคะ”

มู่เถาเยากระโดดขึ้นรถพยาบาลและไปที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองเย่ว์ตูพร้อมกับแพทย์และผู้บาดเจ็บ