พันธะระหว่างแก่นจันทรากับแก่นบริวารยังคงเชื่องโยงต่อกัน

 

  ทั้งอินกองกับเคทลินต่างสามารถส่งผ่านพลังให้ซึ่งกันและกัน ไอพลังมังกรจากแก่นมังกรในตัวอินกองก็สามารถส่งผ่านไปยังเคทลินได้

 

  การประสานระหว่างแก่นทั้งสี่เป็นแก่นทั้งห้าส่งผลมากเกินกว่าการบวกจำนวนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง เรียกว่าเป็นการทวีคูณเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งจะใกล้เคียงกว่า

 

  ลมปราณสามารถโคจรได้รวดเร็วและทรงพลังมากยิ่งขึ้น ลมปราณที่เคทลินเค้นใช้ต่อสู้กับราชาเคราโตสได้รับการเติมจากอินกอง

 

  ทางด้านอินกองก็แสดงความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ลมปราณจากเคทลินถูกส่งผ่านมาที่ตัวเขาได้รวดเร็วมากขึ้น ทำให้ไอพลังของอินกองมีสีน้ำเงินปรากฏให้เห็นได้อย่างประปราย

 

  ไอพลังเหล่านี้แผ่กระจายออกมาอย่างแน่นหนา เห็นชัดเจนได้มากขึ้นราวกับหมอกควัน

 

  ลมปราณคือพลังชีวิต ความจริงข้อนี้ทำให้ผู้ที่ข้องเกี่ยวกับความเป็นความตายอย่างใกล้ชิดสามารถรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงได้ในทัน

 

  เหล่าไลแคนโทรปต่างตะลึงงัน เหล่าชนเถื่อนเริ่มแสดงสีหน้ายำเกรงออกมา

 

  ทว่าราชาเคราโตสกลับแสยะยิ้มระเบิดหัวเราะ

 

“ต้องแบบนี้สิ! ค่อยสมเป็น 1 ใน 4 ฑูตเหมือนรณการหน่อย!”

 

  ถ้อยคำที่ไม่มีผู้ใดใกล้เคียงเข้าใจ นอกไปเสียจากอินกอง

 

  ราชาชนเถื่อนเค้นลมปราณเสริมวิชากายแกร่งมากขึ้น ผิวหนังที่คล้ายเกล็ดชัดเจนมากขึ้น แดงขึ้น เงาเป็นประกายและทนทานมากยิ้งขึ้น

 

  ไอพลังแห่งรณการแผ่ออกมาจากตัวเคราโตสเฉกเช่นเดียวกับอินกอง ส่งผลให้ภาพการต่อสู้ซึ่งหน้ากับจีราดผุดรื้อฟื้นขึ้น

 

  ในการต่อสู้ครั้งนั้นอินกองตกสู่สภาพย่ำแย่แต่มิใช่เพราะพลังแห่งทุพภิขภัย ตัวจีราดเองเป็นนักสู้ฝีมือแก่กล้า และศัตรูตรงหน้าของเขาใน ณ ปัจจุบันก็เช่นกัน

 

  ราชาแห่งชนเผ่าแดนเถื่อน เคราโตส…

 

  ด้วยร่างกายอันบึกบึนมากที่สุดในบรรดาศัตรูที่อินกองเคยเผชิญหน้า ที่ผ่านมาเคราโตสใช้เพียงพละกำลังอย่างเดียวโดยมิได้ใช้ทักษะอะไร เมื่อเคราโตสเค้นพลังอินกองจึงต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด

 

  อินกองใช้เคล็ดวายุเข้าหาราชาชนเถื่อนในทันทีโดยไม่ให้เสียงหรือสัญญาณใดใด

 

  แม้เหล่าไลแคนโทรปกับชนเถื่อนจะยังคงตกตะลึงไม่ทันตั้งตัว ทว่าเคราโตสกลับฟาดกระบองราวกับรอคอยอินกองไว้อยู่แล้ว

 

  อินกองรีบใช้เคล็ดภูผาเพื่อเปลี่ยนทิศทางพลังการโจมตีของเคราโตส

 

  ทันใดนั้นราชาเคราโตสก็ส่งแรงออกมามากขึ้น แรงระลอกสองนี้เหนือกว่าระลอกแรกที่ถูกเคล็ดภูผาบิดเบือนทิศทาง ทำให้การโจมตีของเคราโตสสามารถเอาชนะการป้องกันของเคล็ดภูผา ถึงกระนั้นเคล็ดภูผาก็ช่วยต่อเวลาให้อินกองมากพอหลบการโจมตี เขาโจมตีสวนกลับ

 

  ราชาชนเถื่อนเค้นพลังเพื่อตั้งรับเสริมยิ่งขึ้นให้กับวิชากายแกร่ง ร่างกายของเขาราวกับคอนกรีตเสริมเหล็ก

 

  ทว่าอินกองคาดการไว้แล้ว เขาคลายหมัดออกแล้วเปลี่ยนใช้ฝ่ามือ ลางสังหรณ์ร้องเตือนราชาชนเถื่อนอย่างรุนแรงแต่ก็มิทันการ ฝ่ามืออินกองสัมผัสเข้าบริเวณลิ้นปี่ของเคราโตส

 

“อิเนีย!”

 

  เคล็ดวิชาที่ส่งลมปราณพวยพุ่งเข้าโจมตีจากภายในของเป้าหมาย ผิวหนังป้องกันทนทานที่แน่นหนากันมิให้พลังทำลายกระจายออกมาภายนอก เรียกได้ว่าส่งผลทำให้การบาดเจ็บรุนแรงมากยิ่งขึ้น

 

แค่ก!

 

  ราชาชนเถื่อนกระอักเลือดออกมา อาการบาดเจ็บรุนแรงส่งผลให้วิชากลายแกร่งคลายลง เผิวหนังบางส่วนกลับเป็นเช่นปกติ

 

  ถึงกระนั้นเคราโตสก็มิได้ลอยกระเด็นเช่นเดียวกับเพราโตส เขาฟาดกระบองลงใส่พื้นพลางใช้เท้ายันตัวเอาไว้ 

  อินกองคิดล่วงหน้าไว้แล้วว่าเพียงเคล็ดวิชาอิเนียไม่อาจเอาชนะได้ แต่ความทรหดของราชาเคราโตสก็ทำให้เขารู้สึกชื่นชม เขารีบใช้โอกาสนี้กระโดดเข้าถืบ

 

ครืดดดดดดดดดด!

 

  ร่างราชาเคราโตสไถลกระเด็นครูดพื้นไปราวยี่สิบเมตร ลากเหล่าชนเถื่อนในเส้นทางติดไปด้วย ราชาเคราโตสยังคงสติและพยายามใช้กระบองปักยันพื้นไว้ทำให้เขาไม่กระเด็นไปไกลกว่านี้

 

  การต่อสู้ที่ดูยาวนานเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

 

  อินกองใช้โอกาสนี้พักหายใจมองสำรวจรอบตัว เวนเดลพร้อมกำลังทัพพยายามมุ่งหน้ามาสมทบ กองกำลังทาก้าดิ้นรนต่อสู้กับเหล่าชนเถื่อนที่พังกำแพงเมือง เหล่าไลแคนโทรปถูกชนเถื่อนล้อมกรอบออกกระจัดกระจาย

 

  อินกองกางมือออกเรียกธงแห่งอาณัติกลับมาพร้อมปักมัน แสงสีขาวส่องสาดลงมาแผ่กระจายออกราวคลื่น 

 

  แสงนี้ยังเป็นสัญญาณบ่งบอกตำแหน่งของอินกองให้กับบรรดาแม่ทัพ และช่วยฟื้นฟูพลังให้เหล่าไลแคนโทรปที่ถูกปิดล้อม

 

  เคทลินยังไม่คุ้นเคยกับการโคจรพลังผ่านแก่นทั้งห้าทำให้เดินเซไปมา แต่นางก็พอคุ้นเคยกับลมปราณทำให้ใช้เวลาปรับตัวไม่มาก

 

  อินกองจับจ้องดูปฏิกิริยาจากราชาชนเถื่อนพลางกล่าวถาม

 

“นูนะดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ?”

 

“อืม นี่ไม่ใช่เลือดฉัน… ทั้งหมด… ”

 

  เคทลินเก็บอาการเจ็บปวดไว้พลางกล่าวตอบเพื่อให้อินกองสบายใจ

 

  อินกองหันไปส่งยิ้มให้นาง เขาถอนหายใจพร้อมตั้งท่าเตรียมปะทะ

 

“มาละ”

 

  ราชาชนเถื่อนลุกขึ้น ศัตรูผู้นี้เก่งกาจเกินกว่าจะกำราบได้ด้วยการลอบโจมตีครั้งสองครั้ง

 

  จิตใจอินกองสงบนิ่ง ไม่มีความตื่นเต้นหรือเกรงกลัวอะไร 

 

  เคทลินจับมืออินกองกระตุ้นพันธะระหว่างแก่นจันทรากับแก่นบริวาร ลมปราณของทั้งคู่พวยพุ่ง

 

“ลุย”

 

  ทั้งสองพยักหน้าให้กันพลางปล่อยมือกระโดดแยกเป็นสองทางวิ่งเข้าหาเป้าหมาย 

 

  ราชาชนเถื่อนโยกคอไปมา เขาขยับไหล่ดึงข้อมือเตรียมร่างกายให้พร้อมแล้วหยิบกระบองขึ้น มันเรืองแสงออกมาก่อนจะแตกเป็นชิ้นส่วนเปลี่ยนรูปร่างอีกครั้ง

 

“ฮ่า!”

 

  เคราโตสฟาดอาวุธของเขากวาดใส่เคทลินกับอินกอง คมมีดสายลมกรีดเฉือนอากาศแหวกหาทั้งสอง

 

  ที่ผ่านมาราชาชนเถื่อนทำเพียงโจมตีอย่างง่ายโดยใช้เพียงพละกำลัง นั่นเพราะการโจมตีที่รุนแรงจะสร้างคลื่นกระแทกเป็นรัศมีส่งผลต่อฝ่ายเดียวกัน

 

  ทว่าในตอนนี้ที่เขาบาดเจ็บบ่งบอกว่าไม่สามารถอ่อนข้อให้ศัตรูได้ ราชาเคราโตสจึงไม่คิดออมมือ

 

  ด้านเคทลินกับอินกองเลือกใช้ลมปราณปะทะทำลายคมมีดอากาศ หากทั้งสองหลบแน่นอนว่าเหล่าไลแคนโทรปจะตกเป็นเหยื่อของการโจมตีนี้

 

  นั่นทำให้เคราโตสมีเวลามากพอเข้าประชิดตัวทั้งสอง เขาเหวี่ยงอาวุธที่แปรสภาพเป็นดาบใส่ทั้งคู่

 

  เคทลินรีบก้มหลบ อินกองใช้เคล็ดวายุเคลื่อนตัวไปด้านหลังเคราโตส

 

  อินกองหลบการโจมตีได้ไม่หมด เลือดกระฉูดออกจากบริเวณเอว ลมปราณอาจช่วยเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูบาดแผล แต่ไม่มีอะไรช่วยลดทอนความเจ็บปวด แน่นอนว่าการโจมตีเข้าเป้าจากเคราโตสเพียงครั้งเดียวสามารถปลิดชีพเขาได้ทันที

 

  ระหว่างเหยื่อทั้งสองตรงหน้า ราชาเคราโตสเลือกเคทลินด้วยเหตุผลที่ว่าด้านหลังนางคือเหล่าไลแคนโทรป

 

  ทุกครั้งที่เคราโตสกวัดแกว่งอาวุธ เคทลินต้องหลบเสี้ยววินาทีเป็นตาย ส่งผลให้คมมีดอากาศลอยไปเฉือนเหล่าไลแคนโทรปด้านหลัง 

 

  เหล่าไลแคนโทรปพยายามหาช่องทางหลบหนี แต่บรรดาชนเถื่อนที่ล้อมกรอบคอยสกัดกั้นไม่สะทกสะท้านแม้ว่าพวกตนอาจโดนลูกหลงจากการโจมตีด้วยก็ตาม

 

  อินกองกับเคทลินเล็งโจมตีประสานประกบหน้าหลัง

 

  ทั้งสองเค้นลมปราณกระโจนเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไอพลังสีแดง ขาว และน้ำเงินพวยพุ่งคละคลุ้ง ระเบิดออกหลายครั้ง

 

  เป็นการต่อสู้ที่สุดแปลกตา แม้จะผ่านไปหลายกระบวนท่าแต่ก็ไม่มีครั้งใดที่การโจมตีเข้าเป้า ราชาเคราโตสกวัดแกว่งอาวุธหมายสังหารโดยไม่สนใจอันตราย ทางฝ่ายอินกองกับเคทลินหากโดนโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สิ้นชีพทำให้ทั้งสองมุ่งเน้นหลบหลีกมากกว่า เรียกได้ว่าการรุกคือการรับที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง

 

  ยิ่งเวลาผ่านไปเคราโตสยิ่งโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดดุดันมากขึ้นเรื่อยเรื่อย การหลบเลี่ยงก็ยิ่งยากมากขึ้น กดดันมากขึ้น

 

  หากการต่อสู้ยิ่งยื้อนานขึ้น เคทลินที่ไม่ได้รับผลเพิ่มระดับเลเวลเช่นอินกองย่อมอ่อนล้าเกินกว่าจะรับมือได้

 

  อินกองรวบรวมลมปราณดึงความสนใจจากราชาเคราโตส

 

  เป็นโอกาสให้เคทลินโจมตี นางตัดสินใจทุ่มพลังทั้งหมดเข้าโจมตีในโอกาสนี้

 

  ทว่าเคราโตสสลับมือที่จับดาบหมุนตัวเค้นวิชากายแกร่งรับการโจมตีของนาง ผิวเกล็ดแตกออกบอกว่าการโจมตีเป็นผลแต่ไม่ถึงตาย เคราโตสกัดฟันหวดมือเสียบแทงไปยังร่างเคทลินที่ไม่อาจหลบเลี่ยง เคทลินหลับตาลงพร้อมรับชะตากรรม

 

ฉึบ!

 

  โล่แบล็คอีเกิ้ลบินมารับการโจมตีไว้อย่างทันท่วงที แม้มือเคราโตสจะเสียบทะลุโล่ทำให้การโจมตีลดทอนพลังแต่ก็ยังรุนแรง

 

  ร่างของเคทลินลอยปลิวกระอักเลือดกระเด็นออกไปกองกับพื้น อย่างไรเสียนางยังคงมีลมหายใจรวยรินอยู่

 

  อินกองเงื้อฝ่ามือออกใช้เคล็ดวิชาอิเนียใส่เคราโตสที่เปลี่ยนไปสนใจเคทลิน

 

  ลมปราณระเบิดออกแต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อน เคราโตสมิได้ใช้วิชากายแกร่งแต่ใช้ไอพลังแห่งรณการป้องกันแทน 

 

  ราชาชนเถื่อนชำเลืองมาแสยะยิ้มให้อินกองก่อนกระโดดถอยตั้งท่าเตรียมปิดศึก อาวุธในมือแตกออกเปลี่ยนกลับเป็นลูกตุ้มอีกครั้ง

 

  อินกองไม่ใช้เคล็ดวายุเพื่อถอนระยะในครั้งนี้

 

“กรีนวินด์!”

 

  ทักษะรับสั่งเรียกตัวกรีนวินด์ข้ามห้วงมิติมาปรากฏกายตรงหน้า!

 

  นางกางม่านพลังสีเขียวพยายามปัดป้องการโจมตีของเคราโตส!

 

เคล้ง!

 

  เสียงคำรามกึกก้องจากการปะทะ ม่านพลังบางส่วนแตกสลายแต่ยังคงสามารถคุ้มกันให้อินกองได้

 

  อินกองตั้งท่าสงบนิ่งพยายามรวบรวมลมปราณเท่าที่เหลืออยู่ส่งผ่านไปยังพสุธากัมปนาท เลือดไหลออกจาก ตา หู จมูก ปาก บ่งบอกถึงภาระที่ร่างกายต้องแบกรับ

 

  ทักษะไม้ตายของอาวุธแห่งพญามังกรเอนคิดู!

 

‘มหาวินาศ!’

 

  อินกองหวดพสุธากัมปนาทใส่ท้องเคราโตสสุดแรง พลังทำลายพุ่งถาโถมทำลายทุกอนูร่างกายของราชาชนเถื่อนที่ขวางกั้น

 

  ไอพลังสีแดงถูกปัดเป่าหายไปในทันที เกล็ดจากวิชากายแกร่งแตกกระจายเป็นเสี่ยง ราชาชนเถื่อนกระอักเลือด เผยให้เห็นแผลฉกรรจ์เป็นรูบริเวณท้อง อาวุธคู่ใจของเขาร่วงหล่นจากมือที่ไร้เรี่ยวแรง

 

  สภาพของอินกองก็ย่ำแย่ไม่ต่างออกไป เขาทิ้งตัวลงนอนพักอย่างหมดสภาพ

 

  ทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างสีแดงส่องออกมาจากนัยตาทั้งสองของเคราโตส เขาร้องโหยหวนเยี่ยงเดรัจฉาน ใช้มือข้างหนึ่งลอดผ่านรูม่านพลังบีบคอกรีนวินด์โยนนางออกไป พร้อมมืออีกข้างกำแน่นพุ่งใส่ศีรษะของอินกอง

 

“ฉั…!”

 

  เคทลีนกรีดร้อง

 

  อินกองฝืนลืมตาเขากลิ้งตัวหลบหมัดของเคราโตส คว้าลูกตุ้มที่หล่นอยู่ด้านข้าง

 

  อาวุธคู่กายของราชาชนเถื่อน อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่สืบทอดจากราชามังกรทอง

 

  อินกองใช้พลังแห่งอาณัติเข้าครอบงำแล้วเรียกใช้ทักษะพิเศษในทันที