ตอนที่ 2 ส้อมเปื้อนน้ำลาย

บรรยากาศเข้าขั้นมืดมนเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารทำเอาผู้คนพบเห็นอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก

ซึ่งต้นสายปลายกำเนิดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

เป็นทราเวียร์พ่อหนุ่มสวมแว่นนั่นเอง

…‘ให้ตายสิ’

“…”

“ถามหน่อยได้ไหม?”

“ค่ะ เชิญถามมาได้เลย”

“เธอกำลังทำอะไรอยู่?” ทราเวียร์กวาดสายตามองจานอาหารร่วมสิบจานวางเรียงรายบนโต๊ะอาหาร

เอริขมวดคิ้วคล้ายเห็นคนโง่เขลาไม่เข้าใจภาษาคน

“…” ก่อนหล่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสุขยินดีกับสถานการณ์เบื้องหน้า

รอยยิ้มหวานคลี่ออก

“มื้อเช้าค่ะ”

“มื้อเช้าสำหรับเราสองคน”

กึก!

“…” จานสุดท้ายวางบนโต๊ะเสร็จสับเรียบร้อยพร้อมสำหรับรับประทานหลงเหลือเพียงแค่ลงมือเท่านั้น

เอริพยักหน้ามองจานอาหารฝีมือตนเอง

“เรียบร้อยค่ะ”

“เธออยากให้ฉันกินข้าวด้วย?”

“ค่ะ”

“…ไม่เข้าเรื่อง” เขายังไม่ทันเปิดปากบอกจะร่วมโต๊ะกับหล่อนด้วยซ้ำนี่มันออกจะรวบรัดตัดตอนเกินไปรึเปล่า

ทราเวียร์จ้องมองจานข้าวของตน

…‘ปฏิเสธยังไงดี?’

“…”

“รุ่นพี่?”

“…” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแถมสีหน้าชายหนุ่มสวมแว่นยังเคร่งเครียดขั้นสุดคล้ายคนกำลังมีปัญหาในชีวิต

เอริเอียงคอเล็กน้อยก่อนแววตาจะเปล่งประกาย

“อะ หนูรู้แล้ว?!”

“รู้อะไรอีก?”

“…” แทนที่คำตอบด้วยการกระทำ

หมูชิ้นหนึ่งถูกส้อมจิ้มทะลุ

“อ้าม~” หล่อนยื่นส้อมมาหาเขา

แววตาเปล่งประกายแสดงความต้องการของตนออกมาชัดเจน เรียกได้ว่าไม่มีเจตนาปกปิดหรือต้องการบ่ายเบี่ยง

กลับกันเลย

หล่อนเลือกเปิดเผยแสดงออกมาให้เห็นเต็มสองตาว่าต้องการอะไรแบบไหนกันแน่

…‘ยัยเด็กนี่’

“…”

“อย่าทำหน้าเคร่งเครียดแบบนั้นสิค่ะ”

“ถ้าไม่อร่อยหนูเปลี่ยนให้ได้นะ”

ทราเวียร์ยังคงนิ่งเงียบตามเดิมจนกระทั่ง

“…” ส้อมยื่นเข้ามาใกล้จมูก

ใกล้มากจนได้กลิ่นหอมอร่อยยากเกินต้านทานสายตาเขาจดจ้องมองชิ้นหมูบนส้อม

แม้จะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเดียว

แต่เอริเห็น

เธอเห็นเขาลอบกลืนน้ำลายตัวเอง

…‘หิวใช่ไหมละ?’

“…” เอริยิ้มหัวเราะ

เหมือนเขาจะรู้สึกตัวหลังจากได้ยินเสียงหัวเราะของหล่อน

“ไม่ต้องฉันกินเองได้” สีหน้าราบเรียบอาบย้อมไปด้วยริ้วแดงบ่งบอกอาการเขินอายเต็มที่

เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันยืดเยื้อเกินจำเป็นเจ้าตัวรีบยื่นมือเข้าไปคว้าส้อมจากมือหญิงสาว

แต่หล่อนชักหลบไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จ สายตาทั้งสองคู่แลกเปลี่ยนจดจ้องมองไม่มีใครยอมใคร

เอริยังคงยิ้มแย้มเต็มใบหน้าเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนผิดกับทราเวียร์ที่หน้าดำมืดเดือดดาลขั้นสุดจนเห็นเส้นเลือดผุดตามหน้าผาก

ดูท่าจะโกรธเคืองไม่น้อยเลย

…‘แกล้งปั้นหัวเหรอ?!’

“…”

“อยากกินรึเปล่าคะ?”

“…ชิ”

“ไม่กินก็ไม่กิน” ทราเวียร์กัดปากตัวเองแน่น

หลังจากเจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามอดกลั้นอารมณ์เดือดดาลที่ต้องการปะทุตลอดเวลา

หลายสิ่งอย่างที่หลงลืมก็หวนคืนกลับมาปรากฎเด่นชัดอีกครั้ง ทั้งยังปรากฎเข้ามาไม่ขาดสาย

จนหัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน

…‘กินเมื่อไหร่ก็ได้แต่เรื่องเมื่อวานนี่มัน—’

“…” เขาตัดใจเรื่องอาหารได้ทันทีเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นอีกเรื่องหนึ่งมันแรงกล้าเหลือเกิน

แรงกล้าจนไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ได้

“พักเรื่องกินไปก่อนตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่า”

“รุ่นพี่อยากรู้อะไรคะ?”

“เรื่องเมื่อวาน”

“เรื่องเมื่อวานสินะ” เอริหรี่ตามองลงหลายระดับคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่งอย่างที่เขาไม่อาจรับรู้ได้เลย

ทราเวียร์ยังไล่บี้ถามต่อ

“เมื่อวานมันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”

“…”

“หนูก็อยากจะตอบอยู่เหมือนกัน”

“เพียงแต่ว่ารุ่นพี่มีอะไรมาให้หนูละ?”

“เธอต้องการอะไร?”

“…” ส้อมเดิมกลับมาอีกครั้งความต้องการของหล่อนเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนต่อให้เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา

ย่อมต้องรับรู้ความต้องการของหล่อนเป็นแน่

“…แค่กินใช่ไหม?”

“ค่ะ” เอริยิ้มพยักหน้า

“…”

“ขอแค่รุ่นพี่ลองชิม”

“หนูก็พร้อมตอบคำถาม”

…‘ก็ได้วะ’

“…” หลังจากลังเลอยู่นานในที่สุดเจ้าตัวก็ยินยอมกระโดดลงหลุมพรางที่อีกฝ่ายขุดเอาไว้

ทราเวียร์กัดปากตัวเองแน่น

“…คำเดียวนะ”

“เชิญค่ะ”

“ฉันกินเอง—”

“…”

“คิดให้ดีค่ะก่อนตอบ”

“…”

“อ้าม~~~”

ร่างกายชายหนุ่มสั่นสะท้านพยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่กันไม่ให้มันระเบิดออกมา

สุดท้ายปลายทางเขาจำต้องทำตาม

“…” ชายหนุ่มสวมแว่นหลับตาลงแน่นพร้อมอ้าปากกว้าง อ้ามากพอให้หญิงสาวยื่นส้อมเข้าไปในปากอีกฝ่าย

เอริกำหมัดตัวเอง

“…” มือที่ประคองส้อมสั่นสะท้าน สายตาไม่ได้มองหน้าทราเวียร์เลยแม้แต่น้อยหล่อนจดจ้องมองไปที่ส้อม

ส้อมที่เปื้อนน้ำลายสีใส

…‘มาแล้ว~’

“…”

“อร่อยไหมคะ?”

“…อร่อย”

“ฝีมือหนูซะอย่าง” หล่อนรีบชักส้อมกลับมาไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มมีปากเสียงหรือร้องเรียกอะไรให้มากความ

ส่วนเอาไปไหนเอาไว้ที่ใดไม่จำเป็นต้องรู้หรอก

…‘หึหึหึ’

“…”

“เอริ?”

“คะ ค่ะ”

“รีบทานเถอะค่ะเดี๋ยวข้าวเช้าจะเย็นหมด” เอริยิ้มหัวเราะชอบใจใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกลบเกลื่อนหมดทุกสิ่งอย่างไม่เปิดเผยร่องรอยให้เห็น

ฝ่ามือขาวเนียนพยายามยื่นจานมากมายหวังให้ทราเวียร์ลองรับประทานอาหารฝีมือของเธอ

วันเวลาผ่านไปรอยยิ้มยิ่งทวีความหวานโดยไม่ทราบสาเหตุ

“…”

“มองอะไรคะ?”

“ฉันทำตามที่เธอบอกแล้วนะ”

“ตอบคำถามของฉันมา” ทราเวียร์เค้นถามต่อ

เขายินยอมโอนอ่อนทำตามที่หล่อนต้องการนั่นก็เพราะต้องการคำตอบแต่สิ่งที่ได้รับกลับมา

คือใบหน้าแข็งค้างตื่นตระหนกตกใจเป็นที่สุด

“อะ!” มันเหมือนใบหน้าคนหลงลืมสิ่งที่เคยรับปากคนอื่น ใบหน้าคนหลอกลวงช่วงชิงผลประโยชน์ฝ่ายเดียว

ทราเวียร์ทุบโต๊ะทันที

ปึง!

“เธอลืม?!”

“ปะ เปล่านะ” เอริรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ถ้าไม่ลืมก็เล่ามา”

“…เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น?”

“…” หลังผ่านพ้นช่วงเวลาตื่นเต้นชวนให้หัวใจเป็นสุขหล่อนรีบตั้งสติก่อนหวนคืนสู่ภาพลักษณ์สาวงามทันตาเห็น

พร้อมเริ่มกล่าวเปิดประเด็น

“รุ่นพี่อยากฟัง?”

เขาพยักหน้าตอบแทนคำพูด

“…” เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มสวมแว่นต่อมอยากกลั้นแกล้งผู้คนยิ่งกระตุ้นให้หล่อนลงมือตามอารมณ์

เอริยิ้มยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเกือบจะแนบชิดติดกัน

“…เห้ย!!!” ร้อนจนทราเวียร์ต้องรีบดึงหน้าออก

และด้วยการรีบดึงใบหน้าออกโดยไม่ปล่อยให้เตรียมตัว มันก็เกือบทำเขาตกเก้าอี้กลายเป็นตัวตลก

ดีที่ทรงตัวเอาไว้ได้ทัน

…‘ใจหายใจคว่ำหมด’

“…” ทราเวียร์ลอบถอนหายใจโล่งอก

โดยลืมไปเลยว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาต้องเผชิญหน้ายิ่งกว่าอาการตื่นตระหนกตกใจในตอนแรก

เสียงกระซิบหวานชื่นดังขึ้นข้างหู

“ตกใจรึเปล่าคะ?”

…‘เชี่ย?!’

“!!!” กว่าจะรู้สึกตัวใบหน้าทั้งสองก็เกือบจะจูบกันแล้วขอเพียงหล่อนมีใจขยับยื่นเข้าไปอีกหน่อยเท่านั้น

ดวงตาทราเวียร์เบิกกว้าง

“…เธอ—”

“เงียบค่ะ” นิ้วเรียววางทาบริมฝีปากกันไม่ให้อีกฝ่ายพูด

“เงียบไปทั้งนั้นแบบนั้นแหละ”

“…” แววตาชายหนุ่มเริ่มหวั่นไหว

จนแทบประคองสติตัวเองเอาไว้ต่อไปไม่ได้