ตอนที่ 3 เหตุการณ์เมื่อคืน

ทราเวียร์ที่กลับมาได้สติอีกครั้งลงมือรวดเร็วเด็ดขาด

“…” อาศัยฝ่ามือยันหน้าผากสาวงามให้ถอยห่างออกไปไม่ปล่อยให้เข้าใกล้อีกเป็นครั้งที่สอง

“ถอยไปยัยบ้า!”

“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!”

“ห้ามเข้ามาใกล้เด็ดขาด!”

แม้จะโดนฝ่ามือยันหน้าผากแต่หล่อนหาได้สนใจรายละเอียดยิบย่อยยังคงรักษาท่วงท่าเป็นหนึ่งเอาไว้ได้ไม่มีเปลี่ยนแปลง

เอริยิ้มมุมปาก

“…ฮิฮิ”

“ยังจะมาหัวเราะอีก”

“รีบเล่ามา?!”

“หนูแค่แกล้งนิดหน่อยเองนะ”

แกล้งนิดหน่อยของหล่อนเกือบทำเขาหัวใจวายตายถ้าเกิดหักห้ามไม่ทันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาดีไม่ดีไอ้ที่แย่อยู่แล้วอาจแย่หนักหน่วงเข้าไปอีกก็ได้

เห็นรุ่นพี่หนุ่มยังแข็งขืนไม่ให้อภัยง่ายดายเธอเลยต้องตามง้อไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายงอนไปตามลำพัง

“ไม่โกรธกันนะ~”

“…”

“หายโกรธนะ~”

สุดท้ายปลายทางเพื่อให้เรื่องราวมันจบลงต่อให้ไม่อยากยกโทษให้ก็ต้องยกโทษยกยอดไปตามระเบียบ

ใครจะรู้ละหากไม่ยกโทษให้หล่อนผลลัพธ์ท้ายที่สุดคนที่เดือดร้อนอาจไม่ใช่เธอแต่เป็นเขาก็ได้

เพราะฉะนั้นเลี่ยงได้สมควรเลี่ยง

…‘ก็ได้วะจะได้ออกจากที่นี่สักที’

“…” ทราเวียร์ถอนหายใจ

ยอมยกโทษให้แต่โดยดี

“ถ้าทำอีก—”

“ไม่ทำแน่นอนค่ะ!”

“หนูจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสั่งสอนทุกอย่างค่ะ!”

ทราเวียร์ขมวดคิ้วจ้องมอง

“…” หลังจากมองตากันอยู่นานหลายต่อหลายวินาทีจนแน่ใจแล้วว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีก

เขาจึงยอมกลับมาพูดคุยกับหล่อนอีกครั้ง

“ฉันจะยอมเชื่อเธอละกัน”

“ขอบคุณค่ะ”

“ห้ามมีครั้งต่อไปอึกเด็ดขาด”

“ไม่มีแน่อนค่ะ”

“งั้นกลับเข้าประเด็นเดิม”

“…เรื่องเมื่อวานใช่ไหมคะ?”

“ใช่ ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?” ทราเวียร์ลอบกำหมัดแน่นแสดงอารมณ์เดือดดาลออกมาเต็มพิกัด

มีเพียงประเด็นนี้ประเด็นเดียวเท่านั้นที่เขาอยากรู้มากถึงมากที่สุดไม่สิต้องบอกต้องรู้ให้ได้ต่างหากถึงจะเหมาะสม

เอรินิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

“…”

“อยากฟังแค่ไหนคะ?”

“เอาตั้งแต่เริ่มต้น”

“ถ้าเริ่มตั้งแต่แรก” เอรินึกย้อนไปเหตุการณ์เมื่อคืน

“ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อคืนตอนที่พวกเราเจอหน้ากันโดยบังเอิญที่ร้านลุงยอมพี่ยังจำได้รึเปล่าคะ?”

“พอจำได้อยู่บ้าง” ทราเวียร์พอนึกออกอยู่นิดหน่อย

“ฉันมาคนเดียวส่วนเธอก็มาคนเดียวสุดท้ายไม่รู้ว่าไปคุยกันอีท่าไหนเธอกับฉันถึงมารวมโต๊ะกันได้” พอพูดมาถึงตอนนี้เขาก็เกิดรู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมาทันที

พร้อมถอนหายใจออกมาให้เห็น

“…ให้ตายสิ”

“เมื่อวานไม่น่าออกไปเลย”

“อยู่บ้านมันก็ดีอยู่แล้ว” เกิดเขารู้ว่าถ้าออกนอกบ้านแล้วผลลัพธ์มันจะเป็นแบบนี้จ้างให้ก็ไม่ออกมาหรอก

น่าเสียดายเรื่องที่เกิดไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้

สุดท้ายก็ต้องอยู่กับปัจจุบันละนะ

…‘ไม่น่าเลย’

“…”

“ถ้าจำได้ขนาดนั้น”

“งั้นก็ง่ายเลยค่ะ”

“…” ทราเวียร์จดจ้องมองใบหน้าหล่อนโดยเฉพาะกับแววตาเปล่งประกายอยากถ่ายทอดเรื่องราว

เขานิ่งเงียบไปครู่ก่อนอนุญาตให้หล่อนนำเสนอ

“…เล่ามา”

“หลังจากที่พวกเราดื่มเสร็จ”

“อาการของรุ่นพี่เข้าขั้นหนักมากถึงมากที่สุด”

“ถ้าจะถามว่าหนักประมาณไหนก็น่าจะประมาณงานเลี้ยงเมื่อปีก่อนค่ะ” ตัวอย่างมีให้เปรียบเทียบชัดเจนหล่อนหยิบยกมาเทียบให้เห็นเต็มสองตา

ทราเวียร์ขมวดคิ้วหนักนำมาเลย

“หนักขนาดนั้นเลยเหรอ?”

หากถามว่างานเลี้ยงปีก่อนเขาเมาขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าเมาหนักมากเมาจนไม่มีใครกล้าเรียกเขาไปกินอีก

หนักระดับที่เขาลอบสาบานเอาไว้เลยว่าชาติจะไม่ไปร่วมวงกับพวกผีห่าโดนเหล้าแดกพวกนั้นอีก

น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมันช่างโหดร้าย

“หนักระดับเดียวกับเมื่อปีก่อน?”

“…ค่ะ” หล่อนเอาภาพบางส่วนมาให้เขาดู

“สภาพเมื่อวานเรียกว่าขอทานยังถือว่าให้เกียรติ ถ้าไม่ติดว่าพวกเรารู้จักกันมานานหนูคงปล่อยให้รุ่นพี่นอนกองกับพื้นไปทั้งแบบนั่นแหละค่ะ”

ทราเวียร์ยิ้มแห้ง

…‘สภาพยิ่งกว่าหมาป่วยอีก’

“…”

“…ว่าต่อไป”

“เพื่อไม่ให้เหตุการณ์มันชุลมุนวุ่นวายไปมากกว่านี้”

“หนูก็เลยเลือกตัดสินใจพารุ่นพี่กลับบ้าน”

“แน่นอนว่ากว่าจะพากลับมาได้นี่ก็ต้องเสียเหงื่อเสียแรงไปพอสมควร” หากว่ากันตามคำกล่าวของหล่อนมันมีส่วนแปลกประหลาดอยู่หนึ่งที่ทั้งยังเป็นจุดใหญ่โตด้วย

ทราเวียร์ถามสวนกลับไปไม่มีปล่อยผ่าน

“ทำไมไม่พาฉันกลับบ้านตัวเอง”

“ทำไมถึงเลือกพามาที่บ้านของเธอ”

“…” สองคำถามคืออุปสรรคใหญ่โตสำหรับเขาในตอนนี้แต่สำหรับหล่อนมันช่างเป็นอะไรที่ง่ายดายเหลือเกิน

เอริยิ้มหัวเราะสนุกสนาน

“เหตุผลเหรอคะ?”

“หนูว่ารุ่นพี่น่าจะรู้อยู่แก่ใจละมั้ง”

“ว่าทำไมหนูถึงเลือกที่นี่ไม่เลือกไปส่งพี่ไปที่บ้านแทน” กล่าวจบรอยยิ้มปรกติธรรมดาแปรเปลี่ยนไปในทันที

ทั้งยังเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามอีก

“…” ตอนแรกก็มึนงง

แต่พอนึกออกเท่านั้นแหละ

“เวรกรรม” ทราเวียร์ตบกระบาลตัวเองอย่างแรง

เขาเข้าใจแล้วว่าอะไรคือเหตุผลหลักที่หล่อนพาเขามาที่นี่แทนห้องเท่ารูหนูของตน

สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันตาเห็น

…‘เอาละไง?!’

“…”

“เหมือนจะรู้แล้วนะคะ”

“เหตุผลที่หนูเลือกพารุ่นพี่มาที่บ้าน”

“…อือ”

“งั้นหากรุ่นพี่กลับบ้านไปสภาพแบบนั้น”

“มันจะเกิดอะไรขึ้นคะ?”

“…” หนาวสั่นสะท้านไปทุกสัดส่วนร่างกายจินตนาการออกเป็นฉากเป็นตอนได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เพียงแค่คิดก็จิตตกแล้ว

…‘ให้ตายสิ’

“…”

“นัอยสุดก็ดุด่า”

“…”

“มากสุดก็ทุบตี”

“…”

“แทนที่จะมาคาดคั้นเหตุผลจากหนู”

“ไม่ใช่ว่าควรขอบคุณกันก่อนเหรอคะ?” ยิ่งมายิ่งหนักหน่วงเอริเดินหน้าเกมรุกหวังเล่นงานทราเวียร์โดยตรง

เล่นงานจนเขาแทบทำอะไรไม่ถูก

“…”

“อยากให้ฉันขอบคุณ?”

“ขอบคุณอะไร?”

“…” เอริยื่นหน้าเข้าไปใกล้

กดดันต่อเนื่องไม่คิดเปล่อยผ่าน

“ขอบคุณที่ไม่ส่งพี่ไปหายมบาลเหี่ยวแห้งแต่เลือกพามาสรวงสวรรค์แสนสวยแบบหนูแทนไงค่ะ” ถึงกับหมดคำพูดกล่าวอะไรเพิ่มเติมไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ทราเวียร์ขมวดคิ้วแน่น

“…” รู้สึกเจ็บหน้าอกไปหมด

“ว่าไงคะ?”

“เริ่มรู้สึกอยากขอบคุณกันบ้างรึยัง?”

“แต่ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไร” กล่าวจบหล่อนเบี่ยงหน้าหลบไม่คิดเหลือบมองอีกเป็นครั้งที่สอง

อาการงอนกลับมาเต็มที่

…‘ยัยนี่’

“…” ทราเวียร์ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

ต่อให้ไม่อยากขอบคุณแต่การกระทำของหล่อนถือว่าช่วยต่อลมหายใจให้เขาได้ไม่มากก็น้อย

เจ้าตัวกัดปากแน่นกล่าวออกไป

“…ขอบคุณ” คำขอบคุณช่างหยาบกร้านเหลือเกิน