ตอนที่ 69 วันเกิดของหนานหนาน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 69 วันเกิดของหนานหนาน

อวี้ชิงลั่วตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ หนานหนาน อย่าได้บอกแม่เชียวว่าเจ้ากำลังล้อเล่นอยู่

เย่ซิวตู๋ก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ทุกคนต่างก็ไม่มีใครทันสังเกตเด็กน้อย ปรากฏว่าเขากลับเก็บเงินของเขาอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งยังถอดชุดของตัวเองเพื่อมาห่อไว้อีกหลายห่อ

แค่ก เจ้าเด็กน้อยคนนี้ ทำเรื่องเหนือความคาดหมายของคนอื่นจริง ๆ

 

หนานหนานเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เมื่อครู่ตอนที่ขนเงินร่างกายก็ร้อนระอุไปหมด เมื่อได้ถอดชุดก็รู้สึกสบายตัวพอดี ถึงอย่างไรเด็กผู้ชายไม่ใส่เสื้อก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เขาเห็นท่านลุงที่ทำนาในชนบทเหล่านั้นต่างก็ใส่แค่กางเกงตัวเดียว ผิวหนังตากแดดจนดำคล้ำ ดูดีไม่รู้ตั้งเท่าไร

หนานหนานรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก ในเมื่อท่านแม่ไม่มีวิธีนำเงินกลับไป เขาก็สามารถห่อทีละถุงและแบกไปได้

 

อืม แม้ว่าอาจจะทำให้ชุดของเขาน้อยลงสักหน่อย แต่นำมาห่อของเหล่านี้ก็สามารถนำไปซื้อของอร่อย ๆ ได้อีกเยอะมาก นี่ก็เพียงพอแล้ว

หนานหนานมองอวี้ชิงลั่วด้วยรอยยิ้ม โค้งตัวเล็ก ๆ เพื่อจะหยิบถุงขึ้นมาจากพื้น “ท่านแม่ ถุงนี้หนักสักหน่อย ท่านถือนะ แต่ข้าบอกไว้ก่อนนะ ไม่ใช่ว่าหนานหนานแอบขี้เกียจ แต่เป็นเพราะหนานหนานตัวเล็ก ถือแล้วไม่มีความสมดุลกับร่างกาย…อ๊า ๆๆๆ ท่านลุงเย่ ท่านยกข้าขึ้นมาทำไม? ข้าก็แค่หยิบเงินขึ้นมาสองถุงไม่ใช่หรือ? แต่เมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกให้ท่านแม่นำออกไปได้ ท่านจะมากลับคำไม่ได้นะ ท่านลุงเย่ ท่านอย่าจี้เอวข้า ฮ่า ๆๆ จั๊กจี้ ๆ”

เย่ซิวตู๋หน้าเปลี่ยนสี ท่าทางแบบนั้นช่างดูน่ากลัวอย่างมาก เป็นความเย็นชาและโหดเหี้ยมที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

สายตาของเขามองไปที่เอวของหนานหนาน ก่อนจะจ้องมองไปยังปานรูปดอกไม้สีม่วงอมชมพูเล็ก ๆ ที่ปรากฏตอนที่หนานหนานโน้มตัวลง ปานนั้นสวยมากมีความคล้ายกับดอกกุหลาบ ยังมีดอกไม้ตูมอีกสองสามดอกที่ยังไม่บาน คล้ายกับสตรีขี้อายที่กำลังแตกสาว

  

อวี้ชิงลั่วตกใจอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่เห็นท่าทางอึมครึมของเขา จิตใต้สำนึกทำให้นางคิดว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกับหนานหนาน จึงใช้แขนแย่งตัวกลับมา “ปล่อยเขานะ”

 

เย่ซิวตู๋หมุนตัวหันหลังเพื่อเบี่ยงการโจมตีของนาง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังอวี้ชิงลั่ว เอ่ยถามทีละคำว่า “เหตุใดบนตัวของเขาถึงมีปานดอกกุหลาบม่วง?”

ปานดอกกุหลาบม่วง?

 

อวี้ชิงลั่วใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ใช่ บนเอวของหนานหนานมีปานแบบนี้ ตอนที่เขาเกิดออกมานางก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นางคิดว่าปานเป็นสิ่งที่ทุกคนรังเกียจ แต่เมื่อโตขึ้นรูปร่างของมันกลับสวยงามมาก ไม่ได้คาดฝันแม้แต่น้อยเลย

อีกอย่างปานนั่นก็ไม่ได้มีผลเสียต่อหนานหนาน นางจึงไม่ได้คิดหาวิธีเพื่อลบมันออกไป

หลังจากหนานหนานเติบโตขึ้นก็รู้สึกรังเกียจ เขาคิดว่าดูไม่ยิ่งใหญ่และสง่างามมากพอ จึงคิดอยากจะลบมันออกไปอยู่หลายหน เพียงแค่แม่นมเก๋อกลับห้ามไว้

อวี้ชิงลั่วไม่คิดว่าปานแบบนี้จะมีความน่ากลัวอะไร แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบของเย่ซิวตู๋ในตอนนี้ ดูเหมือนว่า…จะผิดปกติอย่างมาก

“บอกมา เหตุใดบนตัวของเขาถึงมีปานกุหลาบม่วง?” เย่ซิวตู๋จ้องเขม็งไปยังอวี้ชิงลั่ว พลังของเขาดูข่มขู่คนยิ่งกว่าเมื่อครู่ เขาและหนานหนานอยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือนกว่า ๆ แล้ว แต่เด็กคนนี้คุ้นชินกับการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แม้แต่อาบน้ำก็ยังให้เขาหลีกไป สิ่งนี้ทำให้เขาเพิกเฉยต่อปานที่อยู่บนร่างกายของหนานหนาน คิดไม่ถึงเลย จะได้รับการเก็บเกี่ยวมหาศาลเช่นนี้

เสิ่นอิง โม่เสียนและคนอื่น ๆ ต่างพากันประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นท่าทางสูญเสียการควบคุมของนายท่านเช่นนี้ ภายในใจก็เกิดความระมัดระวังอย่างห้ามไม่อยู่

เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดนายท่านถึงมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่มากถึงเพียงนี้? ก่อนหน้านี้ต่อให้เจอเรื่องใหญ่กว่านี้ ตอนที่ทราบว่าฮูหยินจ้างคนมาสังหารเขาเป็นครั้งแรก เขาก็ไม่เคยแสดงสีหน้าที่ซับซ้อนเช่นนี้มาก่อน

 

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ย้อนถามด้วยความไม่มั่นใจ “ปานนี้…ทำไมหรือ?”

“พ่อของเด็กคนนี้เป็นใคร?” เย่ซิวตู้ย้อนถามกลับไปโดยไม่ตอบคำถามของนาง

  

อวี้ชิงลั่วสูดลมเย็นอย่างหนัก นี่เป็นครั้งที่สองที่เย่ซิวตู๋ถามคำถามนี้ นี่หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าปานที่อยู่บนตัวของหนานหนาน ต้องมีความเกี่ยวข้องกับตัวตนของเขาเป็นแน่

หรือว่า บนตัวของเย่ซิวตู๋ก็มีเช่นกัน? ไม่ถูกสิ ปานไม่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้สักหน่อย

นางขบฟันกรอด ตอบเสียงหนักแน่น “ตายแล้ว”

“งั้นหรือ?” เย่ซิวตู๋ยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น เขาอุ้มหนานหนานไว้ ก่อนจะฉีกเสื้อคลุมของตัวเองเพื่อห่อร่างกายเล็ก ๆ ที่เปลือยเปล่าไว้จนแน่น ก่อนจะชำเลืองสายตาและกระตุกมุมปากขึ้น “ทางตอนใต้ของอาณาจักรเฟิงชาง มีชนเผ่าหนึ่งที่ไม่ยอมผูกมัดกับสี่อาณาจักรด้วยการแต่งงาน ซึ่งก็คือชนเผ่าเหมิง ปานกุหลาบม่วงมีอยู่ในทายาทของชนเผ่าเหมิงเท่านั้น ไม่สิ ควรพูดว่า ต่อให้อยู่ในชนเผ่านั้น คนที่จะมีปานแบบนี้ได้ก็มีจำนวนน้อยมาก”

อวี้ชิงลั่วหน้าขาวซีด ปานนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้จริง ๆ หรือ?

เย่ซิวตู๋จ้องมองนางด้วยสายตาแอบรู้สึกผิดเล็ก ๆ เขาหมุนตัวกลับมา ยื่นตัวหนานหนานที่ถูกตนเองอุ้มขึ้นจนเกิดอาการเวียนหัวให้กับโม่เสียนที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นจึงก้าวเท้าเข้าใกล้อวี้ชิงลั่วทีละก้าว น้ำเสียงกลับค่อย ๆ เป็นดั่งผู้ส่งสารแห่งวิญญาณที่มาจากอเวจี

“ว่ากันว่า ชนเผ่าเหมิงเป็นเผ่าที่ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์ ส่วนปานกุหลาบม่วงนี้ก็เป็นของขวัญที่สวรรค์มอบให้เผ่าเหมิง นอกจากชนเผ่าเหมิงก็ยังไม่เคยมีชนเผ่าใดที่มีปานเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ช่างเป็นเรื่องบังเอิญนัก ภายในจวนแห่งนี้ มีคนที่มีปานกุหลาบม่วงถึงสองคน ทั้งยังเป็นแบบเดียวกันด้วย”

ตอนนี้ ไม่เพียงแค่อวี้ชิงลั่วที่ใบหน้าขาวซีด แม้แต่โม่เสียน เสิ่นอิงและเหวินเทียนที่ยืนเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ ก็มองเย่ซิวตู๋ด้วยความตกตะลึงเช่นกัน จากนั้นก็รีบหันไปมองหนานหนานอีกครั้ง

เสิ่นอิงถึงกับปากสั่นระริก นายท่าน นายท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

ทั้งสองคนมีปานกุหลาบสีม่วง มีแค่ชนเผ่าเหมิงเท่านั้นที่มี ปานก็เหมือนกันราวกับแกะ…

หรือว่า หนานหนาน หนานหนานจะเป็น…บุตรชายของนายท่านจริง ๆ?

ไม่มีทาง ไม่มีทาง ความคิดที่กล้าหาญเช่นนี้ ต้องลบทิ้ง ลบทิ้งไปซะ

“พ่อของหนานหนาน เป็นใครกันแน่?” เย่ซิวตู๋ขยับเข้ามาตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว ระยะห่างของทั้งคู่ห่างกันแค่หนึ่งชุ่น สัมผัสได้แม้กระทั่งลมหายใจของกันและกัน

อวี้ชิงลั่วอยากถอยไปด้านหลัง ทว่าภายในใจกลับมีเสียงเตือนนางอย่างสุดชีวิต ถอยไม่ได้ ถ้าถอยนางจบเห่แน่ หากถอยความมั่นใจสุดท้ายนั้นของนางก็จะหมดไป

ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เย่ซิวตู๋ขยับเข้าใกล้จะชิดกับปลายจมูกของนาง นางก็ยังถลึงตามองเขา และพูดทวนอีกครั้งว่า “ข้าบอกไปแล้ว เขาเป็นขอทาน ตายไปแล้ว”

“เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามา ศพถูกฝังอยู่ที่ใด?”

“ข้าเผาไปแล้ว”

“เผาอยู่ที่ใด?”

“ลืมไปแล้ว”

เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปากขึ้น เขาหันไปมองหนานหนานที่ถูกโม่เสียนอุ้มไว้อยู่ในอ้อมกอด กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หนานหนาน วันเกิดของเจ้าคือวันไหนหรือ?”

“วัน…วันเกิด?” หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ เขามองท่านแม่และท่านลุงเย่ที่ยืนใกล้กันมาก ๆ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่

อวี้ชิงลั่วรีบตะโกนโดยไม่คิด “วันที่ 4 เดือนสาม”

 

“พูดแบบนี้ ก็หมายความว่าวันเกิดของหนานหนานผ่านไปแล้ว? น่าเสียดายจริง ๆ ข้ากำลังคิดว่าหากจะฉลองวันเกิดอีกครั้ง ข้าเตรียมจะจัดงานเลี้ยงที่ครึกครื้นให้เขาสักหน่อย” เย่ซิวตู๋เบี่ยงตัวไปข้าง ๆ หนึ่งก้าว ก่อนจะขวางอวี้ชิงลั่วที่ทำท่าจะเดินไปหาหนานหนาน ร่างสูงของเขาบดบังนางที่พยายามส่งสายตาไปหาหนานหนานอย่างสุดชีวิต

ครั้นหนานหนานได้ยินคำพูดนี้ก็เกิดความกระปรี้กระเปร่าขึ้น เขาเริ่มออกแรงเพื่อลงมาจากอ้อมกอดของโม่เสียน “ท่านลุงเย่ ท่านพูดจริงหรือ? อันที่จริง อันที่จริงวันเกิดของข้าคือวันที่ 3 เดือนเจ็ด ห่างจากตอนนี้อีกหนึ่งเดือนกว่า ๆ ท่านจัดงานให้ข้าได้ จัดงานให้ข้าได้นะ”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีปานกุหลาบม่วงเหมือนกันด้วย ก็แสดงว่าเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ น่ะสิ

ชิงลั่วจะทำอย่างไรดีนะ

ไหหม่า(海馬)