ตอนที่ 70 หนานหนานคือบุตรชายของเขา!!!
เย่ซิวตู๋รู้สึกพึงพอใจ เขาหลุบตามองอวี้ชิงลั่วผู้มีสีหน้ามืดมน กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “วันที่ 3 เดือนเจ็ด ดูเหมือนจะบังเอิญไปสักหน่อยนะ”
วันที่ 3 เดือนเจ็ด โม่เสียนและเสิ่นอิงหันสบตากัน มุมปากกระตุกกลายเป็นเส้นตรง หากตั้งครรภ์สิบเดือน เช่นนั้นช่วงเวลาที่อวี้ชิงลั่วตั้งครรภ์หนานหนาน ก็เป็นช่วงเดือนเก้าของปีก่อนหน้านี้พอดีมิใช่หรือ? ตอนนี้หนานหนานอายุห้าขวบ เดือนเก้าเมื่อหกปีก่อน…ปานกุหลาบสีม่วง…
ทั้งสองพากันสูดลมเย็นเข้าปาก สายตาจ้องมองหนานหนาน
เด็กคนนี้ เป็น…เป็นลูกชายของนายท่าน…จริง ๆ หรือ?
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเสียใจจนอยากตายอยู่ภายในใจจริง ๆ หากรู้ว่าปานกุหลาบม่วงที่อยู่บนตัวของหนานหนานจะเปิดเผยตัวตนของเขาให้เย่ซิวตู๋เกิดความสงสัย ต่อให้ต้องขูดนางก็จะขูดปานเน่า ๆ นั่นออกไป
ถึงอย่างไรสถานะของหนานหนานก็ไม่สามารถยืนยันได้ ไม่มีทางยืนยันได้
นางเงยหน้าขึ้น จ้องมองเย่ซิวตู๋ที่อยู่ตรงหน้า กล่าวอย่างจริงจังว่า “วันเกิดของหนานหนาน คือวันที่ 4 เดือนสามจริง ๆ เขาก็แค่โลภเพราะงานเลี้ยงที่ท่านพูดถึง ถึงได้จงใจเลื่อนวันเกิดเป็นเดือนอื่น ท่านอย่าไปเชื่อนักเลย”
“ดีมาก เช่นนั้นสิ่งนี้เจ้าไปได้มาจากที่ใดกันหรือ?” เย่ซิวตู๋ยกมือขึ้น หยกแขวนที่อยู่ในมือดูราวกับสามารถแผดเผาทำร้ายดวงตาได้ มันแกว่งไปมาจนทำให้อวี้ชิงลั่วถึงกับเย็นวาบไปทั้งใจ
ตั้งแต่เมื่อใดกัน เขาได้หยกแขวนนั่นไปตั้งแต่เมื่อใดกัน? ทั้ง ๆ ที่นางก็พกไว้กับตัว เขา…
“นายท่าน หยกแขวนนั่นเป็นอีกครึ่งหนึ่งที่หายไปเมื่อหกปีก่อนมิใช่หรือขอรับ?” เหวินเทียนก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว เขามองไปยังหยกแขวนที่อยู่ในมือของนายท่านราวกับไม่อยากเชื่อสายตา สติก็หลุดลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
ปานกุหลาบม่วง วันที่ 3 เดือนเจ็ด ไหนจะหยกแขวนครึ่งหนึ่งชิ้นนั้น สัญญาณทุกอย่าง บอกเย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ ได้อย่างชัดแจ้งแจ่มชัด อวี้ฉิงหนานคือบุตรชายของเย่ซิวตู๋ เป็นบุตรชายของเขาจริง ๆ
มิเช่นนั้น บนโลกใบนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?
เมื่อหกปีก่อนแม่นางอวี้ชิงลั่วอยู่ที่เมืองหลวง นายท่านก็อยู่ที่เมืองหลวงเช่นกัน
เดือนเก้าเมื่อหกปีก่อนแม่นางอวี้ตั้งท้องหนานหนาน ในคืนหนึ่งของช่วงเดือนเก้า นายท่านถูกฮูหยินวางยา ตอนที่บุกเข้าไปในวัดทรุดโทรมแห่งหนึ่งระหว่างหลบหนีการถูกติดตามก็ได้มีอะไรกับแม่นางคนหนึ่ง
หลังจากคืนนั้นเมื่อหกปีก่อน หยกแขวนครึ่งหนึ่งของนายท่านก็หายไป ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกลับมาเจออยู่บนตัวของแม่นางอวี้ในตอนนี้
อวี้ชิงลั่วเม้มปากแน่น มือทั้งสองข้างกำเข้าหากัน ยังคงดิ้นรนต่อไป “หยกแขวนครึ่งนั้นข้าเก็บได้ ข้าเห็นว่ามันสวยดีจึงพกติดตัวไว้ตลอด ในเมื่อเป็นของท่าน เช่นนั้นก็ให้มันกลับไปหาเจ้าของ ท่านก็เก็บมันให้ดีอย่าได้หล่นหายในภายภาคหน้าอีก ข้ากับหนานหนานยังมีเรื่องต้องไปทำคงต้องขอตัวก่อน ไม่ต้องส่ง อีก…อื้อ…”
อวี้ชิงลั่วรูม่านตาเบิกขยาย ดวงตาแทบจะไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย นางมองใบหน้าหล่อเหลาที่ขยับเข้าใกล้ราวกับไม่อยากเชื่อสายตา แม้แต่ลมหายใจก็ลืมไปแล้ว
เอา…เอา…เอาเปรียบ นางถูกเอาเปรียบ ตาบ้านี่กล้าจูบนาง!
ทั้งยังสอดลิ้นเข้ามาอีก อื้อ…
อวี้ชิงลั่วรู้สึกชาที่ปลายลิ้น ราวกับถูกเขาฉีกลิ้น ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะยอมปล่อย
ริมฝีปากของนางยังรู้สึกร้อนผ่าวราวกับเลือดสูบฉีด คางของนางถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ ข้างหูมีเสียงของเย่ซิวตู๋กระซิบอย่างเนิบช้า “มาถึงตรงนี้ยังกล้าไม่พูดความจริงอีกหรือ หืม?”
“เย่ซิวตู๋ ท่านรนหาที่ตายแล้ว” อวี้ชิงลั่วใบหน้าแดงระเรื่อ มือทั้งสองข้างยันใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว ขาข้างหนึ่งเล็งไปที่ใต้หว่างขาและเตะอย่างเต็มแรง
การเคลื่อนไหวที่ทั้งรวดเร็วและรุนแรงเป็นชุด ทำให้อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ตั้งหลัก
เย่ซิวตู๋ถอยหลังออกไปสองก้าว เขาทราบดีว่าตอนนี้คงต้อนนางจนเกิดความร้อนใจแล้ว สตรีผู้นี้เริ่มลงไม้ลงมือ แม้แต่ปลายนิ้วที่เล็งมาที่เขาก็หนีบเข็มพิษด้วย
คิ้วของเย่ซิวตู๋ขมวดเข้าหากันจนแน่น แอบรู้สึกหงุดหงิดที่นางไร้ความปรานีต่อตน
“นายท่าน” เข็มพิษที่วาดผ่านออกไปทำให้เหวินเทียน โม่เสียนและเสิ่นอิงตื่นตัวไปทั้งตัว ก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แม้ตอนนี้พวกเขาจะตกตะลึงกับการที่นายท่านจุมพิตกับสตรีต่อหน้าพวกเขาก็ตาม
“ถอยออกไป” เย่ซิวตู๋เหลือบมองพวกเขาปราดหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา ตามมาติด ๆ ด้วยลมหนาวตรงหน้าที่ขยับเข้าใกล้อีกหน เข็มพิษของอวี้ชิงลั่วถูกซัดเฉียดผ่านแก้มของเขา อีกเพียงนิดเดียวก็จะปักอยู่บนหน้าของเขาอยู่แล้ว
เย่ซิวตู๋เม้มปากแน่น กลับพบว่านางได้อ้อมตนเองพุ่งเข้าหาโม่เสียนแล้ว ใบหน้าพลันอึมครึมลง ขาทั้งสองข้างไขว้เข้าหากัน เคลื่อนไปด้านหลังของนางด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะสับไปที่ต้นคอของนางอย่างแรง
“อึก” อวี้ชิงลั่วรำพึงในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว วินาทีต่อมา เข็มเงินที่อยู่บนมืออีกข้างหนึ่งก็ปักเข้าที่ต้นขาของตัวเองอย่างแรง
เย่ซิวตู๋ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีสตรีที่ลงมือเหี้ยมโหดกับเขาเช่นนี้ เขาจึงไม่กล้าประมาทแม้เพียงชั่วครู่ จึงทำได้เพียงแค่ลงมืออย่างหนัก แตะไปยังจุดฝังเข็มด้านหลังของนาง เพื่อบังคับให้นางสลบไป
ความคิดหนึ่งก่อนที่อวี้ชิงลั่วจะสลบไปคือ นางรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้โรยผงพิษไว้บนเสื้อของตัวเอง
นางอยู่ในจวนของเย่ซิวตู๋ จึงผ่อนปรนเกินไป ผ่อนปรนจน…ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางให้ถอย ผ่อนปรนจนสูญเสียการป้องกันต่อคนแบบเย่ซิวตู๋
เสียใจที่ทำพลาดไป
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ก่อนที่นางจะล้มลง เขาก็ใช้มือดึงมือของนางไว้ หลังโอบร่างของนางไว้ในอ้อมกอดก็โน้มตัวอุ้มนางขึ้นมา
“นายท่าน” เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ตั้งสติ รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าสองสามก้าว มองดูอวี้ชิงลั่วที่หมดสติอยู่ในอ้อมกอดของนายท่าน พากันกลืนน้ำลายและรู้สึกยากที่จะแยกแยะ
คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้นั้นเมื่อหกปีก่อนจะเป็นแม่นางอวี้ ทั้งยังให้กำเนิดบุตรชายของนายท่านคนหนึ่ง บุตรชาย…อืม…บุตรผู้เป็นที่รักเข้ากระดูกของทุกคน
“พาหนานหนานไปใส่เสื้อผ้า บอกให้ในครัวต้มน้ำขิงให้เขาด้วย อย่าให้เป็นหวัด” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วมองเด็กน้อยที่ดูเหมือนจะพูดไม่ออก เขายิ้มเบา ๆ ก่อนจะอุ้มอวี้ชิงลั่วออกจากห้องเก็บของ
เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ หันสบตากัน พวกเขารู้สึกว่า นายท่านดูเหมือนจะพอใจกับแม่นางอวี้ที่ให้กำเนิดบุตรให้เขา ราวกับพึงพอใจกับหนานหนานที่เป็นบุตรชายอย่างมาก
“ข้าว่า แม่นางอวี้จะกลายเป็น…ฮูหยินหรือไม่?” เสิ่นอิงเดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
อีกสองคนที่เหลือชะงัก จากนั้นจึงพยักหน้ากันอย่างจริงจัง “อันที่จริง ข้าคิดว่าคนที่เหมาะสมกับนายท่าน คงมีแค่แม่นางอวี้นี่แหละ”
ทั้งสามคนมองหนานหนานด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง เด็กน้อยหดคอราวกับรู้สึกหนาวเยือก
เย่ซิวตู๋อุ้มอวี้ชิงลั่วออกมา เหล่าคนใช้ที่อยู่ข้างนอกพากันตกใจ ต่างคนต่างมีความสงสัยอยู่เต็มอก ครั้นเห็นว่าเขาอุ้มแม่นางอวี้กลับไปที่ห้องของตัวเอง ทุกคนก็ยิ่งตกตะลึงจนคางแทบหลุดลงมา
ครั้นวางสตรีในอ้อมกอดลงบนเตียง รอยยิ้มที่มุมปากของเย่ซิวตู๋ก็ยังคงอยู่ไม่หายไป
บุตรชาย…หนานหนานคือบุตรชายของเขา?
ราวกับความสุขที่มาในตอนท้าย จนถึงตอนนี้เพิ่งจะท่วมท้นอยู่ภายในใจ เย่ซิวตู๋ยังคงยิ้มอยู่ภายในห้องของตนเองอย่างไม่หยุด
เขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน คืนนั้นเมื่อหกปีก่อน สตรีที่ส่งเสียงร้องครางเบาๆ อยู่ใต้ร่างของเขา จะเป็นอวี้ชิงลั่วสตรีผู้นี้
มือของเขาเคลื่อนไปลูบริมฝีปากที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเรียบลื่นอย่างไม่รู้ตัว รสชาติอันหอมหวานตอนที่ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง สตรีผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก
แต่ทันใดนั้นเอง มือของเขาก็แข็งทื่อไป เขารีบเอามือผละออกจากริมฝีปาก รูม่านตาหดเล็กลง จ้องมองไปยังรอยสีดำที่อยู่บนฝ่ามือราวกับไม่อยากเชื่อสายตา
ถูกพิษ?
สตรีผู้นี้วางยาพิษใส่เขาตั้งแต่เมื่อใดกัน?
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นายท่านได้โปรดถนอมว่าที่ฮูหยินด้วยค่ะ จะทำรุนแรงไร้ยางอายเกินไปแล้วนะ
แต่มาคิดดูอีกทีก็สมกันแล้ว ถูกพิษชิงลั่วเลยสมน้ำหน้า
ไหหม่า(海馬)