บทที่ 457 มีพัดแต่ข้าไม่โบก แฮร่ แค่เอาสนุก!

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 457 มีพัดแต่ข้าไม่โบก แฮร่ แค่เอาสนุก!

“ข้ามาเยี่ยมเยียนคุณชายอย่างไรเล่า!”

ต้าเต๋อหัวเราะคิกคัก “พี่สาวก็มาเยี่ยมเยียนคุณชายเหมือนกันหรือ”

เขาทำท่าทีสนิทสนม มาถึงก็เรียกอ้ายฉานว่าพี่สาวอย่างชิดเชื้อ

“ผู้ใดเป็นพี่สาวของเจ้า!”

อ้ายฉานถลึงตาใส่ต้าเต๋อ นางไม่มีน้องชายนิสัยเลอะเทอะเยี่ยงนี้!

นึกถึงประสบการณ์ที่นางเคยข้องแวะกับต้าเต๋อในอดีตก็โมโหจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ต้าเต๋อผู้นี้ต่ำตมยิ่ง

“พี่สาวอย่าโกรธไปเลย เรื่องในอดีตเป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้เณรน้อยผู้นี้ทำไม่ถูกจริง ๆ ข้าต้องขอโทษพี่สาวจากใจจริง ณ ที่นี้ด้วย!”

นาน ๆ ต้าเต๋อจะจริงจังสักครั้ง กล่าวคำขอโทษต่ออ้ายฉาน

“จากนี้ไปเลิกทำตัวต่ำตมเป็นพอ!”

อ้ายฉานเอ่ย มิได้ถือสาเอาความกับต้าเต๋ออีก

“ได้เลย ๆ!”

ต้าเต๋อรีบบอก

“ไปเถิด พวกเราไปพบคุณชายด้วยกัน”

พวกอ้ายฉานกับต้าเต๋อก้าวเดินไปยังเมืองชิงซานด้วยกัน

ส่วนหมูป่าที่ต้าเต๋อใช้เป็นพาหนะขี่มาถูกปล่อยไปนานแล้ว ทั้งยังให้ค่าตอบแทนจำนวนหนึ่งกับหมูป่าอีกด้วย มิได้ปล่อยให้หมูป่าเป็นสัตว์พาหนะของเขาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ

ที่ครานั้นเขาเอ่ยว่าอยากกินหมูตุ๋นน้ำแดง ขาหมูนึ่งซีอิ๊ว ล้วนเป็นการหยอกหมูป่าเล่นเท่านั้น มิได้ตั้งใจกินหมูป่าจริง ๆ

ครานั้นเขาอยู่ในสภาพเมามาย ทว่าทั้งหมดล้วนเป็นการเสแสร้ง เป็นการกล่อมประสาทของเขาเอง

พลังวิญญาณของเขากล้าแกร่งเกินไป วิญญาณขอบเขตจ้าวสูงสุดของเขาพัฒนาเป็นวิญญาณขั้นนภาสูงสุด เวลานี้อยากดื่มให้เมายังยาก น้อยนักจะมีสุราที่ทำให้เขาเมาได้

ถนนเส้นใหญ่ตรงดิ่งจนถึงเมืองชิงซาน พวกเขาต่างเลิกเหินตั้งแต่ยังห่างจากเมืองชิงซานไกลโข เป็นการให้เกียรติหลี่จิ่วเต้าของพวกเขา

ทุกคนเดินไปตามถนน ผ่านไปไม่นานก็มาถึงริมลำธารนอกเมืองชิงซาน ซึ่งใกล้กับเมืองชิงซานมากแล้ว

“คนผู้นั้นน่าสนใจจริง!”

ทันใดนั้น ดวงตาเล็ก ๆ ของต้าเต๋อวาวโรจน์ หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าริมลำธาร มีผู้เฒ่าคนหนึ่งกำลังโบกพัดให้ก้อนหินก้อนหนึ่ง

ไยต้องโบกพัดให้ก้อนหินด้วย เหลือเกินจริง!

เขาวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไป

“โอ๊ย!”

อ้ายฉานโมโหจนกระทืบเท้า กว่าจะรู้ตัว ต้าเต๋อก็วิ่งไปไกลแล้ว

ต้าเต๋อไม่ทราบถึงตัวตนและความสามารถของต้นหลิวกับก้อนหิน แต่นางรู้อย่างแจ่มชัด

ต้นหลิวและก้อนหินได้รับความเมตตาจากท่านเซียน รับหน้าที่คุ้มกันเมืองชิงซานอยู่ที่นี่ ขอบเขตพลังลึกล้ำเกินหยั่ง กล้าแกร่งเหลือแสน

“อย่าปล่อยให้เณรน้อยเลอะเทอะผู้นี้ล่วงเกินท่านอาหลิวและท่านอาหินเอาได้!”

นางรีบวิ่งไปทางนั้น

“ท่านผู้เฒ่า ท่านทำอันใดอยู่หรือ เหตุใดถึงโบกพัดให้ก้อนหินก้อนหนึ่ง!”

ต้าเต๋อวิ่งไปถึงก่อนแล้ว พร้อมส่งเสียงถามผู้เฒ่า

หัวโล้นรึ!

เณรน้อยจากไหนกันนี่!

ผู้เฒ่าประหลาดใจ

“หินก้อนนี้รู้ร้อนรู้หนาวด้วยหรือไร ท่านผู้เฒ่ารีบบอกให้ข้ารู้ทีว่าเหตุใดท่านถึงโบกพัดให้หินก้อนหนึ่ง!”

ต้าเต๋อสงสัยมาก รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจยิ่ง เอ่ยถามผู้เฒ่าอีกครั้ง

แค่รู้ร้อนรู้หนาวที่ไหน!

ผู้เฒ่าคิดแล้วอยากร่ำไห้ ประสบการณ์อนาถาในอดีตแวบเข้ามาในจิตใจ

ใช่แล้ว เขามิใช่ใครอื่น ตงฟางเวิ่นนั่นเอง

ตั้งแต่ถูกต้นหลิวกับก้อนหินรุมตีคราวก่อน อย่าให้พูดเลยว่าเขาขยันขันแข็งปานใด เดินทางมาทักทายเอาอกเอาใจต้นหลิวและก้อนหินทุกวี่วัน

“เด็กน้อย เจ้าไม่เข้าใจ ปู่เล่นสนุกอยู่”

ตงฟางเวิ่นเอ่ย “อากาศร้อน มีพัด แต่ข้าไม่โบก ข้าจะโบกให้ก้อนหิน แฮร่ แค่เล่นสนุกน่ะ!”

หลังต้าเต๋อได้ฟังก็มีสีหน้าเอือมระอาขึ้นมาทันที

อะไรกันนี่?

คนวิกลจริตหรือ!

เขาหมดคำพูดอย่างแท้จริง ก็นึกว่าผู้เฒ่ามีเหตุผลใดเป็นพิเศษ ที่แท้ก็สมองมีปัญหา!

“ท่านผู้เฒ่า…ท่านทำต่อไปเถิด!”

ต้าเต๋อเอ่ยทั้งมุมปากกระตุก

“เจ้าเณรน้อยอย่าได้เสียมารยาท กล่าวทักทายท่านอาหลิวและท่านอาหินเดี๋ยวนี้!”

อ้ายฉานวิ่งมาถึง บอกกับต้าเต๋ออย่างรีบร้อน

หา?

ต้าเต๋อผงะกับวาจาอ้ายฉาน ให้เขาทักทายกระไรใส่ต้นหลิวและก้อนหิน!

“เจ้าคงมิได้แกล้งข้ากระมัง”

ต้าเต๋อคิดว่าอ้ายฉานยังผูกใจเจ็บ ที่บอกให้เขาทักทายต้นหลิวและก้อนหินเป็นการกลั่นแกล้ง

“ข้าแกล้งเจ้าอันใดกัน จริง ๆ เลย!”

อ้ายฉานถลึงตาใส่ต้าเต๋อ ทำคุณบูชาโทษจริง ๆ หวังดีแท้ ๆ แต่กลับถูกโยนทิ้งขว้าง!

จากนั้น นางไม่สนใจต้าเต๋ออีก หันไปทักทายต้นหลิวและก้อนหิน

อันหลานเสวี่ย จู้จื่อ และคนอื่น ๆ เข้ามาถึงเช่นกัน ทั้งหมดพากันกล่าวทักทายต้นหลิวและก้อนหิน

พวกเขาทุกคนทราบถึงตัวตนของต้นหลิวและก้อนหิน

ต้าเต๋อนิ่งค้างไป เรื่องอะไรกัน?

ก่อนหน้านี้มีตงฟางเวิ่นโบกพัดให้ก้อนหิน ต่อมามีพวกอ้ายฉานสวัสดีต้นหลิวและก้อนหิน เหตุไฉนถึง…ผิดปกติเยี่ยงนี้!

บ้าเอ๊ย!

พวกอ้ายฉานเห็นว่าตงฟางเวิ่นโบกพัดให้ก้อนหิน ถึงได้ผุดอุบายนี้ขึ้น แต่งเรื่องว่าต้นหลิวและก้อนหินมีฝีมือฉกาจ รวมหัวกันแกล้งเขา?

วิญญาณของเขาอยู่ในขั้นนภาสูงสุด หากต้นหลิวและก้อนหินไม่ธรรมดาจริง เขาสัมผัสได้นานแล้ว ต้นหลิวและก้อนหินนี้เป็นเพียงพืชธรรมดาเท่านั้น!

“ข้าไม่ยอมให้พวกท่านหลอกหรอก! ต้องคารวะต้นหลิวก้อนหิน ซ้ำยังต้องเรียกขานว่าท่านอา ข้ามิถูกพวกท่านหัวเราะเยาะแย่หรือ!”

ต้าเต๋อเบ้ปาก เขาปราดเปรื่องเยี่ยงนี้ ไฉนเลยจะทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนั้นได้

พูดจบ เขาก็นั่งทับก้อนหิน เพื่อพิสูจน์ว่าหินก้อนนี้ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นเพียงก้อนหินธรรมดา เพื่อเปิดโปงคำโกหกของพวกอ้ายฉาน

“ข้าไม่ทักทาย และไม่เรียกท่านอา ซ้ำข้ายังนั่งทับอีกด้วย แฮร่ แค่เอาสนุก!”

เขาลอกเลียนแม้กระทั่งท่าทางวาจาของตงฟางเวิ่นก่อนหน้านี้อีกด้วย

“โอ๊ย ๆ ร้อนเกือบตาย ก้นน้อย ๆ ของข้าจะสุกอยู่แล้ว!”

ไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็กระโจนขึ้นสูงประหนึ่งพลุจรวด เด้งตัวขณะที่สองมือกุมก้นตัวเองไปด้วย

เจ็บเหลือเกิน!

เจ็บจนใบหน้าเขาเหยเก ร้องจ้าละหวั่น กระโดดดึ๋ง ๆ รอบ ๆ

พลังเนื้อกายของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีการก้าวหน้าเช่นเดียวกัน บรรลุถึงขั้นนภาสูงสุด

ทว่าขนาดนี้ก็ยังไม่ไหว เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเนื้อก้นถูกลนจนสุก เจ็บเป็นหนักหนา

“หึหึ สมน้ำหน้า!”

อ้ายฉานได้เห็นภาพนี้อย่าให้พูดเลยว่าหัวเราะด้วยความปรีดามากเพียงใด

ผู้ใดใช้ให้ต้าเต๋อไม่เห็นความหวังดีของนางเล่า!

อีกด้าน อันหลานเสวี่ยและพวกจู้จื่อหัวเราะเช่นกัน หัวเราะจนปิดปากไม่ได้

ต้าเต๋อเสียท่าเพราะความฉลาดเป็นเหตุแท้ ๆ ท่านอาหินมีหรือจะยอมให้นั่งได้ง่าย ๆ

“ข้าผิดไปแล้ว!”

ต้าเต๋อร้องห่มร้องไห้วิ่งเข้ามา คราวนี้เขาสำนึกผิดแล้วจริง ๆ

ต้นหลิวและก้อนหินมิใช่พืชธรรมดา ทรงพลังแกร่งกล้า ขนาดที่วิญญาณขั้นนภาสูงสุดของเขายังสัมผัสความผิดปกติไม่ได้สักนิด

“พวกเจ้าจะไปพบคุณชายหรือ”

ตอนนั้นเอง ต้นหลิวส่งเสียง

“ใช่แล้ว ท่านอาหลิว”

อ้ายฉานพยักหน้า เอ่ยอย่างมีมารยาท “คุณชายบอกว่าทำโยเกิร์ตและเค้กไว้ ให้พวกเราไปชิม”

“อิจฉาพวกเจ้าจริง เมื่อใดพวกเราถึงจะได้กินอาหารรสเลิศฝีมือคุณชายกัน!”

ก้อนหินเอ่ยอย่างอิจฉา

“เจ้าเป็นเพียงก้อนหิน มัวแต่พะว้าพะวังเรื่องกินใช้ได้ที่ไหน!”

ต้นหลิวตำหนิ “เลิกคิดเพ้อเจ้อได้แล้ว รักษาการณ์ให้ดี อารักขาเมืองชิงซานให้ดีก็พอ!”

จากนั้น มันบอกกับพวกอ้ายฉาน “พวกเจ้ารีบไปเถิด อย่าให้คุณชายคอยนาน”

“ได้เลย! ท่านอาหลิว ท่านอาสือ แล้วเจอกัน!”

พวกอ้ายฉานบอกลาต้นหลิวและก้อนหิน เข้าไปในเมืองชิงซาน

“ข้าเองก็อิจฉา ได้ยินว่าโยเกิร์ตฝีมือท่านเซียนอร่อยยิ่ง เค้กก็ด้วย รสชาติเลิศล้ำสุด ๆ!”

ตงฟางเวิ่นมองร่างพวกอ้ายฉานตาปริบ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น น้ำลายไหลออกจากมุมปาก

เขาเคยกินอาหารฝีมือท่านเซียน โอชะเหลือคณา!

น่าเสียดาย หนนี้เขาไม่ได้รับคำเชิญจากท่านเซียน

“อิจฉาหาพระแสงอันใด! พัดต่อไป!”

ก้อนหินเอ่ยเสียงไม่สบอารมณ์