ตอนที่ 37

The simple life of the emperor

หลังจากเทียนหลางกลับมาที่เต็นท์ของตัวเอง เขาก็ดื่มยาทิพย์เข้าไปทันทีเพื่อเริ่มทำการบ่มเพาะเพื่อเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง เพราะในใจลึก ๆ ของเขา เขารู้สึกแปลก ๆ กับปรากฏการดาวตกที่จู่ ๆ ก็ตกลงมายังโลก

เพราะในอดีตเทียนหลางเคยมีประสบการณ์ที่แสนวุ่นวายกับดาวตกพวกนี้ ครั้งหนึ่งเทียนหลางคิดว่าดาวตกพวกนี้เป็นเศษซากของอุกกาบาตขนาดยักษ์เทียนหลางจึงคิดจะไปเก็บมันมาเพื่อเอาไว้หลอมเป็นอาวุธ หรือชุดเกราะ เพราะแร่ธาตุต่าง ๆ ในเศษอุกกาบาตเหล่านี้ทนทานและแข็งแกร่งกว่าแร่ทั่วไปมันจึงเหมาะสำหรับการนำมาทำอาวุธหรือชุดเกราะ

แต่เมื่อเทียนหลางไปถึงกลับกลายเป็นว่ามันคือเมล็ดของต้นไม้ปีศาจที่กำลังเติบโตและกลืนกินแกนกลางดาวดวงนั้นอย่างช้า ๆ ทำให้เทียนหลางต้องต่อสู้กับมันกว่าสามวันสามคืนถึงจะฆ่ามันได้และที่น่าเจ็บใจที่สุดคือหลังจากที่มันตาย มันไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ให้เขาเลยแม้แต่น้อย

และยังมีเหตุการณ์ที่เศษดาวตกเหล่านั้นเป็นยานสำรวจของเผ่าพันธุ์อื่นที่กำลังขยายอาณานิคมของเขาพวกอีกด้วย แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น

แต่ถึงอย่างงั้นการเตรียมพร้อมไว้ก่อนย่อมดีกว่าเสมอ แถมมันยังทำให้เทียนหลางมีโอกาสในการขโมยดาวตกได้สำเร็จมากขึ้นอีกด้วยหากเขาแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่เทียนหลางกำลังนั่งดูดซับพลังจากยาทิพย์อยู่นั้นหลินจินทงก็เข้ามา เมื่อเขาเข้ามาก็พบว่าเทียนหลางกำลังบ่มเพาะอยู่ดังนั้นเขาจึงไม่อยากรบกวนแต่เนื่องจากที่เขาก็เป็นผู้บ่มเพาะเช่นกันจึงทำให้เขาสัมผัสถึงพลังงานจำนวนมหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเทียนหลางได้

แม้เขาจะสัมผัสมันได้ไม่ถึงสามในห้าแต่หลินจินทงก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเทียนหลางได้กลืนเม็ดยาบางอย่างลงไปและเม็ดยานั่นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แม้ในใจหลินจินทงอยากจะถามถึงเรื่องเม็ดยาที่เทียนหลางกินแต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไว้เพราะเขารู้ดีว่าหากรบกวนการบ่มเพาะของคนอื่นเป็นเรื่องที่เสียมารยาทเป็นอย่างมาก และยังมีโอกาสทำให้คนผู้นั้นถูกพลังตีกลับจากการเสียสมาธิอีกด้วย

…………………………………………………..

เช้าวันต่อมาขบวนเดินทางก็ได้เคลื่อนที่ต่ออย่างราบรื่นราวกับเรื่องการบุกโจมตีของสมาคมเงาไม่เคยเกิดขึ้น ในจังหวะนั้นหลินจินทงก็ถามขึ้น

”เมื่อคืนฉันเห็นเธอกำลังบ่มเพาะอยู่ ฉันอยากรู้ว่าเธอได้ทานเม็ดยาอะไรเข้าไปงั้นเหรอ ? พลังงานมันถึงได้มากมายขนาดนั้น”

เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของหลินจินทงเขาก็ยิ้มก่อนจะนำขวดยาทิพย์ใบเล็ก ๆ ออกมาจากแหวนมังกรโดยทำท่าทีเหมือนหยิบมันออกมาจากกระเป๋าในเสื้อคลุม เมื่อหลินจินทงเห็นมันเขาก็เกิดสงสัยขึ้นทันที

”มันคือเจ้านี้งั้นเหรอ ?”

เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น

”ใช่แล้ว มันถูกเรียกว่ายาทิพย์และมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยรักษาอาการของลูกชายคุณด้วย”

”รักษาหลินเทางั้นเหรอ ?”

”ถูกต้อง”

หลินจินทงมองขวดยาทิพย์ในมือเทียนหลางด้วยตาเป็นประกายแสดงถึงท่าทีว่าอยากจะได้มันอย่างโจ่งแจ้ง เทียนหลางที่เห็นก็อดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”คุณดื่มมันไม่ได้หรอกนะ”

หลินจินทงที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสับสน

”ทำไมหล่ะ ? ทีลูกชายของฉันยังดื่มมันได้เลย”

”ที่ลูกชายของคุณดื่มน่ะ มันถูกเจือจางไปแล้วถึงหนึ่งในหมื่นส่วนหากมันจึงมีผลแค่รักษาเท่านั้น ส่วนของที่ผมถืออยู่นี่นะ มันสามารถรักษาบาดแผลร้ายแรงได้แม้คุณใกล้ตายมันก็สามารถช่วยได้และมันยังช่วยปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับการบ่มเพาะ และยังเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะอย่างมากอีกด้วย แต่ด้วยส่วนผสมที่พิเศษของมันจึงทำให้ผู้บ่มเพาะธรรมดาไม่สามารถทนรับผลของมันได้ ถ้าหากคุณดื่มมันเข้าไปละก็รับรองว่าตัวคุณได้ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแน่นอน”

เมื่อหลินจินทงได้ยินเขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าเพียงขวดยาใบเล็ก ๆ สามารถฆ่าเขาได้และช่วยชีวิตเขาได้ด้วยเช่นกัน เมื่อได้ยินคำอธิบายของเทียนหลางในใจของหลินจินทงก็รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาทันทีเพราะการที่เขาไม่สามารถดื่มยาทิพย์ก็แสดงว่าการบ่มเพาะของเขาก็จะล่าช้ามากยิ่งขึ้น

และดูเหมือนเทียนหลางจะรู้ถึงความนึกคิดของหลินจินทง เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ การที่คุณไม่สามารถรับผลของยาทิพย์ได้นั่นก็เพราะว่าตันเถียนของผู้ที่บ่มเพาะเต๋าพิภพนั้นอ่อนแอและคับแคบเกินไป หากคุณบ่มเพาะด้วยเทคนิคของเต๋าสวรรค์แล้วละก็ คุณก็สามารถดื่มยาทิพย์ได้อย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลางหลินจินทงก็เหมือนมีไฟขึ้นมาอีกครั้ง เขาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยถาม

”แล้วฉันจะเริ่มมันได้เมื่อไหร่หล่ะ ?”

”หลังจากจบทริปนี้หล่ะนะ เพราะถ้าหากคุณทำลายการบ่มเพาะในตอนนี้ละก็ผมคงลำบากแย่”

”นั่นสินะ”

…………………………………………………..

การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดสองวันที่ผ่านมา เทียนหลางไม่เห็นวี่แววของพวกสมาคมเงาเลยแม้แต่น้อยแต่เขากลับรู้สึกว่าพวกคนจากพรรคอสรพิษนั้นเริ่มทำตัวแปลก ๆ ในช่วงเวลากลางคืนพวกเขามักแยกออกไปคนเดียวบ่อย ๆ เนื่องจากเทียนหลางไม่มีความจำเป็นจะต้องนอนและด้วยสัมผัสที่เหนือกว่าผู้บ่มเพาะทั่วไปเทียนหลางจึงจับพฤติกรรมแปลก ๆ ของพรรคอสรพิษได้

จากที่เทียนหลางจับตามองคนของพรรคอสรพิษมาสองวันเต็ม ๆ เขาก็ได้รู้ว่าพวกมันทำอะไรกันตอนกลางคืน ดูเหมือนว่าคนของพรรคอสรพิษจะกระจายผงอะไรบางอย่างไปทั่วบริเวณที่พักตอนกลางคืน และดูเหมือนมันจะเป็นพิษที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของลมปราณในร่างกายแม้มันจะส่งผลเพียงเล็กน้อยแต่หากอยู่ในการต่อสู้ละก็สามารถตัดสินผลชี้ขาดได้เลย

เทียนหลางคาดว่าพวกมันคงไม่กล้าใช้พิษที่มีผลแรงเกินไปไม่เช่นนั้นพวกเซียนของสำนักต่าง ๆ จะสงสัยในตัวของพวกมันได้ดังนั้นจึงใช้พิษที่มีผลอ่อน ๆ แทนซึ่งถือว่าฉลาดไม่น้อย

…………………………………………………..

ในที่สุดการเดินทางก็มาถึงจุดสิ้นสุดเทียนหลางได้มาถึงจุดที่ดาวตกตกลงมาแล้ว ทุกคนลงจากรถและรีบเข้าไปสำรวจดูดาวตกดังกล่าวเมื่อทุกคนเห็นมันก็แสดงสีหน้าตกใจทันที

เพราะดาวตกดวงนั้นไม่ใช่ดวงใหญ่อะไรมากนักมันมีรูปทรงกลมมีขนาด5*5เมตรเพียงเท่านั้นซึ่งถือได้ว่าเล็กมากสำหรับอุกกาบาต แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจไม่ใช่ขนาดของมันแต่เพราะมันปลดปล่อยไอความเย็นมาตลอดเวลาจนทำให้พื้นที่รอบ ๆ นั้นกลายเป็นพื้นน้ำแข็ง ทุกคนมองมันด้วยความสงสัยใคร่รู้แต่มีเพียงเทียนหลางคนเดียวเท่านั้นที่มองมันด้วยรอยยิ้ม

‘มันคือสะเก็ตผลึกของดวงดาวน้ำแข็ง’

เทียนหลางอดไม่ได้ที่จะดีใจเพราะสะเก็ตของผลึกนั้นสามารถช่วยเทียนหลางในการบ่มเพาะได้และมันยังสามารถนำมาทำเป็นอาวุธธาตุ หรือไม่ก็เครื่องประดับได้อีกด้วย

เทียนหลางมองมันอย่างสนใจอกสนใจ พร้อมกับสำรวจบริเวณรอบ ๆ เขาสักเกตุว่าอุณหภูมิรอบ ๆ นั้นหนาวเย็นเป็นอย่างมาก จนแทบไม่มีใครสามารถทนมันได้พวกเขาจึงประชุมกันเพื่อหาวิธีแก้ไข

ไม่นานนักพวกเขาก็หาข้อสรุปกันได้คือการสร้างค่ายกลเพื่อลดทอนความหนาวเย็นลงพอที่จะให้พวกเขาเข้าไปนำดาวตกออกมาได้

เทียนหลางมองพวกเขาสร้างข่ายกลกันอย่างขยันขันแข็ง เทียนหลางรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยกับพวกเขาเทียนหลางนั้นมีวิธีที่ง่ายกว่ามากในการเข้าไปนำสะเก็ตผลึกออกมานั่นก็คือการเดินเข้าไปดื้อ ๆ เพราะดวงดาวที่เทียนหลางเชื่อมต่อ เป็นดวงดาวจักรพรรดิน้ำแข็งซึ่งมันทำให้เทียนหลางมีร่างกายที่ต้านทานความหนาวเย็นได้

ตกดึกเทียนหลางเดินออกมาจากเต็นท์และเดินตรงไปยังสะเก็ตผลึก เมื่อมาถึงเทียนหลางก็พบเจอกับคนที่เฝ้ายามอยู่แต่เทียนหลางไม่ได้สนใจและเดินผ่านพวกเขาไปโดยใช้ทักษะพลางตัวของเขา

เทียนหลางเดินเข้ามาใกล้เทียนหลางก็เริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ถูกผล่อยออกมา เทียนหลางสัมผัสไปที่ผลึกและลองขยับมันดูก็พบว่ามันมีน้ำหนักมากกว่าที่เขาคิดไว้

แต่มันก็ไม่ได้มีปัญหาสำหรับเทียนหลาง เขาชูนิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะมีแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วเทียนหลางวาดนิ้วมือกลางอากาศปรากฏสัญลักษณ์อักขระสีฟ้าครามเกิดขึ้นจากนั้นเทียนหลางก็ตวัดมันเข้าใส่สะเก็ตผลึก

ทันทีที่อักขระสีฟ้าครามสัมผัสกับสะเก็ตผลึกมันก็เกิดอาการสั่นอย่างรุนแรงก่อนมันจะแตกกระจายออกจนเหลือเพียงแค่ก้อนเท่ากำมือจนนวนมาก พร้อมกับลอยวนอยู่ตรงหน้าเทียนหลาง

จากนั้นเทียนหลางก็กวาดพวกมันทั้งหมดเข้าแหวนมังกร เทียนหลางมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินออกจากพื้นที่และกลับเข้าไปนอนพักในเต็นท์

กลางดึกเทียนหลางตื่นขึ้นเพราะเสียงเอะอะโวยวาย เทียนหลางเดินออกมาจากเต็นท์ก็พบว่าทุกคนวิ่งกันมั่วซั่วไปหมดทำเอาเขาสับสนไม่น้อย แต่หลังจากที่เขาคิดดี ๆ แล้วเขาก็พอจะเดาได้ว่าที่คนพวกนั้นเป็นแบบนี้เพราะอะไร

‘ที่เจ้าโง่พวกนี้โวยวาย คงเป็นเพราะข้าขโมยสะเก็ตดวงดาวของพวกมันมา’

เมื่อเทียนหลางสรุปได้แบบนั้นเขาก็กลับเข้าไปนอนต่อเพราะตอนนี้มันยังดึกเกินไปที่เขาจะตื่น