ตอนที่ 115 การเปลี่ยนแปลง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 115 การเปลี่ยนแปลง

เมื่อเริ่มฤดูใบไม้ผลิ เยียนอวิ๋นเกอก็ยุ่งขึ้นมา

ระยะก่อน กองทัพของเหล่าท่านอ๋องบุกเข้าเมืองแถบนครบาล ทำให้เยียนอวิ๋นเกอตกใจไม่น้อย

นางเป็นกังวลว่าเรือนพักร่ำรวยจะประสบกับภัยสงคราม ถูกคนปล้นทรัพย์

ถึงแม้จะมีหัวหน้าองครักษ์เยียนหนาพร้อมกับองครักษ์หลายร้อยนายปักหลักอยู่ในเรือนพักร่ำรวย

แต่เวลานี้ หากไม่ปะทะได้ย่อมไม่ปะทะ

หากแพ้ เรือนพักร่ำรวยย่อมต้องถูกปล้น

หากชนะ เรือนพักร่ำรวยก็ไม่ได้รับผลดี อีกทั้งยังคงต้องเกิดการสูญเสีย

ไม่ว่าคิดอย่างไรก็เป็นการค้าขายที่ขาดทุน

ดังนั้นไม่ปะทะได้ย่อมไม่ปะทะ

แต่โชคดีที่กองทัพของเหล่าท่านอ๋องถอยออกไปอย่างรวดเร็วตามการตายของท่านผู้เฒ่าตระกูลเถา

วิกฤตในพื้นที่แถบนครบาลถูกแก้ไข เยียนอวิ๋นเกอเตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังเรือนพักร่ำรวยเพื่อเกณฑ์คนทำนาในฤดูใบไม้ผลิ

ภารกิจในการบุกเบิกปีนี้หนักหนา ภาระหนี้มาก แรงกดดันมาก นางไม่อาจชะล่าใจได้

ตู้ซินแสจะติดตามไปยังเรือนพักร่ำรวยด้วย

เขาปฏิบัติตามคำสั่งของท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้าน เดินทางมาเจรจากับเยียนอวิ๋นเกอในเมืองหลวง ลงทุนในกิจกาจของเยียนอวิ๋นเกอ

แต่ยืดเยื้อมานานเพียงนี้ เขายังไม่ได้เจรจาใดๆ ทั้งสิ้น

ตู้ซินแสร้อนใจอย่างมาก

ตอนที่ออกจากจวนโหว เขาให้คำมั่นว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ

เมื่อเขาไม่เห็นกำหนดการที่ภารกิจจะสำเร็จ เขาจะกลับจวนโหวไปได้อย่างไร

ในฐานะที่ปรึกษา ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จย่อมถือเป็นการละเลยในหน้าที่

หากเป็นผู้อื่น ตู้ซินแสสามารถหลอกลวง ใช้ทุกกลอุบายบีบเค้นให้อีกฝ่ายสมยอม

แต่เยียนอวิ๋นเกอเป็นคนหัวแข็ง

นางมองทะลุปรุโปร่งถึงแผนการของบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้าน จึงไม่มีทางสมยอมอย่างง่ายดาย

ไม่ว่าตู้ซินแสพูดอย่างไร นางก็เพียงตอบรับเอาไว้เท่านั้น…

แม้แต่การตอบกลับอย่างเป็นทางการก็ยังไม่มี ส่วนความร่วมมือยิ่งไม่มีกำหนดการ

ตู้ซินแสลำบากนัก!

เขาถูกบีบจนหมดหนทาง เมื่อได้ยินว่าเยียนอวิ๋นเกอจะไปเรือนพักร่ำรวย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะตามไปด้วย

ไม่ให้เขาไป เขาก็จะตามตื๊อไม่ไปไหน

เฮอะๆ !

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มเย็น

“ทั้งที่เป็นที่ปรึกษา แต่กลับเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ อับอายหรือไม่”

ตู้ซินแสลูบใบหน้า “อับอายอันใดกัน! ชีวิตก็จะไม่มีอยู่แล้ว เหลือหน้าไว้จะมีประโยชน์อันใด!”

ช่างคล้ายคลึงกับเจ้านายของเขา นิสัยไร้ยางอายเหมือนกับเยียนโส่วจ้านอย่างสิ้นเชิง

เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา

มีเพียงคนที่หน้าด้านไร้ยางอาย จึงจะสามารถพูดได้ราวกับมีความแค้นฝังลึกอย่างไร้ยางอายเช่นนี้

นางกล่าว “ข้าไปเรือนพักเพราะมีธุระสำคัญ เหตุใดท่านจึงจะตามไปด้วย”

ตู้ซินแสพูดอย่างจริงจัง “ข้าก็แค่ไปดู”

“พื้นที่ลำบากยากแค้น ไม่มีสิ่งใดน่าดู”

“ก็แค่ไปดู!”

คนหนึ่งไม่ให้ดู อีกคนอยากจะดู เรื่องนี้จัดการไม่ง่าย

เยียนอวิ๋นเกอเดินออกไปทางด้านนอก ตู้ซินแสเดินตามติดอยู่ด้านหลัง

เยียนอวิ๋นเกอหันกลับมาถลึงตาใส่เขา “ห้ามเดินตามข้า!”

ตู้ซินแสทำหน้าเหมือนชายชราที่ถูกทอดทิ้ง ท่าทางน่าสงสาร

เยียนอวิ๋นเกอส่งเสียงไม่พอใจ นางไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด

นางเดินต่อ เขาก็เดินตามต่อ

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้ารังเกียจ “บอกแล้วว่าอย่าตามข้า”

“ข้าแค่ไปดูเรือนพักเปิดหูเปิดตา” ตู้ซินแสพูดเสียงอ่อน

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว กลยุทธ์ตีหน้าเศร้า นางไม่หลงกลหรอก

นางขึ้นรถม้าไป

ตู้ซินแสเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า รถม้าของเขาจอดรออยู่ด้านนอกประตูจวนท่านหญิง สามารถเดินทางตามขึ้นไปได้ทุกเวลา

เยียนอวิ๋นเกอปวดหัวอย่างมากเมื่อมีคนติดตามอยู่ด้านหลัง

นางเคาะผนังรถเพื่อให้คนบังคับม้าหยุดรถ

จากนั้นนางจึงกระโดดลงจากรถม้า พูดกับตู้ซินแส “ท่านอยากเจรจาความร่วมมือกับข้าไม่ใช่หรือ ท่านไม่ต้องตามข้าไป รอข้ากลับมาจากเรือนพักจะมาเจรจากับท่าน”

ตู้ซินแสลูบเครา พูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณคุณหนูสี่! แต่ว่าข้ายังอยากตามไปดูที่เรือนพักอยู่ดี ในใจของข้าอยากรู้ยิ่งนัก! ขอคุณหนูสี่โปรดคลี่คลายความสงสัยของข้า”

เยียนอวิ๋นเกอถลึงตา “เจ้าจะตามมาให้ได้อย่างนั้นหรือ”

ตู้ซินแสพยักหน้า ไม่ตามไม่ได้

ก่อนหน้านี้เขาเจรจาด้วยง่ายเกินไป เยียนอวิ๋นเกอจึงยื้อเขาเอาไว้ ไม่ยอมตกลงกับเขาเสียที

คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตามไปดู

เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา “ท่านจะตามก็ตามเถิด แต่ข้าพูดไว้ก่อน ท่านอย่าได้รบกวนงานของข้า มิฉะนั้นพวกเราคงไม่มีเรื่องใดต้องเจรจากัน”

“คุณหนูสี่วางใจ ข้าเป็นคนที่รู้ขอบเขต”

ดังนั้นขบวนรถที่มุ่งหน้าไปเรือนพักร่ำรวยจึงมีอีกหนึ่งขบวนรถขนาดเล็กตามอยู่ด้านหลัง

ขบวนรถขนาดเล็กรู้ตัวดีอย่างมาก พวกเขาไม่เคยรบกวนผู้อื่น หากินหาดื่มด้วยตนเอง

ระยะทางตั้งแต่เมืองหลวงไปถึงเรือนพักร่ำรวย หากใช้ความเร็วปกติต้องใช้เวลาสามวัน

อาเป่ยถาม “คุณหนู ต้องเชิญตู้ซินแสมาทานอาหารด้วยหรือไม่เจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเกอโบกมือ “ไม่ต้องสนใจเขา! เขาเป็นที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์มากมาย พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวล อีกทั้งตลอดทางสงบสุข เขาไม่เป็นอันใด!”

เมื่อนางพูดเช่นนี้แล้ว อาเป่ยก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก

ระยะทางสามวันจบสิ้น เรือนพักร่ำรวยอยู่ตรงหน้าแล้ว!

เมื่อเทียบกับตอนที่จากไปช่วงต้นฤดูหนาวของปีที่แล้ว เรือนพักร่ำรวยเกิดการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวง

อันดับแรก ถนนชุมชนของเรือนพักร่ำรวยหลายสิบลี้ที่มุ่งหน้าสู่ถนนหลวงนั้น หลังจากผ่านการซ่อมแซม ขยายและปรับระดับแล้ว พื้นผิวถนนขยายกว้างเพียงพอที่จะให้รถม้าสองคันวิ่งผ่าน

บนถนนปูด้วยก้อนกรวดและเศษถ่าน ถึงแม้จะฝนตกก็ไม่กลัวดินโคลน

เดินทางไปเรือนพักยังต้องข้ามผ่านแม่น้ำสายหนึ่ง

ที่ผ่านมามันเป็นเพียงแม่น้ำสายเล็ก กว้างไม่ถึงสามจั้ง

เมื่อฤดูหนาวหนึ่งผ่านไป แม่น้ำถูกขยายกว้างราวห้าถึงหกจั้ง

เมื่อข้ามผ่านแม่น้ำไป ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำก็คือเรือนพักร่ำรวย

แต่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำมีรั้วไม้ สูงราวสองจั้งแถวหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

บริเวณปลายรั้วไม้นั้นแหลมคม อีกทั้งยังวางเต็มไปด้วยหนาม ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก

ด้านหลังรั้วไม้มีหอสังเกตการณ์หลายแห่ง แต่ละแห่งนั้นสูงสามชั้น

ยืนอยู่บนที่สูงย่อมสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวในที่ไกลได้

คราวนี้เมื่อเยียนสุยพ่อบ้านใหญ่ของเรือนพักได้ข่าว เขาก็นำกลุ่มพ่อบ้านและบ่าวรับใช้ออกมาต้อนรับถึงหน้ารั้วไม้

เยียนอวิ๋นเกอเห็นจึงหัวเราะขึ้นมา

“วันนี้พ่อบ้านใหญ่ว่างออกมาต้อนรับด้วยตัวเองหรือ”

เยียนสุยยิ้มแย้ม “คุณหนูนานๆ มาที พวกข้าต่างตื่นเต้นอย่างมาก สามารถออกมาต้อนรับคุณหนูเข้าเรือนพักด้วยตนเองเป็นเกียรติของพวกข้า”

เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม “ไม่ต้องพูดเหลวไหล พวกเราเดินไปพูดไป สถานการณ์ในเรือนพักเวลานี้เป็นอย่างไรบ้าง”

เมื่อข้ามแม่น้ำ เดินเข้าเรือนพักไป

ด้านในก็เป็นอีกหนึ่งโฉมใหม่

เยียนอวิ๋นเกอกำลังมองดูสิ่งที่แปลกใหม่ตามการติดตามของเยียนสุย จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกตามหลังของตู้ซินแส

“ข้ามากับคุณหนูสี่ พวกเจ้าจะรั้งข้าได้อย่างไร”

“คุณหนูสี่ องครักษ์ในพื้นที่ของท่านเจรจาไม่ได้ ข้าพูดอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ ท่านช่วยพูดให้ข้าที”

ตู้ซินแสถูกรั้งไว้ด้านนอกรั้วไม้

เพราะว่าองครักษ์ถามคนในขบวนรถว่าพวกเขาเป็นผู้ใด

คนในขบวนรถตอบว่า “ผู้ติดตาม” องครักษ์จึงคิดว่าตู้ซินแสไม่ใช่คนดี รั้งรถม้าของเขาเอาไว้อย่างเด็ดขาด ไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปในพื้นที่ของเรือนพัก

เยียนอวิ๋นเกอกุมขมับ นางลืมไปแล้วว่าด้านหลังมีคนติดตามมาด้วย

นางสั่งองครักษ์ “ปล่อยเขาเข้ามา ท่านนี้คือตู้ซินแส ท่านโหวส่งเขามา ดูเขาเอาไว้ให้ดี อย่าให้เขาเดินไปทั่ว”

หนวดเคราของตู้ซินแสสั่นตามเล็กน้อย รีบพูด “ข้าไม่เดินไปทั่วอย่างแน่นอน ข้าจะติดตามอยู่ข้างกายคุณหนู”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “เมื่อถึงที่นี่แล้ว ท่านก็ไม่อาจติดตามข้าได้อีก ที่ที่ข้าไปได้ ท่านไปไม่ได้ หรือท่านอยากจะพลิกบัญชีของเรือนพักดูคลังเสบียงของเรือนพักหรือ”

ตู้ซินแสถูกพูดดักคอ จึงเอ่ยตอบเสียงอ่อน “ข้าแค่เดินดูรอบด้าน รับรองไม่ก่อเรื่อง”

“ท่านตามสบาย!”

เยียนอวิ๋นเกอโบกมือไล่เขาไป

เยียนสุยถามเสียงเบา “คุณหนู ตู้ซินแสถูกท่านโหวส่งมาจริงหรือขอรับ”

เยียนอวิ๋นเกอพูด “เขาเป็นที่ปรึกษาข้างกายท่านโหว แต่ก่อนตอนอยู่ในจวนโหว เจ้าคงจะเคยเจอ จะเป็นเรื่องหลอกลวงได้อย่างไร”

เยียนสุยกังวลขึ้นมา “ข้าย่อมรู้จัก เพียงแต่ไม่เชื่อว่าเขาจะปรากฏตัวในเรือนพัก ไม่รู้เหตุใดท่านโหวจึงส่งตู้ซินแสมา จะกระทบต่อแผนการบุกเบิกของคุณหนูหรือไม่ขอรับ”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม พลันพูดขึ้น “เจ้าไม่ต้องกังวล ตู้ซินแสมาส่งเงินแทนท่านโหว”

ส่งเงินหรือ

มีเรื่องดีเช่นนี้เชียวหรือ

เยียนสุยสงสัย

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างมีเลศนัย “หากพูดให้ชัดเจน เขามาเจรจาร่วมทุนแทนท่านโหว มาถึงตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้ว ข้ายื้อเขาเอาไว้ตลอด แต่คราวนี้เขาจะตามมาให้ได้ ปล่อยให้เขาดูไป สั่งลงไป พื้นที่สำคัญอย่าให้เขาเข้าใกล้ และไม่ต้องสนใจเขา เวลานี้เรือนพักมีสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”

ทุกสิ่งในเรือนพักเป็นไปตามขั้นตอน

ผู้อพยพในพื้นที่บุกเบิกทำงานเมื่อยามอาทิตย์ขึ้น พักผ่อนเมื่อยามอาทิตย์ตก

แต่ละวันรับเสบียงข้าวสารตามปริมาณการบุกเบิก

แต่เรือนพักก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น มีผู้คนจากต่างถิ่นมามากขึ้น

พื้นที่ราบด้านนอกโรงอาหารขยายจนกลายเป็นรูปแบบของสนาม

ในพื้นที่นี้กลายเป็นตลาดขนาดเล็ก

เกษตรกรที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงต่างเดินทางข้ามสันเขา หรือเดินผ่านถนนเส้นเล็กพร้อมกับผลผลิตของตนเองมาค้าขายในพื้นที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่คือการแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน

ฤดูใบไม้ผลิ สรรพสิ่งฟื้นคืน แต่ก็เป็นฤดูกาลแห่งความขาดแคลนชั่วคราว

เสบียงของครอบครัวเกษตรกรจำนวนมากต่างหมดลงแล้ว ยังต้องรอเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะถึงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวในฤดูร้อน

หลายเดือนนี้ ในเรือนไม่มีเสบียงจะทำอย่างไร

เมื่อได้ยินว่าผู้อพยพในเรือนพักร่ำรวยมีเสบียง ราคาเป็นธรรม ดังนั้นทุกคนจึงมาวางแผงค้าขายในที่แห่งนี้

ดังนั้นสนามด้านนอกโรงอาหารจึงกลายเป็นตลาดขนาดเล็กไปโดยปริยาย

เยียนอวิ๋นเกอเดินรอบตลาด สินค้าที่วางขายมีหลากหลาย

มีขวดโหล กะละมัง ถ้วยชาม เชือกป่านที่เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน เข็มกับด้าย เสื้อผ้าเก่าที่ซักจนซีด ผักป่า ฟืนที่เห็นแบบที่เห็นเป็นประจำ รวมทั้งยังมีขนม…

เรือนพักร่ำรวยไม่จำกัดเกษตรกรที่เดินทางมาตั้งแผงค้าขาย

การก่อตัวของตลาดเติมเต็มสีสันที่แตกต่างให้กับเรือนพัก ดีไม่น้อย

ในมือของผู้อพยพมีเสบียงหรือ

มีแน่นอน!

ผู้อพยพที่ขี้เกียจในฤดูหนาวจนเสบียงใกล้หมดนั้นมีแรงในการทำงานอย่างมากหลังจากฤดูใบไม้ผลิมาถึง

พวกเขาใช้หยาดเหงื่อแลกเสบียงอย่างขยันขันแข็งในทุกวัน

ประหยัดเสบียงทีละเล็กทีละน้อยในแต่ละวัน

เสบียงที่ประหยัดเอาไว้จึงกลายเป็นเงินของพวกเขา

เกษตรกรที่ตั้งแผงค้าขายนั้นยอมรับเสบียงมากกว่าเงินที่แท้จริงเสียอีก

เสบียงคือรากฐานของการใช้ชีวิต

เมื่อเทียบกับการรับเงิน จากนั้นต้องไปถูกเชือดที่ร้านขายเสบียงแล้ว

สู้แลกเปลี่ยนเสบียงในเรือนพักร่ำรวย แล้วแบกกลับบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาความหิวโหยในครอบครัวโดยตรงเสียดีกว่า

เนื่องจากการก่อตัวของตลาด กิจการของร้านขายของชำหนานเป่ยกับร้านผ้าสี่ฤดูไม่เพียงไม่ได้รับผลกระทบ หากแต่ยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอีกด้วย

อาจเป็นเพราะตลาดกระตุ้นความต้องการในการจับจ่ายของผู้อพยพ ผู้อพยพส่วนใหญ่กล้าซื้อสินค้ามากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด