ตอนที่ 116 ทั้งเร็วทั้งดี

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 116 ทั้งเร็วทั้งดี

ตาหวังคนซื่อแบกเชือกป่านสองม้วนและรองเท้าฟางหลายสิบคู่เดินทางมาถึงตลาดในเรือนพักร่ำรวย

เรือนของเขาอยู่ในหุบเขาไกลออกไปห้าสิบลี้

เชือกป่านที่ได้มาจากการเก็บกักมาเป็นเวลานานนี้ เดิมทีเขาเตรียมจะนำไปขายทิ้งในอำเภอเมือง

ได้ยินว่าเรือพักร่ำรวยเปิดตลาด ราคาเป็นธรรม อีกทั้งยังสามารถแลกเสบียงได้ คุ้มค่ากว่าการขายเสบียงในอำเภอเมืองเสียอีก

ตาหวังคนซื่อไม่ใช่คนที่ตัดสินใจรวดเร็ว

ดูจากฉายาของเขาก็พอจะรู้

เขาครุ่นคิดมาแล้วหลายวัน เห็นคนในชุมชนเดียวกันแบกสัตว์ป่าไปแลกเสบียงที่เรือนพักร่ำรวยกลับมาบ้านกับตาของตนเอง เขาถึงได้ตัดสินใจ

เขาออกเดินทางตั้งแต่คืนวันก่อน

หลังจากเดินทางในความมืด ในที่สุดวันที่สองเขาก็เดินทางมาถึงตลาดเรือนพักร่ำรวย

ผู้คนต่างบอกว่าตลาดจะคึกคักที่สุดตอนเย็น หลังจากที่บรรดาผู้ลี้ภัยเลิกงาน

ผู้คนต่างเรียกตลาดนี้ว่าตลาดกลางคืน

ตาหวังคนซื่อมาถึงยังเช้าอยู่ เขารู้สึกโชคดีอย่างมาก ถือว่าไม่พลาดตลาดกลางคืนในวันนี้

บุตรสาวคนโตเดินตามอยู่ข้างกายเขา ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร นางก็จะติดตามมาเพื่อเปิดหูเปิดตา

ตาหวังคนซื่อไม่อาจต้านทานบุตรสาวได้ จึงทำได้เพียงให้นางตามมาด้วย

เมื่อถึงตลาด เขากำชับบุตรสาว “อย่ามองซ้ายมองขวา อย่าเดินมั่ว”

บุตรสาวคนโตของตาหวังคนซื่อมีนามว่าหวังหยวนเหนียง นางมีความอยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งในเรือนพัก

นางมองคนรอบข้างด้วยความระวัง

ทุกคนต่างพูดภาษาถิ่นเดียวกัน เจื้อยแจ้วเสียงดัง…

บางคนมีสีหน้าตื่นเต้นและคาดหวัง บางคนมีสีหน้ากังวล บางคนเฉยชา…

หวังหยวนเหนียงเรียนมาน้อย สิ่งที่รู้ยิ่งน้อย นางใช้สัญชาตญาณในการตัดสิน คนที่มีสีหน้าตื่นเต้นคงไม่ได้ม่เป็นครั้งแรก

คนที่มีสีหน้ากังวลคงจะมาที่นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกับนาง

ทุกสิ่งล้วนไม่อาจคาดเดาได้ ดังนั้นจึงกังวล

ส่วนคนที่สีหน้าเฉยชานั้น บางทีอาจเพราะไม่คาดหวังต่อตลาดกลางคืนในวันนี้

นางถามเสียงเบา “ท่านพ่อ ข้าเห็นมีหลายคนขายเชือกป่านกับรองเท้าฟางเหมือนกับพวกเขา เชือกป่านกับรองเท้าฟางของพวกเราจะขายออกหรือ”

ตาหวังคนซื่อจะรู้ได้อย่างไรว่าสินค้าของตนเองนั้นขายได้หรือไม่

เขานั่งถูหน้าอยู่บนก้อนหิน พูดอย่างไม่มั่นใจ “น่าจะขายได้!”

น้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ ทำให้หัวใจของหวังหยวนเหนียงเย็นวาบ

หากแลกเสบียงกลับไปไม่ได้ ในเรือนจะไม่มีกินแล้ว

นางลูบคลำท้องที่ไม่ได้กินมาแล้วสามมื้อ ดื่มเพียงน้ำเท่านั้น

เวลานี้รู้สึกไม่สบายท้องอย่างมาก

นางมองสินค้าของตนเองด้วยความกังวล ก่อนจะมองดูสินค้าของผู้อื่น

นางเคยฝึกฝนการถักทอกับอาจารย์ท่านหนึ่งในเมืองอยู่หลายวัน

อาจารย์บอกว่านางมีพรสวรรค์

นางไม่เข้าใจนักว่าพรสวรรค์คือสิ่งใด นางรู้เพียงว่า เพียงแค่ต้องการถักทอสิ่งของ นางมักจะทำได้เร็วและดีกว่าผู้อื่น

เชือกป่านในวันนี้มาจากการถูของนางและมารดา มือของนางแทบจะถลอกอยู่แล้ว

เชือกป่านของนางทั้งแน่นทั้งละเอียด

นางให้กำลังใจตนเอง เชือกป่านของนางย่อมต้องขายได้อย่างราบรื่น

รองเท้าฟางนางก็เป็นคนถัก

บิดาของนาง ตาหวังคนซื่อก็ถักรองเท้าฟางได้ อีกทั้งยังถักมานับหลายปี แต่กลับไม่อาจเทียบกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นอย่างนางได้

ในฐานะคนที่มีฝีมือถักรองเท้าฟางดีที่สุดในครอบครัว นางจึงแบกรับหน้าที่ถักรองเท้าฟางนี้มา

หลังจากเร่งมาหลายวัน ทั้งตัดหญ้า ทั้งคัดหญ้า ทั้งตากหญ้า…

ในที่สุดก็ถักรองเท้าฟางสิบกว่าคู่ออกมาทันตลาดในวันนี้

นางอยากไปดูที่แผงขายฝั่งตรงข้ามอย่างมาก

ฝั่งตรงข้ามกำลังใช้ไม้ไผ่ถักทอเป็นตะกร้า นางอยากดูว่าจะฝึกเป็นหรือไม่

อีกทั้งยังมีคนใช้เชือกป่านถักทอ นางสนใจอย่างมาก อีกทั้งอยากฝึกอย่างมาก

แต่ท่านพ่อเตือนนาง ไม่ให้นางเดินไปทั่ว

นางพยายามข่มความวู่วามในใจ แต่ก็อยากจะเคลื่อนไหว

ในขณะที่นางกำลังเตรียมตัวจะเอ่ยปาก คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากระยะไกล ท่าทางไม่ธรรมดา

หานฉีจงในวันนี้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว

เขาสวมชุดผ้านุ่นละเอียดขนาดยาว รองเท้าหุ้มหนัง บนหัวปักปิ่นไม้ที่แกะสลักลวดลายดอกไม้ บริเวณเอวคาดถุงหอม สง่างามอย่างมาก

เครื่องแต่งกายบนตัวเขาในเวลานี้อย่างน้อยก็มีสามก้วน

เขานำบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งมายังตลาด ดูซ้ายดูขวา

บ่าวรับใช้วางโต๊ะเก้าอี้อยู่ริมทาง พลันตะโกน “รับซื้อเชือกป่าน คนที่มีเชือกป่านมาต่อแถวตรงนี้ แลกเสบียงหรือแลกเงินก็ได้”

โฮ่!

กลุ่มคนที่ขายเชือกป่านต่างนำสินค้าของตนเองหลั่งไหลเข้าไป

หวังหยวนเหนียงร้อนใจอย่างมาก “ท่านพ่อ ทางนั้นรับซื้อเชือกป่าน ดูท่าทางจะเป็นคนของเรือนพักร่ำรวย ท่านพ่อ พวกเรารีบไปกัน”

ตาหวังคนซื่อทำหน้าตาซื่อบื้อ “แต่ยังมีรองเท้าฟางต้องขาย…”

“งั้น…งั้นข้าไปต่อแถวขายเชือกป่าน ท่านพ่อเฝ้ารองเท้าฟาง ดีหรือไม่” หวังหยวนเหนียงอาสารับหน้าที่นี้

ตาหวังคนซื่อมองแถวยาว ในใจกังวลเล็กน้อย เขาย่อมยินดีเมื่อบุตรสาวอาสารับหน้าที่นี้

ดังนั้น เขาจึงพูด: “เจ้าไปเถิด! ต่อแถวให้ดี อย่าเกิดการปะทะกับผู้อื่น”

หวังหยวนเหนียงแบกเชือกป่านสองม้วนขึ้นมาอย่างร้อนใจ พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “ท่านพ่อ ท่านวางใจ ข้าไม่ปะทะกับผู้อื่น ข้าขายเชือกป่านแล้วจะรีบกลับมา”

นางวิ่งไปต่ออยู่ท้ายแถวด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่าเชือกป่านของตนเองจะขายไม่ออก ไม่คิดว่าเรือนพักจะรับซื้อเอง

นางสงสัยอย่างมาก เรือนพักรับซื้อเชือกป่านมากมายไปทำอันใด

“ย่อมต้องเอามาเพื่อถักทอกระสอบเชือกป่าน เรือนพักใหญ่เพียงนี้ มีความจำเป็นต้องใช้กระสอบเชือกป่านมากมาย ทางนี้รับซื้อเชือกป่านตลอดปี”

เห็นได้ชัดว่ามีคนมีความสงสัยเหมือนหวังหยวนเหนียง เพียงแต่เขามีความกล้าที่จะถามคนข้างตัวมากกว่าหวังหยวนเหนียง

มีคนถามย่อมมีคนตอบ

“กระสอบเชือกป่านคือสิ่งใดหรือ”

“ไม่เคยเห็นหรือ ไม่เคยเห็นก็ถูกแล้ว ข้าก็ไม่เคยเห็น แต่ก็คงไม่แตกต่างจากถุงผ้ามากนักหรอก!”

“พวกเจ้าดู บนเกวียนนั้นใช่กระสอบเชือกป่านหรือไม่”

เกวียนหลายคันเคลื่อนที่มาอย่างเชื่องช้า บนเกวียนเป็นกระสอบเสบียงมากมาย

กระสอบนั้นถักทอมาจากเชือกป่าน เรียกว่ากระสอบเชือกป่าน

กระสอบเชือกป่านจากเรือนพักร่ำรวยล้วนมีรูปแบบและขนาดที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

หนึ่งกระสอบคือเสบียงหนึ่งร้อยจิน

“ในกระสอบล้วนเป็นเสบียงใช่หรือไม่!”

“เสบียงมากมายเพียงนั้น หากเป็นของข้าทั้งหมดจะดีแค่ไหนกัน!”

หวังหยวนเหนียงจ้องมองรถเกวียนที่เคลื่อนที่เข้ามาอย่างเชื่องช้าเหมือนกับทุกคน

สิ่งที่แตกต่างคือคนอื่นต่างคิดถึงเสบียง แต่นางคิดถึงเรื่อง ข้าจะถักทอกระสอบเชือกป่านได้หรือไม่ เรือนพักร่ำรวยรับซื้อกระสอบเชือกป่านหรือไม่ ลองถามดูดีหรือไม่

แถวเริ่มขยับแล้ว

ด้านหน้าสุดของแถว หานฉีจงนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ เขารับผิดชอบในการคิดคำนวณ จดบัญชี จ่ายเสบียง

งานตรวจดูคุณภาพและชั่งน้ำหนักของเชือกป่านมีบ่าวรับใช้ทำ

คุณภาพของเชือกป่านไม่เท่ากัน ความละเอียดก็ไม่เท่ากัน

หากถักหยาบเกินไป ไม่แน่นมากพอย่อมต้องถูกกดราคา

“ต้นข้าวห้าจิน ข้าวสาลีสามจิน คนต่อไป…”

หานฉีจงจรดปากกาบันทึก กวาดตามมองคนถัดมา เอ๊ะ อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวหรือ

ในที่สุดก็ถึงคราวของหวังหยวนเหนียง นางตื่นเต้นและกังวลอย่างมาก

บ่าวรับใช้กำลังตรวจดูเชือกป่านที่นางนำมา

เชือกป่านนี้มีคุณภาพดีที่สุดในตลาดวันนี้

บ่าวรับใช้พอใจอย่างมาก ชั่งน้ำหนัก…

หานฉีจงจรดพู่กันจดบัญชี ถาม “เอาเสบียงหรือเอาเงิน”

หวังหยวนเหนียงรีบพูด “เอาเสบียง”

หานฉีจงถามอีกครั้ง: “มีต้นข้าวกับข้าวสาลี เจ้าเอาอันใด”

“ต้นข้าวครึ่งหนึ่ง ข้าวสาลีครึ่งหนึ่งได้หรือไม่”

หานฉีจงเงยหน้ามองนาง พยักหน้า จรดพู่กันเขียน พลันตะโกน “ต้นข้าวห้าจิน ข้าวสาลีห้าจิน”

ในเวาเดียวกันก็มอบป้ายไม้หนึ่งให้นาง ด้านบนบันทึกปริมาณเอาไว้ บอกให้นางไปรับเสบียงที่รถเกวียน

แต่หวังหยวนเหนียงไม่ได้จากไปทันที นางกำป้ายไม้แน่น ภายในใจกังวลอย่างมาก

หานฉีจงเห็นนางไม่ไป จึงถาม “มีปัญหาใดหรือ”

“ข้าๆ ข้าแค่อยากถาม พวกท่านต้องการกระสอบเชือกป่านหรือไม่”

“เจ้าอยากถามว่าพวกเรารับคนถักทอกระสอบเชือกป่านหรือไม่อย่างนั้นหรือ ไปลานที่สองในเรือนพัก ทางนั้นกำลังรับคน หากเจ้าคิดว่าตนเองมีฝีมือ สามารถไปลองได้”

“รับ…รับคนหรือ”

“ใช่ รับคน!”

มีคนเร่งเร้าเนื่องจากรอจนหมดความอดทน

หานฉีจงโบกมือให้หวังหยวนเหนียง “มีคำถามใดไปถามทางเรือนพัก ด้านหลังเจ้ายังมีคนรออยู่”

“อ่อ!” หวังหยวนเหนียงรีบเดินจากไป ถือป้ายไม้ไปรับเสบียง

นางแบกเสบียงสิบจินกลับไปหาบิดาตาหวังคนซื่อ

รองเท้าฟางวางอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อน

ตาหวังคนซื่อถามนาง “แลกเสบียงมาได้มากน้อยเพียงใด”

หวังหยวนเหนียงตอบตามความจริง

เมื่อได้ยินว่าได้เสบียงมาสิบจิน บนใบหน้าของตาหวังคนซื่อเผยรอยยิ้มพอใจออกมา

หวังหยวนเหนียงเอ่ยอย่างลังเล “ท่านพ่อ ข้าได้ยินพ่อบ้านบอกว่า เรือนพักกำลังรับคนถักทอกระสอบ ข้าอยากไปลองดู ท่านคิดเห็นอย่างไร”

ตาหวังคนซื่อกลุ้ม!

เขามีความคิดเห็นที่ใดกัน

เขาเกาหัว “เจ้าอยากไปหรือ”

หวังหยวนเหนียงพยักหน้า “ข้าอยากไปลองดู หากสามารถถูกรับเข้าไป ได้ยินว่ามีอาหารและที่อยู่ให้”

เมื่อได้ยินว่ามีอาหารและที่อยู่ให้ ตาหวังคนซื่อก็มีความคิดเห็นทันที “เจ้าไปลองดู อย่ากังวล! แค่เพียงถักทอสิ่งของ ไม่ยากสำหรับเจ้า”

หวังหยวนเหนียงเผยยิ้ม “ขอบคุณท่านพ่อ!”

นางดีใจเหมือนนกน้อยที่มีความสุข พลันโยนทุกอย่างทิ้ง วิ่งไปทางเรือนพักอย่างรวดเร็ว

เวลานี้นางไม่รู้สึกหิวแม้แต่น้อย หากแต่ยังรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

เดิมทีนางหาไม่เจอ สุดท้ายเห็นแถวที่มีคนต่ออยู่จำนวนมาก นางจึงจะหาเจอ

มีทั้งหญิงทั้งชาย ทุกคนต่างมาสมัคร อยากจะหางานที่มีทั้งอาหารและที่อยู่ในเรือนพัก

มีสตรีใหญ่ผู้หนึ่งเดินออกมา “คนที่มีฝีมือถักทอมาหาข้า มาสามสิบคนเข้าไปทดสอบฝีมือในห้องก่อน”

มีคนจำนวนมากยืนออกมา รวมทั้งหวังหยวนเหนียง

ทุกคนต่างเบียดอยู่ข้างตัวสตรีใหญ่

สตรีใหญ่มองจากที่สูงลงมา นางชี้นิ้วนับคน

“เจ้า…เจ้า แล้วก็เจ้า…คนที่ข้าชี้ตามข้ามา”

สตรีใหญ่เลือกสามสิบคนเข้าไปทดสอบฝีมือในห้อง

หวังหยวนเหนียงก็อยู่ภายใน

แต่ละคนล้วนได้เชือกป่านเล็กน้อย

เงื่อนไขง่ายมาก เพียงแค่ถักทอ

ถักทอไม่เป็นไม่สำคัญ มีนางถักเป็นตัวอย่าง ทุกคนแค่ทำตาม

เวลานี้ผู้ใดทำได้ดี ผู้ใดทำได้ไม่ดี…

ผู้ใดคล่องแคล่ว ผู้ใดเชี่ยวชาญสามารถเห็นได้ในแวบแรก ไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน

หากเกิดความผิดพลาดก็เป็นเพราะมือไม่คล่องแคล่วพอ

หวังหยวนเหนียงจ้องมองมือของนางถัก จากนั้นลองถักด้วยตนเอง

อาจารย์บอกว่านางมีพรสวรรค์ด้านการถัก คำพูดนี้ไม่ผิด

ในสามสิบคนนั้น หวังหยวนเหนียงเป็นคนแรกที่ลงมือถัก ทันใดนั้นก็ดึงดูดความสนใจของสตรีใหญ่

สตรีใหญ่เดินเข้าใกล้ เอ๊ะ เด็กคนนี้มือไว อีกทั้งยังถักได้ไม่เลว อบรมสองสามวันก็สามารถทำงานได้

ไม่เลว…ไม่เลว!

หวังหยวนเหนียงไม่รู้ว่าตนเองผ่านการทดสอบแล้ว

นางยังคงใจจดใจจ่ออยู่กับการถักทอ คิดแต่เพียงว่าต้องถัดให้ดีและเร็วกว่าผู้อื่นจึงจะสามารถถูกตาต้องใจเรือนพัก