ตอนที่ 107 พี่ใหญ่มาแล้ว

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

หลังตัดสินใจซื้อเมืองฝานฮัวและสร้างจวนพักตากอากาศพร้อมกับปรับปรุงสถานที่สาธารณะในเมืองแล้ว หิมะแรกปีนี้ก็เริ่มโปรยปรายลงมา

ทั้งวันพระชายาเอาแต่ขลุกอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวในห้องปีกตะวันออกที่มีกระถางไฟให้ความร้อนอยู่ตลอดเวลา หยอกหลานชายหลานสาวเล่นทั้งวัน ชีวิตผ่านไปอย่างมีความสุข

พอท่านอ๋องจิ้งมีเวลาก็จะลากหลินซือเย่าไปห้องหนังสือเล่นหมากรุกเพื่อกระชับสัมพันธ์พ่อตาลูกเขยเฟิงไฉ่อวิ้นบอกว่าหากต้องการได้รับการเหลียวแลจากลูกสาว เริ่มต้นก็ต้องพิชิตใจลูกเขยราวภูผาผู้นี้ก่อน

แม้ว่าภายนอกเหลียงเสวียนจิ้งจะแค่นเสียงขึ้นจมูกใส่เฟิงไฉ่อวิ้น แต่เขาก็แอบเตรียมการนี้อย่างกระตือรือร้น

ถูกต้อง ก่อนงานเลี้ยงครบเดือนหนึ่งวัน เหลียงเอินไจ่จะนำรถม้าสิบหกคันใหญ่พร้อมองครักษ์แปดนายและคนงานชายมาถึงเมืองฝานฮัวอย่างไม่ให้เอิกเกริกที่สุด เหลียงเสวียนจิ้งพ่ายแพ้ให้หลินซือเย่าไปเป็นหมากตาที่สามสิบหกแล้ว

“ลูกเขยคนดี…” เหลียงเสวียนจิ้งอยากพูดแต่ก็พูดไม่ออก ตบบ่าหลินซือเย่า แอบถอนหายใจกับลูกเขยที่ไม่รู้จักเอาใจพ่อตา

เขาเป็นดัง ‘เขาไท่ซาน’ แสนยิ่งใหญ่นะ ถึงกับเล่นหมากไม่ไว้หน้าสักนิด ที่ควรกินก็กินเรียบ ที่ควรล้อมก็ล้อมมิด หากไม่ใช่ว่าถือโอกาสที่เขาดื่มน้ำชา ท่านอ๋องผู้เฒ่าจวนอ๋องจิ้งอย่างเขาแอบเล่นกลสองสามครั้งแล้ว คงได้แพ้ยับเยินยิ่งกว่านี้แน่

“ท่านพ่อตามีอะไรชี้แนะ?” หลินซือเย่าถามอย่างนอบน้อม หน้าตาจริงจังเหมือนเผชิญหน้ากับเจ้านายที่เขาจงรักภักดี ไม่ใช่พ่อตาที่เป็นดังครอบครัวเดียวกัน

ชี้แนะ? เขายังกล้าชี้แนะอะไรอีก ให้ลูกเขยรู้จักประจบเขา ยอมเขาสักสองสามตาหรืออย่างไร

ไม่ นิสัยเขา ‘เหลียงเสวียนจิ้ง’ แม้ขึ้นชื่อว่าแย่ แต่ในใจก็กระจ่างมาก ลูกเขยดีต่อลูกสาว เขากับเฟิงไฉ่อวิ้นเห็นด้วยตาตนเอง ไม่ต้องการให้เอาใจเขาเป็นพิเศษอะไร

เพียงแต่จะว่าไป แม้เป็นเช่นนี้ก็อย่าได้ต้อนเขาจนมุมเช่นนี้ไหม สามวันติดๆ กัน แพ้ไปรวมสามสิบหกกระดาน เขาแพ้ย่อยยับหมดรูปเลยทีเดียว

“นายท่าน ท่านเขย ท่านอ๋องมาถึงแล้ว เข้ามาถึงลานบ้านแล้ว” เหลียงเฉวียนบ่าวชายด้านนอกรายงานดังเข้ามาในห้องน้ำเสียงดีใจ

“อา ฮา ฮา เอินไจ่มาถึงแล้ว? มา มา มา ลูกเขยข้า แนะนำให้เจ้ารู้จักพี่ชายคนโตภรรยาเจ้า สำหรับเรื่องหมากนั่นก็ลืมๆ ไปเถอะนะ?” พอเหลียงเสวียนจิ้งได้ยินเสียงรายงานบ่าวชาย ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้มีพนักเท้าแขน ก้าวออกไปเร็วยิ่งกว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก พลางลากหลินซือเย่าออกจากห้องหนังสือให้ไปลานด้านหน้าด้วยกันอีกด้วย พลางแอบเตะเหลียงเฉวียนที่อารักขาอยู่หน้าห้อง “เร็ว รีบไปเก็บกวาดห้องหนังสือให้สะอาด อย่ามัวแอบขี้เกียจ”

วาจาแฝงความนัยก็คือให้เก็บกวาดกระดานหมากให้เรียบร้อย อย่าให้เหลียงเอินไจ่จับได้แล้วถือโอกาสหัวเราะเยาะเขา

“รับทราบ นายท่าน!” เหลียงเฉวียนจะถอยกลับเข้าไปในห้อง ตอนถูกเหลียงเสวียนจิ้งเตะรอบสองก็รีบผลุบเข้าห้องหนังสือไปทันที

เจ้าบ้านี่! เหลียงเสวียนจิ้งแอบสบถด่าในใจ แต่ต้องแสดงความใจกว้างต่อหน้าลูกเขยสักหน่อย วาจาสบถด่าหยาบคายถูกกลืนลงท้องไปทันที

หลินซือเย่าเหลือบตามองนึกขำ พอเหลียงเสวียนจิ้งก้าวลงบันได เขาก็ก้าวตามไปลานด้านหน้าเช่นกัน

เพราะเขามองออกแล้วว่าท่านพ่อตาที่ดูเหมือนอารมณ์ร้อนแต่ความจริงเป็นคนน่าสนุกมาก จึงได้ปล่อยให้เขาลากตนมาเล่นหมาก ปล่อยให้เขาแอบขี้โกง ปล่อยให้เขาแตะต้องแขนตนได้…

ความรู้สึกอบอุ่นที่นอกเหนือจากสามีภรรยาแล้วก็คือเช่นนี้หรือ เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัส คิดว่านี่ก็คือที่เรียกว่าสายสัมพันธ์ครอบครัวกระมัง

“ลูกเขย? ดอกไม้นั่นมีอะไรสวย ไม่สวยเหมือนพี่ภรรยาหรอก” เหลียงเสวียนจิ้งยากจะเห็นหลินซือเย่าอึ้งไป ก็ส่งเสียงกระแอมในลำคอ

ดอกไม้? หลินซือเย่าได้สติ ก็พบว่าสายตาตนเองจับจ้องแต่ดอกเหมยก้านหนึ่งไม่วางตา

แต่ว่าไม่สวยเหมือนพี่ภรรยา วาจานี่คืออะไรกัน

“ท่านพ่อ ท่านหยอกล้อลูกเล่นแล้ว” เสียงกระจ่างราวน้ำพุใสดังขึ้นมาทางด้านหน้า

หลินซือเย่าเงยหน้ามองไป

สวย…จริง เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับพ่อตา

เพราะว่านอกจากคำนี้ ก็ไม่อาจสรรหาคำสวยงามมาบรรยายความงามชายตรงหน้าได้อีกแล้ว

ใบหน้าราวดอกเหมย ดวงตาระยิบราวดวงดาว ท่าทางกิริยาก็สูงส่งสง่างาม ชายที่งดงามหาที่เปรียบไม่ได้เช่นนี้ถึงกับเป็นท่านอ๋องแห่งจวนอ๋องจิ้งคนปัจจุบัน ได้ยินมาว่าจัดการการงานได้เด็ดขาดไม่แพ้ท่านอ๋องผู้เฒ่าแม้แต่น้อย

จริงด้วยที่ว่าคนเราไม่อาจดูจากภายนอก!

แต่ไรมาหลินซือเย่ามักจะแค่มองกวาดด้วยสายตาเย็นชา ยากจะมีแววตาสนใจเช่นนี้

“ผู้นี้คิดว่าก็คือน้องเขยข้ากระมัง” เหลียงเอินไจ่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ใช่” หลินซือเย่าพยักหน้า “เชิญด้านใน”

“หากจำไม่ผิด หลายปีก่อนข้าเหมือนเคยพบเจ้า” เหลียงเอินไจ่เดินเคียงมากับหลินซือเย่า พลางกล่าวขึ้นเบาๆ ที่ทำให้เขาต้องตัวแข็งทื่อ พบหน้ากันไม่เรียกพี่สักคำ ควรจัดการ

“คิดว่าจำผิดคนแล้ว ข้าก็แค่ชาวนาธรรมดา” หลินซือเย่าตอบน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหันกายเดินไปทางห้องโถง

“อาจจะ” เหลียงเอินไจ่พยักหน้า “ชาวนาดี สงบ และปลอดภัย”

“ถูกต้อง” หลินซือเย่ารับคำหนักแน่น

“นี่ๆๆ พวกเจ้าสองคน คุยรหัสลับอะไรกันน่ะ เอินไจ่ เจ้าเด็กบ้านี่วางท่าอะไรของเจ้า เขาเป็นน้องเขยเจ้า ไม่ใช่คนนอก อีกเรื่อง ลูกเขยเอ๊ย ให้อภัยเอินไจ่อายุยังน้อยไม่รู้ความ วาจาเหลวไหล เจ้าไม่ต้องไปเรียกเขาว่าพี่ เรียกชื่อเลยก็พอ” เหลียงเสวียนจิ้งตามอยู่หลังเขาสองคน ฟังอยู่นานก็พอจับใจความได้ จึงเตะเหลียงเอินไจ่ไปทีหนึ่ง ส่งเสียงดุเขา

“ท่านพ่อ อย่างไรข้าก็เร่งเดินทางรอนแรมมาทั้งวันทั้งคืนนะ ท่านไม่ไว้หน้าข้าบ้างหรือ” เหลียงเอินไจ่มองแผ่นหลังเหลียงเสวียนจิ้งที่กำลังดุร้ายใส่เขาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับบิดาดี หน้ากากปลดออก เขาก็แค่เด็กน้อยรูปงามอายุก็แค่สิบเจ็ดเท่านั้น

“เช่นนั้นยังไม่รีบไสหัวกลับไปพักผ่อนในห้องของเจ้าอีก มาตามตอแยอาเย่าทำไม” เหลียงเสวียนจิ้งแสร้งทำโมโหตำหนิ

“ข้าอยากเยี่ยมน้องสาวไม่ได้หรือ อีกเรื่องนะ ท่านพ่อไม่พูดไม่จาสักคำก็พาท่านแม่หนีออกมา บรรดาภรรยาท่านที่เหลือในจวนโวยวายกันใหญ่แล้ว” เหลียงเอินไจ่แสร้งทำน้อยเนื้อต่ำใจกล่าว วาจาแฝงความหมายว่าเขาได้เก็บกวาดกองเละเทะที่ท่านพ่อก่อเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว กล่าวจบก็ยังไม่ลืมส่งสายตาคู่งามแสนทรงเสน่ห์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของเขาไปยังบิดาที่ไม่รับผิดชอบ

“กล่าวได้ดี เอินไจ่ มานี่ อย่าไปสนใจตาแก่ที่รู้จักแต่ทิ้งความเละเทะแล้วยังไม่รู้จะเก็บกวาดอย่างไรคนนี้เลย” เฟิงไฉ่อวิ้นได้ยินเสียงก็เดินออกจากห้องปีกตะวันออกมานานแล้ว มายืนอยู่หน้าประตูโถง ได้ยินเสียงพ่อลูกที่ไม่พบหน้ากันก็คิดถึง พอพบหน้ากันก็โต้ฝีปากกัน ยิ้มกวักมือเรียกเหลียงเอินไจ่ พร้อมกับไม่ลืมหันไปทางหลินซือเย่า เรียกน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อาเย่า เจ้าก็เข้ามาด้วยกัน”

ทิ้งเหลียงเสวียนจิ้งโมโหกระทืบเท้าอยู่คนเดียว กบฏแล้วๆ บ้านนี้เดิมเขาใหญ่สุด แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนร่วมมือกันรังแกเขาคนเดียว ก็ได้ เขาไปหาลูกสาวมาให้ความเป็นธรรม ฮือ ฮือ ฮือ ลูกสาวข้าคงไม่ทำกับข้าแบบนี้

อย่างไรลูกสาวก็ดีกว่า! มีลูกชายมีประโยชน์อะไร! เอ๋ เจ้าบ้าเหลียงเอินไจ่นี่ เดิมก็ไม่ใช่ลูกเขานี่ จะโทษก็ต้องโทษพี่ใหญ่เขานั่น ทำไมจึงได้มีลูกชายราวกับปีศาจจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้ได้!

……

“ซวี่เอ๋อร์สีหน้าไม่เลว” เหลียงเอินไจ่เข้ามายังห้องปีกตะวันออกก็ลอบสังเกตน้องสาวที่หน้าตาเหมือนแม่ใหญ่ตรงหน้าพลางอมยิ้มกล่าว พร้อมกับไม่สนใจสายตาคุกรุ่นของหลินซือเย่าที่สาดมา เอื้อมมือออกไปลูบหัวซูสุ่ยเลี่ยน

“พี่ใหญ่…” ซูสุ่ยเลี่ยนเรียกเบาๆ เอ่อ ให้นางเรียกพี่ใหญ่ทั้งที่อายุแค่สิบเจ็ด ก็รู้สึกอึดอัดแทบเรียกไม่ออก เหลียงเอินไจ่เหมือนตีสนิทได้ดี ไม่ได้รู้สึกว่านางกับเขามีความห่างเหินกันแม้แต่น้อย ยังยิ้มลูบผมนาง

“ท่านพ่อส่งจดหมายมาว่าเจ้าหนูสองคนนี้ชื่อหลินเซียวกับหลินหลง?” แปดส่วนเป็นท่านพ่อตั้งแน่ ยังจงใจโอ้อวดถึงความสามารถด้านอักษรของเขามาในจดหมายด้วย เหลียงเอินไจ่เดินไปหน้าเตียงเล็ก ก้มหน้าลงมองทารกแฝดที่กำลังหลับฝันดี ลูบแก้มอ่อนนุ่มของพวกเขาอย่างนึกเอ็นดู ที่แท้ผิวพรรณเด็กทารกแรกคลอดอ่อนนุ่มเพียงนี้

“อืม” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย นั่งพิงหัวเตียงให้อาเย่าเกล้าผมให้นางอย่างคล่องแคล่ว

เหลียงเอินไจ่ย่อมเห็นภาพนี้ ในใจก็แอบขำ น้องเขยเขานี่ใจแคบเกินไปแล้ว พี่ชายลูบหัวน้องสาวยังมาหึงหวงเขาอีก ไม่เพียงเท่านี้ ยังปลดมวยผมออกเกล้าใหม่ต่อหน้าเขาอีกด้วย ไม่กลัวเขาชักสีหน้าไม่พอใจด้วย แต่ทว่า เขาจะชักสีหน้าหรือไม่ พอใจหรือไม่พอใจ เหมือนไม่เกี่ยวอันใดกัน เพราะว่าอีกฝ่ายคือหลินซือเย่าที่แสดงท่าทีว่าไม่ชอบขี้หน้าเขา จุ๊ๆ ผู้ชายใจแคบ แต่ทำไมเขาลูบแก้มสองทารกนี่ เขากลับไม่ได้มองอย่างโมโหเหมือนก่อนหน้านี้นะ ฮา ฮา…

“ได้ยินท่านพ่อว่า พวกเจ้าไม่คิดกลับเมืองหลวง? ตัดสินใจอยู่ต่อที่นี่? ไม่รู้สึกอึดอัดคับข้องหรือ” เงียบไปพักหนึ่ง เหลียงเอินไจ่ก็จงใจกล่าวทำลายความเงียบในห้องขึ้น

“ย่อมไม่ ข้าชอบชีวิตที่นี่” ซูสุ่ยเลี่ยนส่ายหน้า ไม่รู้ตอบคำถามนี้ครั้งที่เท่าไรแล้ว เฟิงไฉ่อวิ้นคนหนึ่ง เหลียงเสวียนจิ้งก็อีกคนหนึ่ง ตอนนี้มาเหลียงเอินไจ่อีกคน นางแอบถอนใจอย่างเสียไม่ได้ หรือว่าหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลท่ามกลางธรรมชาติเงียบสงบงดงามนี้ไม่ควรค่าให้พวกเขาพักชมหรือ

“ในเมื่อชอบก็ดี ปรับปรุงสักปีหนึ่งก็คงจะพอเข้าอยู่ได้” คำพูดเหลียงเอินไจ่ทำให้ซูสุ่ยเลี่ยนแทบอยากจะร้องไห้ อะไรเรียกว่าปรับปรุงสักหน่อยก็พอเข้าอยู่ได้? หรือว่าที่ที่พวกนางอยู่กันตอนนี้ไม่ใช่ที่คนอยู่

“แค่ก…พี่ใหญ่ไม่ได้หมายความเช่นนี้” เหลียงเอินไจ่รับรู้ได้ถึงความกระอักกระอ่วนในวาจาที่กล่าวออกไป แสร้งกระแอมไอเบาๆ แสดงการขอโทษ

“พี่ใหญ่ จริงๆ พวกท่านไม่ต้องปรับปรุงอะไรเลย ข้ากับอาเย่าตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว หากท่านแม่กับท่านพ่ออยากมาอยู่ที่นี่ชั่วครั้งคราว ก็ซื้อที่สร้างบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อทั้งเมืองฝานฮัว” นางคิดจะพูดนานแล้ว แต่พอเหลียงเสวียนจิ้งได้ยินนางปฏิเสธ ก็แสร้งทำเสียใจมองนาง เหมือนนางไม่ต้อนรับพวกเขาให้มาที่นี่ และทุกครั้งเฟิงไฉ่อวิ้นก็จะใช้คำว่า ‘บิดาเจ้าดีใจ’ มารับมือนาง

“ซวี่เอ๋อร์ไม่อยากให้พี่ใหญ่มาพักเป็นเพื่อนเจ้าชั่วครั้งชั่วคราวหรือ” เหลียงเอินไจ่ได้ยินก็แสร้งทำตัดพ้อนาง

หน้าตาแบบนี้ตามคาด ซูสุ่ยเลี่ยนแอบถอนหายใจ

“พี่ใหญ่…ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

“อย่างไรซื้อทั้งเมืองฝานฮัวกับซื้อที่ไม่กี่หมู่สร้างบ้านก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร ล้วนคุ้มค่าเงินทองมาก” เหลียงเอินไจ่โบกมือบอกให้นางอย่าได้คิดมาก เงินเล็กน้อยแค่นี้ เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาสักนิด

อย่าว่าแต่รากฐานสมบัติเดิมของจวนอ๋องจิ้งที่แน่นหนาเลย เขายังมีที่มาของรายได้อีกก้อนของตนเอง แน่นอนเรื่องนี้ทุกคนในจวนอ๋องจิ้งไม่รู้ เขาก็ขี้เกียจจะบอก

ซูสุ่ยเลี่ยนสบตากับหลินซือเย่าอย่างไม่รู้ทำเช่นไรได้ เฮ้อ พวกเขายังคงตัดสินใจที่จะปรับปรุงทั้งเมืองฝานฮัว ก็ไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าไร

ตั้งแต่นางมาอยู่เมืองฝานฮัว ก็สร้างบ้านอยู่เรื่อย…