ตอนที่ 108 งานเลี้ยงครบเดือน

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

วันที่หกเดือนสิบสองเป็นวันครบเดือนของทารกแฝด

สวรรค์เป็นใจ ตั้งแต่เมื่อวานมาก็ไม่มีหิมะตกอีก มีแต่แสงแดดงดงาม สองวันนี้หิมะบนถนนในหมู่บ้านและถนนหลวงละลายไปหมดแล้ว

รถม้าจอดอยู่ที่โรงเตี๊ยมสิงไหล ตอนนี้จัดรถม้าไว้แล้วสิบแปดคัน เรียงแถวหน้ากระดานอยู่ปากทางหมู่บ้านเมืองฝานฮัว พอได้เวลาก็รับชาวบ้านเมืองฝานฮัวทั้งหมด ขบวนยิ่งใหญ่เคลื่อนไปยังร้านอู่ชิ่นไจที่อาหารรสเลิศที่สุดในเมืองฝานลั่วกันอย่างครึกโครม รถม้าแปดคันใหญ่โตหรูหราตอนนี้มีครอบครัวอ๋องจิ้งห้าคนและทารกอีกสองรวมเจ็ดคน ยังมีหลงซีเยว่กับชุนหลันและตงเหมย สองสาวใช้ดูแลทารกแฝด รถม้าหรูหราแสนสบาย บรรจุคนได้มากมายเช่นนี้แล้วก็ยังคงกว้างขวางโอ่โถง

“โอย อาซ้อฮัวก็มา? ไม่ใช่ว่าต้องจัดงานเลี้ยงครบเดือนอีกวัน?” นางเถียนตามนางเหลาขึ้นรถม้า หางตามองเป็นครอบครัวฮัวแสนหน้าหนาเจ็ดคน

“พูดอย่างไรดีนะ! ใช่ ด้วยวาสนาบารมีท่านอ๋องกับพระชายา พวกเราก็ขอไปเปิดหูเปิดตาที่อู่ชิ่นไจบ้างอย่างไร” นางฮัวฉีกยิ้มเต็มที่ ล้อเล่นน่า บ้านหลินเชิญชาวบ้านทั้งหมู่บ้านมากินเลี้ยงฉลองครบเดือนกันที่อู่ชิ่นไจ นางฮัวแม้คิดจะจัดงานครบเดือนสามวันก็ไม่มีคนร่วมดื่มฉลองแน่ จะว่าไป ผู้ใหญ่บ้านก็ประกาศแล้ว ตอนนี้เมืองฝานฮัวเป็นที่ดินของจวนอ๋องจิ้งแล้ว ท่านอ๋องจิ้งกับพระชายาเห็นใจชาวบ้าน ยืนยันจะให้พวกเขามาร่วมงานเลี้ยงครบเดือน กินเลี้ยงให้เต็มที่ ณ ร้านอู่ชิ่นไจที่แพงที่สุดและอร่อยที่สุดในเมืองฝานลั่ว

“ก็ใช่ ผ่านวันนี้ไป พวกเจ้าก็ไม่ใช่ชาวเมืองฝานฮัวแล้ว ถือเป็นการเลี้ยงอำลาแล้วกัน” นางเถียนมองนางฮัวอย่างไม่พอใจ ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้าไปพลางกระชากม่านหน้าต่างรถม้าปิดใส่หน้านางฮัว

“ชิชะ! ท่าทางอะไรของเจ้า! ไม่ได้กินของบ้านเถียนเจ้าสักหน่อย” นางตระกูลฮัวส่งเสียงกระแทกใส่ม่านรถม้าก่อนจะบิดบั้นท้ายหันไปรถม้าอีกคัน พาครอบครัวนางไปนั่งกับอีกครอบครัวแทน

“เฮ้อ เจ้ายังจะมีเรื่องอะไรกับนางอีก ผู้ใหญ่บ้านบอกแล้วไม่ใช่หรือ ครั้งนี้จวนอ๋องจิ้งถือโอกาสฉลองครบเดือนของสองทารกเลี้ยงแขก ไม่ว่าใคร ขอเพียงต้องการจะไปก็ล้วนไปได้หมด” นางเหลาหัวเราะขำนางเถียนที่ฮึดฮัด ต้องกล่าวก่อนว่าบ้านที่บ้านฮัวในเมืองฝานฮัวมีเรื่องด้วยเยอะที่สุด สะสมความโกรธแค้นไว้มากที่สุด ไม่มีบ้านไหนเกินบ้านเถียนแล้ว

“ข้ามองหน้าตานางแล้วขัดตา ก่อนหน้านี้ยังจงใจบีบให้พวกนังหนูสุ่ยให้จัดงานเลี้ยงไม่ได้ บอกว่าจะจัดสามวันต่อเนื่อง ถุย วันเดียวก็ปิดฉากแล้ว” นางเถียนสีหน้าไม่พอใจ นางดูการกระทำพูดอย่างทำอย่างของนางฮัวแล้วขัดตาที่สุด แต่ทว่าว่ากันว่าพรุ่งนี้พวกเขาก็จะย้ายออกไปแล้ว รีบไสหัวไปเร็วหน่อยก็ดี จะได้ไม่ต้องขวางหูขวางตา

“เอาน่า วันนี้อย่างไรก็เป็นวันดี อย่าให้นังหนูต้องมาขุ่นข้องไปด้วย ก็คิดเสียว่าคนมายิ่งมาก เด็กสองคนก็ยิ่งมีวาสนาบารมียิ่งมากละกันน่า!” นางเหลาปลอบอย่างอดทน ก่อนจะดึงนางมานั่งข้างตนเอง พลางคว้าเอาถั่วเหอเถา[1] บนโต๊ะมายัดใส่มือนางเถียน

ตนเองก็คว้าเม็ดแตงมากำหนึ่ง แทะไปคุยสัพเพเหระกันไป

จะว่าไปรถม้าจวนอ๋องก็ไม่เหมือนใคร ภายนอกดูแล้วก็เป็นรถม้าธรรมดา แต่การตกแต่งด้านในล้วนสบายเสียยิ่งกว่าตั่งอุ่นในบ้านเสียอีก ในรถม้ามีม้านั่งสามแถวพิงสามด้านบุเบาะนุ่ม ตรงกลางมีโต๊ะเล็กพร้อมลิ้นชัก วางจานเล็กๆ สี่ใบใส่ขนมไว้ มีทั้งเม็ดแตง เหอเถา ขนมโก๋ และพุทราแดง พร้อมกับกาน้ำชา แก้วทั้งหมดสิบสองใบ ในลิ้นชักยังมีหมากและไพ่กระดาษไว้เล่นแก้เหงา จุ๊ๆ ทำเอาสองนางที่เมื่อครู่ยังเดือดปุดอยู่ตอนนี้ถึงกับอ้าปากค้าง

“ใช่แล้ว ต้าเป่าล่ะ ไม่ใช่ว่ากลับมาวันนี้?” นางเหลาถามอย่างสงสัย

รถม้าคันนี้ก็มีแค่พวกเขาสองครอบครัว ตระกูลเหลามารวมตัวกันครั้งใหญ่ นอกจากสี่ชุ่ยที่แต่งออกไปไม่ได้กลับมา ลูกชายกับสะใภ้อีกสองคู่ล้วนมากันครบ สะใภ้รองเพิ่งแต่งมาใหม่ สีหน้าเอียงอายวาจาน้อย ส่วนสะใภ้คนโตขอเพียงป้าเหลาอยู่ก็จะเงียบไม่พูดจา ผู้ชายที่เหลือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ย่อมเดินหมากรุกของตนไป แทบจะไร้วาจา

ดังนั้นป้าเหลาย่อมคิดถึงเถียนต้าเป่าที่ซุกซนสนุกสนานของบ้านเถียนขึ้นมา หลายเดือนก่อนเขาออกไปทำงานนอกพื้นที่ ได้รับการสนับสนุนจากหลินซือเย่าไปเปิดร้านค้าไม้ที่เมืองข้างๆ ว่ากันว่ากิจการดีมาก นั่นอย่างไร พอพูดถึงต้าเป่า นางเถียนก็มีแต่รอยยิ้มเต็มใบหน้า

“มา ทำไมจะไม่มา อย่างไรก็เป็นศิษย์พี่นะ” นางเถียนหัวเราะดังเปิดเผย “นังหนูสุ่ยบอกว่า ต้าเป่าดีขึ้นมากแล้ว” นางหมายถึงสติปัญญาต้าเป่า แต่ไรมานี่คือเรื่องใหญ่ในใจของบ้านเถียน ต้าเป่ายิ่งโต พวกเขาก็ยิ่งร้อนใจ

แต่ตั้งแต่ได้เป็นศิษย์หลินซือเย่า สติปัญญาต้าเป่าก็ค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ต่างกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ตอนนี้แม้ไม่ได้เห็นด้วยตา แต่ฟังจากนังหนูเล่าว่าร้านค้าไม้จัดการได้อย่างดี เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว อย่างน้อยก็เกินความคาดหวังของนางกับต้าฟู่มากแล้ว

ลูกสาวแต่งได้ลูกเขยดี ลูกชายก็มีสติปัญญาคืนมา ขยันหมั่นเพียรทำงาน เป็นพ่อเป็นแม่ ยังมีอันใดไม่พอใจอีกหรือ?!

……

เถียนต้าเป่าอยู่ในขบวนรถม้าใหญ่ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ก็ถึงอู่ชิ่นไจแล้ว

พอแจ้งชื่อตนเองออกไป ก็รอให้เสี่ยวเอ้อร์ขีดวงรายชื่อในสมุดรายชื่อเสร็จแล้วค่อยไปยังพาเข้าไปยังที่นั่งชั้นสองที่เหมาะกับการชมบรรยากาศด้านนอกที่สุด มองเห็นถนนสายหลักเมืองฝานฮัวได้กว้างไกล

มุมปากก็แย้มยิ้มอย่างเบิกบาน

ปีใหม่นี้เขาก็อายุสิบสี่แล้ว เป็นวัยที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเด็กหนุ่มกับผู้ใหญ่ โชคดีมากที่เขาได้เข้าสู่กระบวนการเป็นผู้ใหญ่ได้ สติปัญญาฟื้นคืนดังเดิมอย่างราบรื่น

แน่นอนเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องในสองเดือนที่ผ่านมานี้ หลังได้พบกับซือถูอวิ๋นหลายครั้ง แอบพอรู้มาคร่าวๆ ว่าครอบครัวเขาต้องการปกป้องจิตใจเขา แต่ไรมาไม่เคยบอกเขาว่าหลายเดือนก่อนเขายังได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองอยู่

กล่าวว่ากระทบกระเทือนทางสมองฟังดูน่าฟังหน่อย แต่หากกล่าวไม่น่าฟังก็คือเป็นบ้า เป็นปัญญาอ่อน…ก็เหมือนชุนปัวที่บ้านท่านอาเหวิน เขาแอบถอนหายใจเบาๆ เขาเคยรังแกชุนปัวที่ปัญญาอ่อนนั่นอย่างชั่วร้ายไม่น้อย พอสติปัญญาคืนกลับมาก็ไม่ได้หมายความว่าความทรงจำจะจางหายไป

ไม่อาจปฏิเสธว่าบิดามารดาและพี่สาวเขา เอาแต่ปกป้องเขาอย่างดี อาจารย์กับอาจารย์หญิงเขาก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนปกติทั่วไป ดังนั้นเขาจึงไม่เคยได้รับความกระทบกระเทือนใจในเมืองฝานฮัว เขาโชคดีกว่าชุนปัวที่เกิดมาก็ปัญญาอ่อนร้อยเท่า

“มาแต่เช้าอย่างนี้ทำไม” ซือถูอวิ๋นอมยิ้ม ส่งเสียงขึ้นทักด้านหลังเขา

“เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ” เถียนต้าเป่าค้อนใส่เขาทีหนึ่ง เขาโตกว่าซือถูอวิ๋นหนึ่งปี แต่กลับถูกซือถูอวิ๋นทำตัวเหมือนเขาเป็นน้องชาย เมื่อก่อนสติปัญญายังไม่กลับคืนมาก็แล้วไป แต่ตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดราวกับเจอผียามที่หนุ่มอายุน้อยกว่ามาทำกับเขาราวกับเขาเป็นน้องชายทั้งๆ ที่อายุน้อยกว่าเขาชัดๆ

“เฮ้อ ตอนนี้เจ้าก็ยังน่ารักจริงๆ” ซือถูอวิ๋นส่ายหน้าพิงโต๊ะ มองไปยังขบวนรถม้าไกลๆ ที่เริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้ จงใจถอนหายใจ

“น้อยๆ หน่อย! ข้าไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าก็นับว่าไว้หน้าเจ้าแล้ว” เถียนต้าเป่าตอกกลับอย่างไม่ได้คิดเอาเรื่องจริงจังอะไร “ไปกันเถอะ ไปอุ้มศิษย์น้องทั้งสองเป็นคนแรกดีกว่า” เถียนต้าเป่าหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง ร้านค้าไม้กว่างจิ้นไฉที่เขาเปิดมาถึงตอนนี้ พร้อมกับแอบกำกับดูแลหอกว่างชื่อโหลวอีกงาน ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพัก อาจารย์หญิงคลอดศิษย์น้องทั้งสอง เขาก็ไม่ได้มีเวลามาเยี่ยมที่เมืองฝานฮัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกลับบ้านไปเยี่ยมบิดามารดา ดังนั้นงานเลี้ยงครบเดือนวันนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจัดหาเวลาว่างมาให้ได้

……

“วันนี้เป็นวันดีครบรอบหนึ่งเดือนของหลานชายและหลานสาวของข้า ข้าขอดื่มคารวะทุกท่านหนึ่งจอก”

บรรดาแขกที่มาอวยพรเข้านั่งประจำที่ทั้งยี่สิบสองโต๊ะ งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เหลียงเสวียนจิ้งนำดื่มสุราอวยพร

“มา ทุกท่านกินกันตามสบาย วันนี้นะ พวกเราไม่เมาไม่เลิกรา” เฟิงไฉ่อวิ้นลุกขึ้นกล่าวเสียงดัง เชื้อเชิญชาวบ้านทุกคนในเมืองฝานฮัว รวมทั้งพี่น้องสหายสนิทของบ้านซูและบ้านหลิน

“ท่านแม่” ซูสุ่ยเลี่ยนแทบอยากจะร้องไห้ นายหญิงจวนอ๋องจิ้งถึงกับทำตัวเหมือนจอมยุทธหญิงในยุทธภพมากเกินไปแล้วกระมัง

“วันนี้พิเศษอย่างไร ดีใจมากๆ” เฟิงไฉ่อวิ้นตบมือลูกสาวปลอบใจ ลูกสาวคนนี้นี่นะ ไม่รู้นิสัยเหมือนผู้ใด เรียบร้อยยิ่งกว่านางที่เป็นพระชายามาสิบกว่าปีหลายเท่า

“ใช่ น้องซิ่วเอ๋อร์ วันนี้ไม่มีท่านอ๋องหรือพระชายา มีแต่ตา ยาย และน้าของหลินเซียวกับหลินหลง” เหลียงเอินไจ่เองก็อมยิ้มกล่าวกับซูสุ่ยเลี่ยน เมืองฝานลั่วห่างจากเมืองหลวงนับพันลี้ แม้พวกเขาดื่มกันสะใจ ดื่มกันจนลงคลานกับพื้น ดื่มกันเละเทะ ก็ย่อมไปไม่ถึงพระเนตรพระกรรณฮ่องเต้ แม้ว่าฮ่องเต้ทรงทราบ ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ที่สุดแผ่นดินต้าหุ้ยที่ชอบร่ำสุราเช่นกัน ก็คงได้แต่บ่นว่าท่านพ่อไม่พามาด้วย

ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นเหลียงเอินไจ่กล่าวเช่นนี้ก็คลายกังวลลง หันไปสบตายิ้มกับหลินซือเย่าแล้วก็หันไปชนจอกกับบรรดาญาติสนิทมิตรสหายที่มาร่วมดื่มอวยพร

งานเลี้ยงครบเดือนมีคนมาร่วมร้อยคน ดื่มกันจนทุกคนหน้าแดงก่ำ

พอถึงปลายยามเว่ย ดื่มกันทุกคนเมากรึ่มไปหมด จึงได้แยกย้ายกันกลับ

งานเลี้ยงครบเดือนครั้งนี้ไม่รับเงินหรือของขวัญอะไร ยังแจกถุงใส่เงินเหรียญทองแดงให้อีกคนละเก้าสิบเก้าเหรียญ ชาวบ้านรับกันหน้าแดงไปหมด

“ทุกท่าน รถม้าอยู่หน้าโรงเตี๊ยมสิงไหลแล้ว หากต้องการก็เอาไปซื้อของเตรียมปีใหม่ได้ รถม้าที่นำมาโรงเตี๊ยมสิงไหลก่อนหน้านี้ แน่นอนสองครอบครัวนั่งกันหนึ่งคันกลับเมืองฝานฮัว” หลังงานเลี้ยง เหลียงหมัวมัวก็จัดการให้ทุกคนเดินทางกลับกันอย่างเหมาะสม ทุกคนล้วนพากันไปเดินเขตการค้ากันอย่างเบิกบาน กินอาหารมื้อใหญ่อิ่มหนำ ไปเดินย่อยสักหน่อย จะได้ถือโอกาสซื้อหาของเตรียมปีใหม่ไปด้วย ขากลับยังมีรถม้าให้นั่งกลับอีก เรื่องดีๆ ได้ประโยชน์เช่นนี้ พวกเขาย่อมรับไว้อย่างแสนยินดีเบิกบาน

“ต้าเป่า มาให้แม่ดูหน่อยว่าผอมลงไหม” ออกจากอู่ชิ่นไจ นางเถียนก็มีโอกาสได้จับตัวลูกชายมามองให้ละเอียด

“ข้าสบายดี ท่านแม่ แต่ท่านแม่กับท่านพ่อผอมลงไม่น้อย เงินพวกนี้เป็นเงินที่ลูกหามาได้หลายเดือนมานี้ เอาไปซื้อของเตรียมปีใหม่กัน ลูกจะกลับมาอีกทีตอนปีใหม่” เถียนต้าเป่ากล่าวไปก็ควักถุงใส่เงินมีน้ำหนักไม่เบาที่เหน็บไว้ที่เอวออกมายัดใส่มือนางเถียน

“ต้า…ต้าเป่า…” นางเถียนอึ้งจ้องมองเถียนต้าเป่าที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว เป็นนานก่อนจะดีใจสบตากับเถียนต้าฟู่ ดีใจพากันพยักหน้าหงึกๆ “สบายดีก็ดีแล้ว ลูกพ่อโตแล้ว ลูกพ่อโตแล้ว…ดีแล้ว!”

“อืม ดีแล้วก็ดี คิดทำอะไรก็ไปทำเลย ข้ากับแม่เจ้าล้วนสนับสนุนเจ้า” แต่ไรมาเถียนต้าฟู่ที่พูดน้อย ยามนี้ขอบตาแดง ตบไหล่เถียนต้าเป่าที่ตอนนี้สูงกว่าเขาช่วงศีรษะหนึ่งแล้ว

“กล่าวอะไรเช่นนี้ หากลูกเราไปทำเรื่องชั่วร้าย พวกเราก็ย่อมไม่สนับสนุน!” นางเถียนได้ยินก็เช็ดขอบตา ถลึงตาใส่เถียนต้าฟู่ เมื่อครู่ดึงมือเถียนต้าเป่าไว้อยู่ “ลูกแม่ พยายามให้ดีๆ ให้ได้เหมือนอาจารย์เจ้า” แต่งภรรยางามพร้อมราวเทพธิดา จะให้ดีก็ให้นางมีหลานไวๆ หลานที่รัก เดิมคิดว่าชาตินี้คงไม่มีเรื่องดีเช่นนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าสวรรค์มีตา ทำให้นางเป็นกังวลทุกข์ใจมาห้าปีเต็ม ในที่สุดก็คืนลูกชายคนดีแข็งแรงและเป็นผู้ใหญ่คืนนางแล้ว

พรืด ซือถูอวิ๋นอดหลุดขำออกมาไม่ได้ ทำเอานางเถียนอึ้งไป เหมือนกับอาจารย์ลุงซือหลิง อย่างนั้นก็ให้ต้าเป่าไปเป็นเทพสังหารเหรียญทองแห่งยุทธภพ? ไม่น่าขำหรือ!

ซูสุ่ยเลี่ยนรู้สถานะหลินซือเย่า ก็เขยิบเข้าไปใกล้สามีที่แอบยืนตัวแข็งทื่อไปอย่างนึกขำก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้แน่น “ป้าเถียนหมายถึงควรมีเซียวเอ๋อร์กับหลงเอ๋อร์” นางปลอบเขาเบาๆ

“ข้ารู้” หลินซือเย่าตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ในใจเขาคิดว่าด้วยฝีมือต้าเป่าตอนนี้ แม้คิดจะไปเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งหรือสองในยุทธภพก็เร็วไปหน่อย หลินซือเย่าแอบแค่นฮึในใจ อย่าคิดว่าเป็นนักฆ่ามันง่ายนะ เขาไม่ใช่ว่าปีนออกมาจากท่ามกลางกองซากศพหรือ?!

“ต้าเป่า เจ้ามีน้ำใจแล้ว ขอบคุณของขวัญของเจ้า ข้าว่าเซียวเอ๋อร์กับหลงเอ๋อร์ต้องชอบแน่” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มบาง ขอบคุณเถียนต้าเป่า

“ไม่มีอะไรเลย” เถียนต้าเป่าแอบเขินจนต้องเปลี่ยนเรื่องสนทนา ก็แค่หยกสลักรูปกิเลนคู่ที่เขาพบก้อนหยกเข้าที่ร้านค้าในเมืองฮ่วนซาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาเอามาแกะสลักเองเป็นกิเลนคู่ที่ราวกับมีชีวิต เขาได้รับการถ่ายทอดงานฝีมือมาจากเถียนต้าฟู่

แม้ว่าซูสุ่ยเลี่ยนกับเขาปฏิเสธของขวัญจากคนอื่นทั้งหมด มีแต่ของลูกศิษย์เพียงคนเดียวที่พวกนางรับไว้

“เอาละ ต้าเป่า เจ้าจะไปแล้วหรือ ข้ากลับไปกับเจ้า” ซือถูอวิ๋นยกมือวางบนไหล่ซ้ายเถียนต้าเป่า รั้งเขาเดินไปทางเมืองข้างๆ “ท่านอาเถียน ท่านน้าเถียนวางใจ ข้าต้องดูแลต้าเป่าให้ดี”

“เกี่ยวไรกับเจ้า!” เถียนต้าเป่าขมวดคิ้วไม่พอใจ

“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร อย่างไรเจ้าก็เป็นศิษย์น้องข้า อย่าปฏิเสธ เจ้าเป็นศิษย์อาจารย์ลุงช้ากว่าข้าเป็นศิษย์อาจารย์”

“เอามาเกี่ยวกันได้อย่างไร!” เถียนต้าเป่าค้อนขวับ ไม่สนใจเขาอีก หันหลังกระโดดออกไปทันที

ซือถูอวิ๋นไม่ยอมแพ้ รีบตามออกไปเช่นกัน สองคนวิ่งไล่กันไป ทะยานสู่เมืองฮ่วนซาข้างๆ

“อาเย่า สุ่ยเลี่ยน ต้าเป่าล้วนเป็นเพราะพวกเจ้าดูแลมาอย่างดี!” เห็นเงาร่างลูกชายหายวับไปตรงหน้าอย่างรวดเร็ว นางเถียนกับเถียนต้าฟู่ก็หันมาขอบคุณ หากไม่ได้หลินซือเย่ารับเขาเป็นศิษย์ เรียนวิทยายุทธ์ล้ำลึก ไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จต้าเป่าตอนนี้ แค่ก้อนเลือดคั่งในสมองก็คงไม่สลายไป ก็คงไม่ได้คืนสติปัญญาดังเดิมเช่นนี้ได้

“เพราะความพยายามของเขาเอง ป้าเถียนลุงเถียนวางใจได้แล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มส่ายหน้า บอกให้นางเถียนไม่จำเป็นต้องคิดมาก บางครั้งคิดๆ ดูนี่ก็เหมือนวาสนาชะตากำหนดไว้แล้วกระมัง หลังจากวิญญาณข้ามมิติที่น่าประหลาดมาครองร่างนี้ นางก็มองทะลุเรื่องพวกนี้มากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

“ไปกันเถอะ แม้ว่าไม่ต้องอยู่ไฟแล้ว แต่ก็อย่าได้ต้องลมหนาว” หลินซือเย่าพยักหน้าให้เถียนต้าฟู่สองสามีภรรยาถือเป็นการเอ่ยอำลาแล้ว ก่อนจะพาซูสุ่ยเลี่ยนเข้าไปในอู่ชิ่นไจ ทารกแฝดยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง แม้มีพ่อตาแม่ยายดูแล แต่เขาก็ยังกังวลว่าน้าชายกับเจียงอิ้งอวิ๋นสองพี่น้องจะหยอกเล่นกันเกินเลย

—————-

[1] วอลนัท