ตอนที่ 145 ความร้ายกาจของสตรี (3) ตอนที่ 146 พิษ (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 145 ความร้ายกาจของสตรี (3)

ทหารของกองทหารรักษาพระองค์ทั้งห้าสิบนาย กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมของเมืองหลวงตามคำสั่งของมั่วเซวี่ยนเฝ่ย เนื่องจากถูกเน้นย้ำก่อนที่พวกเขาจะออกมาจากที่พักเมื่อคืนว่าห้ามแสดงตัวหรือมีผู้ใดเห็นพวกเขาเป็นอันขาด บริเวณรอบๆ สถานที่ที่ทุกคนเลือกซ่อนตัว ถึงไม่มีประชาชนหรือใครอยู่แถวนั้นแม้แต่คนเดียว

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเคร่งครัดปานใด

ในคราแรกแม้มั่วเซวี่ยนเฝ่ยจะไม่ชอบใจนักและไม่เข้าใจความตั้งใจของไป๋อวิ๋นเซียน แต่ด้วยคำอธิบายของนาง ในที่สุดเขาก็ต้องยอมรับเพราะเขาคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ

ไป๋อวิ๋นเซียนต้องการให้พิษแพร่กระจายไปในหมู่ประชาชนก่อน ตราบเท่าที่มีคนในเมืองหลวงถูกพิษ จากนั้นมหกรรมการระเบิดตัวเองก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนพิษแทรกซึมไปทั่วทุกอณูในอากาศและแพร่ไปถึงตัวของทหารกองทัพรุ่ยหลินในที่สุด!

แม้แต่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่ต่ำช้าเลวทราม ก็ยังต้องยอมศิโรราบให้กับวิธีการอันแสนโหดร้ายของไป๋อวิ๋นเซียน

นางกำลังลากคนทั้งเมืองหลวงลงหลุมไปพร้อมกับกองทัพรุ่ยหลินด้วย!

“อวิ๋นเซียน เจ้า…” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยมองซีกหน้าด้านข้างของไป๋อวิ๋นเซียนแล้วถอนหายใจออกมา พยายามระงับความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในใจและห้ามไม่ให้ร่างกายของตัวเองสั่นสะท้านมากไปกว่านี้

เขาเข้าใจผิด และคิดมาโดยตลอดว่าไป๋อวิ๋นเซียนเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอผู้แสนหยิ่งผยองที่ถูกพะเน้าพะนอเอาใจจนเคยตัว แต่จิตใจของนางนั้นยังคงใสบริสุทธิ์และมีความคิดไม่ซับซ้อน

แต่เมื่อวานนี้เขาได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว สิ่งที่นางพูดและสิ่งที่นางทำ เกินกว่าขอบเขตและการรับรู้ของเขาไปโดยสมบูรณ์

ดูเหมือนว่าตลอดมาเขาจะไม่เคยรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของไป๋อวิ๋นเซียนเลย!

ประชากรนับแสนคนในเมืองหลวง บทจะฆ่านางก็ฆ่าได้โดยไม่กะพริบตาแถมไม่มีความรู้สึกผิดสักนิด!

ไป๋อวิ๋นเซียนหันกลับมามองเขา ขมวดคิ้วและพูดว่า “ทำไม ท่านคิดว่าข้าเลือดเย็นเหรอ หากท่านมีความสามารถมากกว่านี้ข้าก็คงไม่ต้องลงมือด้วยตัวเอง หรือว่าท่านเกิดจิตสำนึกห่วงใยในประชาชนของตัวเองขึ้นมากัน กับแค่ชาวบ้านไร้ค่าไม่กี่คน จะปวดใจอะไรหนักหนา”

มั่วเซวี่ยนเฝ่ยพูดไม่ออกไปโดยสมบูรณ์

มันก็ใช่อยู่หรอกที่เขาเป็นฝ่ายชักจูงให้ไป๋อวิ๋นเซียนเริ่มลงมือก่อน

แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าแก่นแท้ของไป๋อวิ๋นเซียนจะน่ากลัวและโหดร้ายมากถึงเพียงนี้นี่

หากบอกว่าจวินอู๋เสียเป็นนางมาร เป็นอันธพาลของเมืองหลวงที่โหดเหี้ยมและไร้ความเมตตาปรานี แต่คนที่นางฆ่าทุกคนก็ล้วนแต่เป็นศัตรูของจวนหลินอ๋องของนางทั้งสิ้น นางไม่เคยลงดาบกับผู้บริสุทธิ์เลยแม้แต่คนเดียว แต่ไป๋อวิ๋นเซียน เพื่อให้บรรลุในเป้าหมายของตัวเอง นางไม่แยแสหากจะต้องล้างคนทั้งเมืองให้ตกตายไปพร้อมกับศัตรูที่นางเกลียดชังด้วย ความวิปลาสและจิตสำนึกที่บิดเบี้ยวเช่นนี้ แทบจะไม่อาจหาสิ่งใดมานิยามได้เลย

“ท่านทำใจให้สบายเถอะ ข้าได้เตรียมยาถอนพิษไว้เรียบร้อยแล้ว ประเดี๋ยวท่านสั่งให้นางกำนัลและขันทีนำไปแจกจ่ายให้ทุกคนในวังหลวงกินกันไว้ก่อนล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องมานั่งทำหน้าเศร้าเสียใจเช่นนี้ ข้าเห็นแล้วรู้สึกขัดตา อีกอย่างหากท่านเป็นกังวลเรื่องประชาชนของท่านจริงๆ ประเดี๋ยวข้าจะกลับไปหลอมยาถอนพิษเพิ่มให้ ภายหลังจากเหตุการณ์ระเบิดตัวของประชาชน องค์ชายรองก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาด้วยการมอบยาถอนพิษให้ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมหรอกหรือ” ไป๋อวิ๋นเซียนกล่าวอย่างเย็นชา

มั่วเซวี่ยนเฝ่ยดวงตาเป็นประกายวาววับขึ้นทันใด “อวิ๋นเซียน เจ้าช่างคิดทุกอย่างได้รอบคอบจริงๆ”

ตราบเท่าที่สามารถกำจัดกองทัพรุ่ยหลินไปได้ เสียสละทหารจากกองทหารรักษาพระองค์นิดหน่อยจะเป็นไรไป ขอเพียงแค่กองทัพรุ่ยหลินทั้งหมดถูกวางยาพิษ จากนั้นเขาค่อยออกไปมอบยาถอนพิษให้กับเหล่าชาวเมือง ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับการสนับสนุนและมีชื่อเสียงที่ดีงาม ขณะเดียวกันก็จะได้กำจัดหนามยอกอกที่ทิ่มแทงในหัวใจของเขาออกไปด้วย ช่างเป็นอะไรที่วิเศษเยี่ยงนี้

ไป๋อวิ๋นเซียนยิ้มอย่างนุ่มนวล ร่างบางซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยกล่าวอย่างออดอ้อนว่า “คิดได้แล้วล่ะสิท่า ในเมื่อข้าคิดจะช่วยท่านก็ย่อมต้องมองหาทางหนีทีไล่เผื่อไว้ให้ท่านอยู่แล้ว ท่านจำไว้ให้ดี สิ่งที่ข้าต้องการหลังจากเรื่องทั้งหมดจบลง มีเพียงแค่อย่างเดียวนั่นคือจวินอู๋เสีย”

“จวินอู๋เสียหรือ” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

ไป๋อวิ๋นเซียนเงยหน้าขึ้นมองเขา เผยให้เห็นความหนาวเย็นในดวงตาที่ลึกล้ำราวกับหนองน้ำพิษของนาง

“ฆ่านางให้ตายในดาบเดียวมันง่ายเกินไป! ข้าจะจับนางตัดแขนตัดขา ตัดลิ้น และควักลูกตาของนางออกมา ทำให้นางอยู่ไม่สู้ตายและทรมานด้วยพิษในทุกๆ วัน” กล้ามายั่วยุโทสะของข้าหรือ เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าได้สิ้มรสชาติของนรกว่าเป็นเช่นไร!

รอยยิ้มแห่งความรักบนใบหน้าของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยขยายกว้างขึ้น ตรงกันข้ามกับหัวใจของเขาที่ยามนี้ลอบหลั่งเหงื่อเย็นด้วยตกใจกับความชั่วร้ายของไป๋อวิ๋นเซียน

เมื่อเทียบกับการฆ่าอันไร้ความปรานีของจวินอู๋เสีย กลวิธีของไป๋อวิ๋นเซียนเรียกได้ว่ารุนแรงและเสียสติโดยสมบูรณ์

ตอนที่ 146 พิษ (1)

ภายใต้ความมืดมิดที่เข้าปกคลุมของราตรีกาล ร่างของบุรุษห้าสิบคนในชุดเสื้อผ้าชาวบ้านธรรมดาซอกแซกไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ของเมืองหลวง จุดหมายปลายทางของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ทว่าทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือจับตาดูทหารของกองทัพรุ่ยหลิน!

ค่ำคืนเงียบสงัด ระเบิดเวลาทั้งห้าสิบลูกกำลังจะปะทุออกมาในไม่ช้า เหล่าชาวเมืองที่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่บนเตียงนอนอุ่น ไม่มีใครรู้เลยว่าอีกไม่นานฝันร้ายที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ได้คืบคลานมาเยือนเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว

เป็นเวลาถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มนับตั้งแต่ที่จวินอู๋เสียปล่อยพลุสัญญาณหลิงอวิ๋นและเรียกระดมกำลังกองทัพรุ่ยหลิน กระทำการสังหารหมู่ขุนนางชั่วที่หน้าประตูวัง ตลอดเจ็ดวันมานี้ นางไม่ได้เร่งรัดดำเนินการขั้นตอนต่อไป แต่ปิดด่านบ่มเพาะพลังวิญญาณของตัวเอง ภายใต้การบำรุงดูแลอย่างต่อเนื่อง การชำระล้างไขกระดูกของจวินเสี่ยนเองก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นไม่มีติดขัด เวลานี้สุขภาพร่างกายของจวินเสี่ยนได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว

หลังจากทำความสะอาดเมืองหลวงครั้งใหญ่ไปในคืนนั้น คลับคล้ายกับว่าเมืองหลวงจะได้รับความสงบสุขในอดีตกลับคืนมา ภายใต้ความช่วยเหลือจากจวินอู๋เสีย มั่วเฉี่ยนยวนในที่สุดก็ล้างชื่อเสียงเน่าเสียของตัวเองได้สำเร็จ กลับมาได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนอีกครั้ง

ตลอดระยะเวลาเจ็ดวันสั้นๆ มั่วเฉี่ยนยวนถูกเคี่ยวกรำจากบทเรียนอันแสนหนักหน่วงของจวินอู๋เสียจนน้ำตาแทบนองหน้า ในทุกวันเขาจะถูกบังคับให้ต้องออกไปเดินตามท้องถนนแสดงด้านที่จิตใจดีมีเมตตา พบปะและพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกับเหล่าประชาชนในเมืองจนบัดนี้มันได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันอันคุ้นเคยของเขาไปแล้ว

ในวันนี้เองก็เช่นกัน ขณะที่เขากำลังเดินผ่านย่านที่พักอาศัยของชาวเมืองไปพร้อมกับทหารคุ้มกันของกองทัพรุ่ยหลินกลุ่มใหญ่ จู่ๆ ประตูบานหนึ่งก็ถูกเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับมีร่างร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านหลังประตูบานนั้น คนผู้นั้นวิ่งพล่านไปทั่วถนนราวกับคนเสียสติ เขาร้องไห้และส่งเสียงกรีดร้องบ้าคลั่ง

ในตอนเช้าตรู่ที่ถนนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถม้า บุรุษเสียสติผู้หนึ่งวิ่งไปชนกับชาวบ้านสองสามคนบนถนนแล้วตัวเขาก็ระเบิดพลังออกมาอย่างแรง

ปังงง!

กรี๊ดดดด!

“รีบไปดูทางนั้นเร็วเข้าว่าเกิดอะไรขึ้น!” มั่วเฉี่ยนยวนเมื่อเห็นความโกลาหลบนท้องถนน จึงสั่งให้ทหารคุ้มกันของกองทัพรุ่ยหลินไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุทันที

ท่ามกลางฝูงชน พวกเขาพบเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งกำลังนอนบิดอยู่บนพื้น เขาส่งเสียงร้องคร่ำครวญอยู่ตลอดเวลา และร่างกายของเขาก็พองขึ้นอย่างประหลาด เสื้อผ้าของเขาถูกแยกจนขาดเป็นริ้วๆ ด้วยกล้ามเนื้อที่บวมเป่งจนน่ากลัว ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบุรุษผู้นี้กันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือเนื้อหนังของเขาในยามนี้เริ่มปริแตกออกจากกันและมีเลือดไหลลงมาเป็นทางอย่างต่อเนื่อง!

ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเองก็บวมเป่งไปทั้งหน้า ก่อนจะค่อยๆ ปรากฏรอยแตกที่คล้ายถูกมีดบาดจำนวนนับไม่ถ้วนบนใบหน้านั้น ฉากตรงหน้าทำเอาบรรดาผู้ที่มุงดูอยู่ขนพองสยองเกล้า รู้สึกตกใจกลัวจนต้องขยับเท้าถอยหนี

บุรุษผู้นั้นยังคงกระเสือกกระสนคลานไปท่ามกลางฝูงชนอย่างคนเสียสติ เขาเอามือข่วนไปตามร่างกายของตนเองเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด จนกระทั่งทหารคุ้มกันของกองทัพรุ่ยหลินเข้ามาหยุดการกระทำของเขา แต่เรี่ยวแรงของบุรุษผู้นี้ก็ช่างมากมายราวสัตว์ป่า เขาเหวี่ยงทหารกองทัพรุ่ยหลินออกไปคนละทางด้วยกำลังกายที่มหาศาล ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก

ความบ้าคลั่งของบุรุษผู้นี้ ทำให้ผู้คนบนท้องถนนพากันหวาดกลัวและวิ่งพล่านไปทั่วทุกทิศทาง เสียงกรีดร้องโกลาหลทำให้สถานการณ์เริ่มควบคุมได้ยากมากขึ้นทุกขณะ

มั่วเฉี่ยนยวนขมวดคิ้วให้กับความสับสนวุ่นวายตรงหน้า เขาเรียกภูติวิญญาณที่ผูกสัญญาของตนเองออกมา ซึ่งมันก็คือหอกยาวสีเงินที่มีพู่สีดำห้อยประดับอยู่ตรงปลาย ชายหนุ่มเตะตัวเองขึ้นจากพื้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหาบุรุษผู้คลุ้มคลั่งด้วยความเร็วราวกับมังกรทะยาน ปลายหอกที่แหลมคมแทงเข้าที่แขนของบุรุษผู้เสียสติอย่างแม่นยำแล้วตรึงเขาไว้กับพื้นเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเขา

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนบุรุษเสียสติผู้นั้นจะไม่ได้แยแสกับความเจ็บปวดที่ได้รับจากการถูกหอกแทงสักนิด เขายังคงดิ้นพล่านอย่างต่อเนื่องและส่งเสียงคำรามลั่นราวกับสัตว์ป่า ปลายนิ้วมือที่ขยายตัวออกฉีกทึ้งร่างกายของตัวเองก่อนจะครูดไปกับพื้นอย่างแรงจนเกิดรอยลึก คราบโลหิตไหลติดเป็นทางยาวบนพื้น ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

มั่วเฉี่ยนยวนยืนอยู่ข้างๆ บุรุษผู้นั้น ขมวดคิ้วให้กับบุรุษที่ดูเหมือนเป็นสัตว์ร้ายมากกว่าเป็นมนุษย์ ความอยากรู้อยากเห็นเกาะกุมไปทั้งหัวใจของเขา ขณะที่มั่วเฉี่ยนยวนกำลังจะเอ่ยปากและถามออกไป…

ทันใดนั้น บุรุษผู้นั้นก็เปล่งเสียงร้องคำรามออกมาเป็นครั้งสุดท้าย เสียงกรีดร้องของเขาทำเอาประสาทหูของผู้ที่ยืนมุงอยู่โดยรอบเกือบแตก และร่างกายของเขาก็ขยายตัวขึ้นเป็นสองเท่าในชั่วพริบตา

ตู้มมม!

สิ้นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ ร่างกายของบุรุษผู้นั้นก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษชิ้นเนื้อและโลหิตกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง อวัยวะภายในของเขาและส่วนอื่นๆ ของร่างกายกระเด็นไปติดอยู่บนร่างของผู้ที่ยืนอยู่ใกล้เขาที่สุดนั่นก็คือมั่วเฉี่ยนยวน ทำให้ทั้งร่างของมั่วเฉี่ยนยวนเวลานี้เต็มไปด้วยเครื่องในและเลือดกับเศษชิ้นเนื้อมนุษย์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า!

การระเบิดอย่างรุนแรงครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง บนถนนเส้นที่เกิดความโกลาหลขึ้น บัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเศษชิ้นเนื้อและโลหิตสีแดงก่ำราวกับเส้นทางแห่งความตาย ตรงจุดกึ่งกลางซึ่งเป็นต้นตอของแรงระเบิด ดูเหมือนกับภาพของดอกบัวโลหิตประหลาดขนาดใหญ่ที่เบ่งบานสะพรั่งท่ามกลางเมืองหลวงอันแสนเงียบสงบ