ตอนที่ 147 พิษ (2)
สีหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนที่ถูกเศษชิ้นเนื้อ เลือด และเครื่องในมนุษย์สาดเข้าใส่เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าชั่วขณะ หัวสมองของเขาหยุดดำเนินการไปชั่วคราว เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำอย่างไรดี ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่พูดอะไรไม่ออกเป็นนาน สีหน้าของประชาชนที่มายืนมุงดูอยู่ก็แปลกพิกลไปเช่นกัน พวกเขามองดูภาพตรงหน้าด้วยความเงียบกริบ ในแววตาทั้งตกตะลึงทั้งเต็มไปด้วยความสยดสยอง
มั่วเฉี่ยนยวนฝืนหลับตาลง พยายามระงับเพลิงโทสะที่เกิดขึ้นในใจให้สงบลงไป เขาปั้นยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอย่างยากลำบาก พร้อมทั้งยกมือขึ้นปัดเศษชิ้นเนื้อ เครื่องในมนุษย์ และคราบโลหิตบางส่วนออกจากร่าง จากนั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าออก แล้วสั่งการกองทัพรุ่ยหลินลงไปด้วยเสียงเข้มว่า “รีบจัดการเก็บกวาดพื้นที่บริเวณนี้เสีย! ส่งคนไปตรวจสอบประวัติบุรุษผู้นี้มาให้ข้าโดยเร็วที่สุด!”
ทหารกองทัพรุ่ยหลินดำเนินการตามคำสั่งของมั่วเฉี่ยนยวนอย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบทันที พวกเขาจัดการกันผู้คนให้ออกไปจากถนนเส้นดังกล่าว จากนั้นก็ลงมือทำความสะอาดเก็บกวาดทุกอย่างให้กลับมาเป็นปรกติ ต้องขอบคุณมั่วเฉี่ยนยวนที่ ‘เสียสละ’ รับเศษชิ้นส่วน ‘ร่าง’ ของผู้บุรุษผู้นั้นโดยส่วนใหญ่ไป จึงทำให้การทำความสะอาดในครั้งนี้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพียงไม่นานถนนที่วุ่นวายก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
มั่วเฉี่ยนยวนเดินกลับจวนหลินอ๋องด้วยสภาพเลือดท่วมตัว ท่ามกลางสายตาเทิดทูนและเสียงโห่ร้องสรรเสริญของชาวเมือง เขาไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจคนพวกนั้นสักนิด สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในยามนี้คือรีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วล้างคราบเลือดน่าขยะแขยงบนตัวนี้ออกเสีย!
เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปในประตูจวนหลินอ๋องได้ไม่นาน มั่วเฉี่ยนยวนก็พบกับจวินอู๋เสียที่เดินออกมาจากเรือนพักของนาง
“อู๋…”
“ไสหัวไป!”
“…” ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ มั่วเฉี่ยนยวนก็ได้รับเสียงเย็นๆ ของจวินอู๋เสียตอบกลับมาเป็นรางวัลว่า ‘ไสหัวไป’ ทำเอาชายหนุ่มไปไม่เป็นไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะเห็นร่างจวินอู๋เสียหันกลับเข้าไปในเรือนพักของนางอย่างไม่สนใจไยดี
“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนสิ!” มั่วเฉี่ยนยวนรู้สึกแปลกๆ เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน จึงคิดจะสอบถามความเห็นของจวินอู๋เสีย ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้เปิดปากพูด ก็ถูกนางตีสีหน้าเย็นชาใส่ ถูกไล่ให้กลับไปอย่างไร้ความปรานีเสียได้
“ไปล้างตัวให้สะอาดก่อนแล้วค่อยมาพบข้า” จวินอู๋เสียทิ้งประโยคนั้นไว้อย่างเย็นชาและเลิกสนใจเขาอีก ร่างบางหมุนตัวจากไปท่ามกลางสายตาของมั่วเฉี่ยนยวนที่มองตามหลัง
“…” มั่วเฉี่ยนยวนอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา รู้สึกเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมนิดๆ กับปฏิกิริยาเช่นนั้นของนาง
เขาหรือก็อุตส่าห์ออกไปพบปะกับประชาชนอย่างมีความสุขในช่วงเช้าเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้จู่ๆ กลับถูกใครที่ไหนไม่รู้วิ่งมาระเบิดตัวเองต่อหน้าต่อตา แถมยังพ่นสิ่งสกปรกพวกนั้นมาเต็มหน้าเต็มตัวเขาอีก เพิ่งจะกลับมาถึงจวนหลินอ๋องได้ไม่นาน ก็ถูกต้อนรับด้วยประโยคอันแสนอบอุ่นว่า ‘ไสหัวไป’ จากเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นพันธมิตร! นี่นางยังเห็นองค์รัชทายาทอย่างเขาอยู่ในสายตาหรือไม่ ทั้งใต้หล้านี้เกรงว่าเขาคงเป็นองค์รัชทายาทที่อนาถและน่าเศร้าที่สุดแล้ว!
หลังจากชำระล้างร่างกายจนสะอาดอย่างดีรอบหนึ่ง มั่วเฉี่ยนยวนที่ถูกตัวเองทำให้ขยะแขยงจนแทบอาเจียนออกมาก็กลับมารูปหล่อดังเดิม เขาเดินเข้าไปหาจวินอู๋เสียที่กำลังนั่งพลิกอ่านตำราโบราณในมืออย่างตั้งใจในศาลาริมสระบัวกลางเรือนพักของนาง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของมั่วเฉี่ยนยวน จวินอู๋เสียก็ละความสนใจจากตำราในมือแล้วเงยหน้าขึ้น
“อู๋…”
“อยู่ให้ห่างจากข้าหน่อย” จวินอู๋เสียมองไปที่มั่วเฉี่ยนยวนด้วยสายตาเย็นชา นางยังคงได้กลิ่นเลือดจางๆ โชยมาจากร่างของเขา เห็นได้ชัดว่าเขายังล้างตัวได้ไม่สะอาดพอจะกำจัดกลิ่นเลือดทั้งหมดบนร่างได้
“…” นี่ข้าทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ มั่วเฉี่ยนยวนหัวใจแหลกสลายเป็นผุยผง เมื่อเห็นสายตาที่จวินอู๋เสียมองเขาด้วยความรังเกียจ เขาก็ได้แต่ยกมือขึ้นลูบจมูกป้อยๆ แล้วถอยหลังกลับไปสองสามก้าว หลังจากแน่ใจแล้วว่าระยะห่างเท่านี้กำลังพอดี เขาก็กล่าวไปว่า “วันนี้ข้าได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดเรื่องหนึ่ง”
“ว่ามา” จวินอู๋เสียก้มอ่านตำราในมือเหมือนไม่ใส่ใจ ขณะที่นางฟังมั่วเฉี่ยนยวนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง นางรู้สึกได้รางๆ ว่าพลังวิญญาณของนางใกล้จะแตะขอบระดับสีส้มเต็มทีแล้ว ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนสั้นๆ พลังวิญญาณของนางนี่ออกจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเกินไปหน่อยหรือไม่ การพัฒนาที่รวดเร็วเช่นนี้ หวังว่าจะไม่ทิ้งผลข้างเคียงใดๆ ไว้ จวินอู๋เสียได้แต่คิดและบ่มเพาะอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
“เมื่อเช้าตอนที่ข้าออกไปตรวจตราพบปะกับชาวเมืองตามปกติ ขณะที่ผ่านไปแถวย่านที่พักบนถนนหวาอวิ๋น จู่ๆ ก็มีบุรุษบ้าคลั่งผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านแล้ววิ่งชนผู้คนไปทั่ว ร่างกายของบุรุษผู้นั้นพองตัวขึ้นอย่างน่าประหลาดมาก ไม่นานนักตัวของเขาก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย” มั่วเฉี่ยนยวนลำดับเรื่องราวเมื่อเช้าให้จวินอู๋เสียฟัง
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น มองไปที่มั่วเฉี่ยนยวนด้วยสายตาเย็นชาที่สุด “เจ้าพูดว่า…เขาระเบิดตัวออกมาอย่างนั้นรึ”
การที่จู่ๆ ร่างกายก็ระเบิดออกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สถานการณ์นี้ช่างคล้ายกับที่เกิดบนตัวของหลินเย่ว์หยาง!
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าต่างไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับใต้เท้าหลินเล็กน้อย ตอนนั้นข้าเองก็ยืนอยู่ข้างๆ บุรุษที่ระเบิดตัวออกมาผู้นั้นด้วย ข้าถึงได้กลับมาด้วยสภาพโชกเลือดเช่นนั้น…แค่กๆ เอาเป็นว่าหลังจากที่ข้าได้สัมผัสกับละอองโลหิตที่บุรุษผู้นั้นระเบิดตัวออกมาแล้ว ข้าไม่ได้รู้สึกว่ากำลังในร่างกายของตัวเองหดหายไปแต่อย่างใด พลังวิญญาณก็ยังก็สามารถขับเคลื่อนได้ตามปกติ ไม่ได้รู้สึกเหมือนคนที่โดนพิษต่อจากหลินเย่ว์หยางเลย” มั่วเฉี่ยนยวนบอกถึงข้อสงสัยของเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลินเย่ว์หยางเขาเองก็รู้รายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นอย่างดี ย่อมรู้ถึงผลลัพธ์ของพิษที่คนรอบๆ โดน แต่เขาไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างนั้นสักนิด
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองไปที่มั่วเฉี่ยนยวนและกล่าวว่า “เจ้า…มาตรงนี้สิ”
ตอนที่ 148 พิษ (3)
มั่วเฉี่ยนยวนทำตามที่จวินอู๋เสียสั่งทันที เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้โต๊ะหินนั้นอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นจวินอู๋เสียขมวดคิ้วของนางลึกขึ้น เขาก็ลอบกลืนน้ำลายแล้วยิ้มให้นางอย่างฝืดเฝื่อน
“นั่งลงสิ” จวินอู๋เสียพูดต่อ
มั่วเฉี่ยนยวนนั่งลงอย่างเชื่อฟัง
“ยื่นมือมา”
จวินอู๋เสียสั่งเขาทีละประโยค มั่วเฉี่ยนยวนก็ยอมทำตามแต่โดยดีโดยไม่มีคัดค้านหรือทักท้วง ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังตรวจชีพจรให้มั่วเฉี่ยนยวนอยู่นั้นเอง หลงฉีก็วิ่งเข้ามาในลานเรือนพักของจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณหนูใหญ่ขอรับ!” หลงฉีวิ่งมาหยุดต่อหน้าจวินอู๋เสียและคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” จวินอู๋เสียถาม เพราะประสาทด้านการรับกลิ่นของนางนั้นไวมากเป็นพิเศษ นางจึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดจางๆ ที่ลอยมาจากร่างของหลงฉีได้ชัดเจน กลิ่นเลือดนี้ไม่ได้ฉุนกึกเหมือนกับเลือดบนร่างของมั่วเฉี่ยนยวน แต่มันเป็นกลิ่นที่ลอยติดมากับอากาศโดยไม่ได้ตั้งใจ แน่นอนว่าไม่ได้มาจากการสัมผัส
“เกิดเรื่องขึ้นแล้วขอรับ” หลงฉีขมวดคิ้ว
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียว ก็เกิดการระเบิดของมนุษย์อันแสนแปลกประหลาดขึ้นทั่วเมืองหลวงมากถึงห้าสิบจุด พวกเขาทุกคนปรากฏตัวในสถานที่แตกต่างกันแต่ในเวลาไล่เลี่ยกัน และทุกคนก็มีสภาพการตายเหมือนกับที่มั่วเฉี่ยนยวนได้บรรยายไว้ไม่ผิดเพี้ยน
คนหนึ่งระเบิด อาจเป็นอุบัติเหตุ แต่คนจำนวนมากมายเช่นนี้ อนุมานได้คำเดียวว่าเรื่องนี้มีคนบงการอยู่เบื้องหลัง!
การระเบิดของร่างมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในหมู่ประชาชน ผู้คนต่างพากันตื่นตระหนกและหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ตอนนี้ทหารของกองทัพรุ่ยหลินได้กระจายกำลังกันออกไปปลอบประโลมเหล่าผู้คนที่กำลังหวั่นวิตกแล้วขอรับ ข้าน้อยคาดเดาว่าเรื่องนี้จะต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลังแน่นอน” หลังจากเหตุการณ์ค่ำคืนที่หน้าประตูวังหลวงคืนนั้น หลงฉีก็คอยจับตาดูสถานการณ์ต่างๆ ภายในวังหลวงและนำมารายงานให้จวินอู๋เสียฟังโดยตลอด
นัยน์ตาดำขลับของจวินอู๋เสียหดเล็กลงด้วยความเย็นเยียบ เหตุการณ์ร่างกายระเบิดเคยเกิดขึ้นบนตัวหลินเย่ว์หยางมาก่อน แม้ว่าผลกระทบจากเรื่องนั้นและเรื่องนี้จะแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย แต่นางก็เชื่อว่าทั้งสองเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
มั่วเฉี่ยนยวนที่นั่งอยู่ด้านข้างฟังรายงานเรื่องนี้ด้วยความตกใจ เขาคิดว่าเหตุการณ์นี้มันชักจะแปลกๆ ยังไงๆ แล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่คนห้าสิบกว่าคนจะระเบิดร่างกายพร้อมกันในวันเดียว!
ในตอนนั้นเอง มั่วเฉี่ยนยวนก็รู้สึกได้ถึงมือเล็กๆ ที่นุ่มนิ่มและอบอุ่นกำลังจับข้อมือของเขาไว้ เขาหันกลับไปมอง เห็นว่าจวินอู๋เสียกำลังกดนิ้วเรียวยาวของนางลงมาบนแอ่งชีพจรของเขา สีหน้าของนางในยามนี้ดูมีสมาธิและตั้งใจมาก ความงามที่ฉายผ่านความเคร่งขรึมและจริงจัง ทำให้ใบหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนฉับพลันร้อนผ่าว เขาสัมผัสได้เลยว่าเลือดในกายของเขากำลังไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง หัวใจของเขาเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะ แม้ว่าจะพยายามระงับความเขินอายและความรู้สึกนั้นลงไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่อาจกลับไปเป็นปกติได้อยู่ดี
หลังจากที่จวินอู๋เสียปล่อยมือของนางออกจากข้อมือของเขา หัวใจของชายหนุ่มก็คล้ายจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เจ้าพบอะไรผิดปกติหรือไม่” มั่วเฉี่ยนยวนถาม
จวินอู๋เสียส่ายหัว ชีพจรของมั่วเฉี่ยนยวนคงที่ดี เขาไม่มีความผิดปกติใดๆ
“หรือจะเป็นพวกเราที่กังวลมากเกินไปเอง” มั่วเฉี่ยนยวนพูดขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องนี้มีพิรุธอย่างแน่นอน มันไม่ได้ง่ายอย่างเช่นที่ตาเห็น” จวินอู๋เสียไม่ได้ปลดปราการป้องกันลง สถานะของมั่วเฉี่ยนยวนนั้นแตกต่างจากคนอื่น นางจึงได้หลอมเม็ดยาที่มีส่วนผสมของน้ำตาของเจ้าดอกบัวขาวน้อยใส่ลงไปให้เขาจำนวนมาก สภาพร่างกายของมั่วเฉี่ยนยวนในเวลานี้จึงไม่อาจนำเขาในอดีตมาเปรียบเทียบได้ หรือแม้แต่คนอื่นๆ ร่างกายของมั่วเฉี่ยนยวนก็ยังเรียกได้ว่าเหนือกว่าขั้นหนึ่ง เพราะมันสามารถต้านทานพิษเล็กๆ น้อยๆ ได้ ตราบเท่าที่มั่วเฉี่ยนยวนยังไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ นางจะไม่ยอมให้เกิดเหตุสุดวิสัยใดๆ ขึ้นกับองค์รัชทายาทผู้นี้เป็นอันขาด
เมื่อเห็นว่าร่างกายของมั่วเฉี่ยนยวนปกติดี การตรวจร่างกายเขาต่อก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีก เพราะไม่สามารถทำให้วินิจฉัยอะไรได้
“ไปเรียกทหารคุ้มกันที่ติดตามเจ้าออกไปข้างนอกในวันนี้ทั้งหมดมาที่นี่เดี๋ยวนี้” จวินอู๋เสียสั่งเสียงเรียบ
มั่วเฉี่ยนยวนทำได้เพียงแต่เดินออกไปเรียกทหารคุ้มกันให้เข้ามาตามที่นางสั่งอย่างว่าง่าย ผ่านไปไม่นานทหารคุ้มกันทั้งสิบคนก็มายืนอยู่ในลานเรือนพักของจวินอู๋เสีย
ทหารคุ้มกันทั้งสิบคนนี้ของกองทัพรุ่ยหลินล้วนอยู่ในช่วงวัยหนุ่ม พวกเขามีอายุอยู่ที่ยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปี แต่ทุกคนก็ล้วนรับใช้สกุลจวินมานานกว่าสิบปีแล้ว!
พวกเขายืนตั้งแถวตรงต่อหน้าจวินอู๋เสีย ทุกคนแต่งกายเรียบร้อย ดวงตาแน่วแน่เปี่ยมไปด้วยความภักดี ทุกคนยืนยืดหลังตรงเหมือนแผ่นไม้ที่ตั้งตรง เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศที่แข็งแกร่งของบุรุษชาติทหาร
“เจ้ามานี่” จวินอู๋เสียชี้ไปที่ทหารนายหนึ่งที่มีลักษณะโดดเด่น
ทหารนายนั้นก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างโต๊ะหินในศาลาริมสระด้วยฝีเท้าหนักแน่น เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ทันทีที่มาหยุดอยู่เบื้องหน้าจวินอู๋เสีย เขาก็เลิกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นข้อมือไปตรงหน้าจวินอู๋เสียอย่างรู้หน้าที่