บทที่ 86 ฉันมีความสุขที่เห็นแกมีความทุกข์ แล้วจะทำไมเหรอ

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

สือเพ่ยหลินสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติจนต้องหันกลับไปดูอย่างกะทันหัน เฉินจื่อโร่วได้ยินเสียงจึงหันกลับไปดูเหมือนกัน

เห็นเป็นเพียงภาพจอใหญ่ๆ รูปภาพที่ควรจะเป็นรูปถ่ายหมู่ของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยภาพชายหญิงที่กำลังนัวเนียกัน

ฉากนี้เหมือนกำลังอยู่ในโรงแรมม่านรูดซึ่งมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายกองอยู่เต็มพื้น ชายเปลือยกายกำลังคร่อมอยู่บนตัวผู้หญิง

ผู้ชายมองไม่เห็นใบหน้าเพราะหันหลังให้กับกล้อง แต่ผู้หญิงมองเห็นได้อย่างชัดเจน เธอเป็นเจ้าสาวของงานแต่งงานในวันนี้ นั่นก็คือเฉินจื่อโร่ว!

สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือเฉินจื่อโร่วผู้ซึ่งดูอ่อนโยนและเรียบร้อยกำลังเพลิดเพลินอยู่บนเตียง เธอกรีดร้องอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้ากับจังหวะการปะทะเข้ามาของร่างกายผู้ชายคนนั้น และเธอยกเอวขึ้นสู้กับอาวุธลับของผู้ชายคนนั้น

ในระหว่างที่ทุกคนเริ่มวิเคราะห์ว่าชายคนนั้นคือสือเพ่ยหลินหรือไม่ ผู้ชายคนนั้นก็พลิกร่างกายมาเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งกับเฉินจื่อโร่ว จากนั้นเขาก็ยกขาของเธอขึ้นแล้วรีบใส่อาวุธลับของเขาเข้าไปอีกครั้ง

ทันใดนั้นทุกคนก็มองเห็นได้ชัดเจน

ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นดูธรรมดามาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่างของเขายังเทียบไม่ได้กับรูปร่างหน้าตาของสือเพ่ยหลิน

ไม่ใช่สือเพ่ยหลินเจ้าบ่าวของวันนี้ สือเพ่ยหลินผู้ซึ่งที่ทุกคนต่างก็อิจฉาเขาได้ถูกเจ้าสาวสวมเขาในวันนี้!

แขกในที่งานต่างก็เงียบสนิทเพราะตกใจ สือเพ่ยหลินเริ่มได้สติเขาหันกลับมามองเฉินจื่อโร่วด้วยดวงตาสีแดงฉาน และบีบคอของเธอด้วยมือของเขา “เฉินจื่อโร่ว คุณกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ”

ในเวลานี้เริ่นเหม่ยเฟิ่งแม่ของสือเพ่ยหลินก็ตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นกัน

ลูกชายของเธอถูกสวมหัวในงานแต่งงาน ทำเรื่องน่าอายแบบนี้เหมือนหักหน้าตระกูลสือได้อย่างอัปยศอดสูที่สุด!

เธอไม่มีเวลาเอาเรื่องเฉินจื่อโร่ว แต่เธอรีบวิ่งไปที่หลังเวทีแล้วพูดว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ รีบตัดไฟทันที!”

ในขณะนี้สือเพ่ยหลินใช้พลังกำลังบีบคอเฉินจื่อโร่วจนใบหน้าของเธอมีสีเขียวช้ำ เธอหายใจรวยริน หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปอาจเป็นฆ่าเธอได้

สีหน้าของสือมูชิงเปลี่ยนไป เขารีบวิ่งขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับดึงสือมูเฉินขึ้นไปด้วย เขาตะโกนใส่สือเพ่ยหลิน “เพ่ยหลิน สงบสติอารมณ์และปล่อยเธอไปซะ!

“พ่อครับ ผู้หญิงเลวคนนี้หักหน้าผมในที่สาธารณะแบบนี้ พ่อจะให้ผมใจเย็นลงได้ยังไง?! ผมจะฆ่าเธอ!” สือเพ่ยหลินไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือ แต่ยังใช้พลังกำลังทำร้ายเธอต่อไป

ทันใดนั้นดวงตาของเฉินจื่อโร่วดูโปนขึ้นมาก และเห็นได้ชัดว่าเธอยังสามารถหายใจได้ไม่กี่อึดใจ

“เพ่ยหลิน ปล่อยเธอไป ถ้าเธอตายแบบนี้แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไมเธอถึงทำสิ่งเหล่านี้ลับหลังนาย?” สือมูเฉินพูดอยู่ข้างๆ อย่างใจเย็น “แล้วนายควรถามเธอไม่ใช่เหรอว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”

เมื่อได้ยินคำพูดของสือมูเฉิน สือเพ่ยหลินก็ปล่อยมือของเขาอย่างช้าๆ

ในที่สุดเฉินจื่อโร่วก็รอดพ้นจากน้ำมือของสือเพ่ยหลิน แต่เนื่องจากขาดออกซิเจนอยู่ครู่หนึ่งเธอจึงล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง หน้าอกของเธอผันผวนอย่างรุนแรง ไอและหอบตลอดเวลา

สือเพ่ยหลินนั่งลงและมองที่เฉินจื่อโร่วด้วยสายตาโกรธแค้น เขาอยากจะสับเธอให้สุนัข กินเป็นชิ้นๆ “เฉินจื่อโร่ว ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?

แต่เฉินจื่อโร่วเพิ่งรอดจากประตูนรก อย่าว่าแต่ให้เธอพูดเลยแค่หายใจยังลำบาก

เธอเพียงแค่มองไปที่สือเพ่ยหลินด้วยความหวาดผวา น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ตัวสั่นอยู่ตลอดเวลา

เมื่อสือเพ่ยหลินกำลังจะยกขาขึ้นเพื่อเตะเธอ พ่อแม่ของเฉินจื่อโร่วก็รีบวิ่งเข้ามาห้าม

แม้ว่าพวกเขาจะโกรธเฉินจื่อโร่วมากแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็เป็นลูกสาวของพวกเขาเอง ทั้งสองคนจึงปกป้องเฉินจื่อโร่วและขอโทษสือเพ่ยหลิน “ขอโทษนะเพ่ยหลิน พวกเราสอนลูกไม่ดีเอง อย่าทำร้ายเธอเลยนะ มันเป็นความผิดของพวกเรา……”

เมื่อเผชิญหน้ากับชายชราสือเพ่ยหลินก็หยุดการกระทำของเขา เขากระทืบเท้าอย่างดุเดือดและพูดกับคนที่ตระกูลสือเชิญมาในงานว่า “พยุงเฉินจื่อโร่วขึ้นมา!”

ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในงานแต่งงาน งานเลี้ยงจึงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้

แม้ว่าจะมีสื่อมาในงาน แต่สือมูเฉินได้พูดคุยกับสื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการปิดข่าวไว้หลังจากที่สัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์บางอย่าง

สำหรับแขกคนอื่นๆ สือมูชิงและภรรยาของเขาได้เชิญแขกออกจากงานไปทีละคน

ในไม่ช้าแขกที่อยู่รอบๆ ก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว หลานเสี่ยวถางรู้ตัวว่าอาจจะเป็นที่สะดุดตาเกินกว่าจะอยู่ตรงนี่ ดังนั้นเธอจึงเดินออกไปข้างนอก

ในขณะนี้สือเพ่ยหลินเงยหน้าขึ้นได้มองเห็นแผ่นหลังของหลานเสี่ยวถาง

เขารู้สึกขาดอากาศหายใจไปในทันใด และในชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกว่าไม่เพียงแต่ศักดิ์ศรีของเขาเท่านั้นที่เหยียบย่ำ แต่อีกฝ่ายรู้สึกว่ามันไม่มีความหมายที่แม้แต่จะมองดูมัน!

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเหมือนมีค้อนทุบเข้าที่หน้าอก เขาตัวสั่นจนไม่สามารถยืนได้

เมื่อสือมูชิงเห็นเช่นนี้ก็แทบทรุดลง เขารีบเข้าไปช่วยพยุงสือเพ่ยหลิน “เพ่ยหลิน ลูกเป็นอะไร?”

สือเพ่ยหลินโบกมืออย่างยากลำบาก “ผมอยากดื่มน้ำ”

ดังนั้นสือมูชิงจึงนั่งลงข้างๆ เขาแล้วเทน้ำอุ่นหนึ่งแก้วให้เขาดื่ม

หลังจากดื่มน้ำแล้วสือเพ่ยหลินก็รู้สึกสบายใจขึ้น เขามองดูฉากแต่งงานของวันนี้ดอกไม้เต็มพื้น มีลูกโป่งรอบๆ และอาหารที่ยังไม่ทันเสิร์ฟ……

ในขณะนี้มีเพียงเก้าอี้และห้องโถงที่ว่างเปล่า แต่ไร้ผู้คน

กระทบกระเทือนจิตใจมาก!

ในเวลานี้สือมูเฉินเพิ่งไปส่งนักข่าวกลับมา แล้วรีบวิ่งไปหาสือมูชิง “เพ่ยหลินไม่สบายเหรอ?”

“เขา……” สือมูชิงไม่ได้บอกสือมูเฉินเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของสือเพ่ยหลิน ในขณะนี้ เขาเหลือบมองสือเพ่ยหลิน แล้วมองไปที่ท้องของเฉินจื่อโร่ว

บอกตามตรงหลังจากเหตุการณ์นี้เขาไม่รู้ว่าเด็กในท้องของเฉินจื่อโร่วเป็นลูกของสือเพ่ยหลินหรือไม่ ดังนั้นยาที่เขาหวังไว้จึงดูไม่น่าเป็นไปได้……

สือมูชิงพูดต่อ“มูเฉิน ไปส่งเพ่ยหลินหน่อย เรื่องตรงนี้ฉันจะจัดการเอง”

สือมูเฉินพยักหน้า “ได้ครับ เรื่องข่าวเกี่ยวกับงานแต่งงานผมได้จัดการให้ปิดข่าวแล้ว ไม่น่ามีอะไรที่ต้องเป็นห่วง”

สือมูชิงพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับผู้จัดการโรงแรม”ให้คนไปส่งเฉินจื่อโร่วที่คฤหาสน์ของตระกูลสือ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องของวันนี้”

“โอเคครับ คุณสือ” ผู้จัดการพยุงเฉินจื่อโร่วขึ้นรถ จากนั้นเขาก็หันกลับมาและถอนหายใจมองมาที่พ่อแม่ของเฉินจื่อโร่ว“พวกคุณมีลูกสาวที่ดีมาก!” หลังจากพูดจบเขาก็ออกจากที่เกิดเหตุทันที

ในเวลานี้หลานเสี่ยวถางยืนรอสือมูเฉินอยู่หน้าน้ำพุด้านนอกของโรงแรม

ผ่านไปครู่หนึ่งสือมูเฉินก็ไม่ออกมา แต่เธอเห็นรถที่มีเฉินจื่อโร่วอยู่ด้านใน

เห็นได้ชัดว่าเธอถูกนำออกไปโดยใครบางคน เมื่อเห็นหลานเสี่ยวถางเธอก็เปิดประตูเบาะหลังด้วยความบ้าคลั่งและรีบลงไปโดยไม่คำนึงถึงความจริงที่ว่ารถยังคงเคลื่อนตัวอยู่

แม้ว่าความเร็วของรถจะช้ามาก แต่เฉินจื่อโร่วกระโดดตกลงมาจนทำให้หัวเข่าและฝ่ามือของเธอได้รับบาดเจ็บ และมีผมรุงรังเหมือนคนบ้า

เธอไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดที่ข้อเท้าของเธอ เธอรีบตรงไปที่หลานเสี่ยวถางและตะโกนใส่อย่างบ้าคลั่ง “หลานเสี่ยวถาง แกมีความสุขมากไหม? แกหัวเราะเยาะฉันใช่ไหม?!”

หลานเสี่ยวถางไม่ได้คาดคิดว่าเปลวไฟแห่งสงครามจะเผาเธอ แม้ว่าภาพถ่ายและวิดีโอเหล่านั้นจะมาจากน้ำมือของเธอ แต่หากไม่มีการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดง มันจะไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเธอที่แฮกเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของชุยซื่อฮว๋า!

เมื่อเห็นหลานเสี่ยวถางไม่พูด เฉินจื่อโร่วจึงจับไหล่ของหลานเสี่ยวถางแล้วพูดว่า “แกแต่งงานกับพี่เพ่ยหลิน ไม่ได้ใส่ชุดแต่งงานแกอิจฉาฉันใช่ไหม วันนี้แกสะใจที่เห็นฉันเป็นเช่นนี้!”

หลานเสี่ยวถางรู้สึกอึ้ง “เฉินจื่อโร่ว เธอไม่มีสมองใช่ไหม? เมื่อกี้ฉันพูดอะไรกับเธอหรือยัง?”

เฉินจื่อโร่วรู้สึกโมโหมาก “ตอนฉันกำลังผ่านมาแกกำลังหัวเราะ! แกหัวเราะเยาะฉัน! หลานเสี่ยวถางแกมีความสุข แกสะใจใช่ไหม?!”

เมื่อเห็นเธอแทบบ้าหลานเสี่ยวถางจึงคิดว่ามันตลกมาก ดังนั้นเธอจึงยิ้มมุมปาก“อืม ฉันมีความสุขมาก แล้วไงหรือตอนนี้คุณตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนแล้ว คุณจะจัดการอย่างไรกับฉัน?!”

หลานเสี่ยวถางยิ้มเยาะเย้ย

เฉินจื่อโร่วโกรธมากจนหาเหตุผลไม่ได้ เธอมองรอยยิ้มของหลานเสี่ยวถางราวกับว่าเธอได้เห็นคำสาป เธอเพียงรู้สึกว่ารอบตัวกำลังหัวเราะเยาะกับความฝันที่ต้องดับสลายลงของเธอ!

ใช่ เมื่อเธอเกือบจะถึงจุดสูงสุดของความสุขในชีวิต ทันใดนั้นทุกอย่างก็หายไป!

เธอสั่นไปทั้งตัวและกำลังจะยกมือขึ้นตบหลานเสี่ยวถาง

แต่ในขณะนั้นจู่ๆ ก็มีมือที่แข็งแรงจับข้อมือของเธอไว้

เฉินจื่อโร่วหันกลับมามองมือนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา สือมูเฉินมาช่วยหลานเสี่ยวถางจริงๆ หรือ?

สือมูเฉินมีสีหน้าที่เรียบนิ่ง แต่ดวงตาของเขาเย็นชาและเตือนว่า”คุณกล้าลองตบเธอดูสิ?!”

ขณะที่เขาพูดเขาได้ผลักเฉินจื่อโร่วไปด้านข้างด้วยความรังเกียจ จากนั้นขมวดคิ้วและมองลงมาที่ฝ่ามือของเขา

ในวินาทีต่อมาสือมูเฉินเดินไปที่รถที่จะไปส่งเฉินจื่อโร่ว เขาหยิบน้ำแร่หนึ่งขวดออกจากท้ายรถแล้วล้างมือที่เพิ่งสัมผัสกับเฉินจื่อโร่วต่อหน้าเธอ

ทางด้านหลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของสือมูเฉิน

ในขณะนี้เฉินจื่อโร่วได้เห็นสือเพ่ยเดินเข้ามา เขามองเธออย่างเย็นชาด้วยความเกลียดชังและไม่แยแสอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

อารมณ์ของเธอพังทลายลงในทันที เธอวิ่งร้องห่มร้องไห้ไปกราบเท้าของสือเพ่ยหลิน“พี่เพ่ยหลิน ฟังฉันก่อนนะ รูปถ่ายและวิดีโอพวกนั้นล้วนมาจากคนที่หวังร้ายต่อฉัน”

สือเพ่ยหลินหรี่ตาของเขาเพื่อระงับความโกรธที่สุดขีด เสียงของเขาเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ใส่ร้าย? ถ้าอย่างนั้นบอกฉันหน่อยว่าเขาใส่ร้ายตัวเธอยังไง ผู้หญิงที่มีไฝที่หน้าอกและหน้าเหมือนเธอไม่ใช่เธองั้นหรือ?!”

สีหน้าของเฉินจื่อโร่วซีดและเธอยังคงส่ายหัว”พี่เพ่ยหลิน ฟังคำอธิบายของฉันก่อนนะ ฉันไม่รู้จริงๆ แต่หลังจากที่ฉันตื่นขึ้นในวันนั้นฉันพบว่าฉันถูกวางยา! มีคนตั้งใจใส่ร้ายฉัน!”

สือเพ่ยหลินบีบมือแน่นและร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย เขาเกือบจะหมดแรงในยับยั้งชั่งใจที่จะทำร้ายร่างกายของเฉินจื่อโร่ว

เฉินจื่อโร่วเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรจึงคิดว่าเขาเชื่อฟังคำอธิบายของเธอ สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ และดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้น”ฉันรู้แล้ว! ต้องเป็นหลานเสี่ยวถางที่วางยาฉันอย่างแน่นอน! เธออิจฉาที่ฉันได้คบหากันกับพี่ ทำไมเธอถึงใส่ร้ายฉันแบบนี้ พี่เพ่ยหลินเข้าไปถามเธอสิ ผู้หญิงเลวๆ คนนี้สร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมา! เธอแค่อยากจะแย่งพี่คืนไปจากฉัน!”