ตอนที่ 138 คงไม่คิดล้มเลิกการเดิมพัน?

เวลานี้ คนที่กระวนกระวายใจมากที่สุด ดูเหมือนจะเป็นฉินเสี่ยวยู่

ใจหนึ่ง เธอก็อยากจะเชื่อว่าหลินหนานคือความหวัง แต่อีกใจเธอก็นึกเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ เวลานี้เธอจึงนั่งไม่ติด และเอาแต่ผุดลุกผุดนั่งอยู่แบบนั้นตลอดเวลา

หลี่ชางไห่เห็นเช่นนั้น จึงได้แต่หันไปพูดเยาะเย้ยฉินเสี่ยวยู่ “เสี่ยวยู่ เธอจําที่ฉันบอกกับเธอก่อนหน้านี้ไดใช่มั้ย? ฉันบอกเธอแล้วว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการผ่าตัดมีเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น! ตอนนี้ต่อให้เทพเจ้าองค์ไหน ก็ยากที่จะช่วยแม่ของเธอได้”

“เธอคงต้องโทษตัวเอง ที่ดันไปหลงเชื่อคําพูดของเด็กเมื่อวานซืนแบบนั้น ถ้าหมอนั่นสามารถรักษาแม่ของเธอให้หายได้ ก็นับเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก..”

ฉินเสี่ยวยู่ฟังแล้วก็ถึงกับโมโหขึ้นมาทันที เธอหันไปจ้องมองหลี่ชางไห้ตาขวาง พร้อมตอบโต้กลับไปว่า

“ฉันยอมเชื่อหลินหนานมากกว่าที่จะยอมเชื่อนักต้มตุ้นอย่างคุณ!”

“ฉันนี่นะนักต้มตุ้น?! น่าขํา!” หลี่ชางไห่ทําเสียงเย้ยหยันพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว! ยังเหลือเวลาอีกตั้งสิบนาที อย่ารีบด่วนตัดสินแพ้ชนะกันนัก!” เฉินจิ้งซานเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังของโรงพยาบาล

“หึ! อีกแค่สิบนาที ครบหนึ่งชั่วโมงเมื่อไหร่ คนทั้งโรงพยาบาลจะได้เห็นหมอนี่คุกเข่าโขกศรีษะขอโทษฉันกับหลานชาย ฉันจะรอดูจุดจบของมัน!” หลีชางไห่ทําเสียงเย้ยหยัน

ส่วนหลี่เฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่กระซิบถามผู้เป็นลุงว่า “ลุงครับ ไอ้หมอนั่นจะสามารถรักษาแม่ของเสี่ยวยู่ได้มั้ย?”

“จะเป็นไปได้ยังไง? นี่แม้แต่แกก็ไม่ใช่เชื่อฉันเหรอ? ยังไงๆหมอนั่นก็ต้องแพ้เดิมพันครั้งนี้ให้ฉันแน่!” หลีชางไห่ตอบกลับด้วยน้ําเสียงมั่นอกมั่นใจอย่างที่สุด

“สุดยอด! รอให้ครบชั่วโมงเมื่อไหร่ หมอนั่นก็ต้องมาโขกศรีษะของโทษพวกเราสองคนสินะ!” หลี่เฟิงร้องตะโกนออกมาด้วยความดีอกดีใจ

และเวลานี้ ทั้งลุงและหลานชาย ต่างก็เชื่อมั่นอย่างมากว่า ชัยชนะจะต้องตกเป็นของพวกตนทั้งสองคน!

“หลินหนาน นายอย่าทําให้ฉันผิดหวังนะ!”

ฉินเสี่ยวเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วมือทั้งสองข้างกําจนเล็บจิกฝ่ามือแทบห้อเลือด และได้แต่ยิ้มพํากับตัวเองเสียงเบา

ในที่สุด ช่วงเวลาสิบนาทีสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ได้ผ่านพ้นไป แต่ประตูห้องไอซียูก็ยังคงไปเปิดออก

“ท่านประธาน ครบเวลาตามที่กําหนดไว้แล้ว! ผมเชื่อว่าหลินหนานทําไม่สําเร็จแน่ ได้เวลาที่พวกเราจะต้องรีบเข้าไปช่วยคนไข้แล้วนะครับ!” หลี่ชางไห่หันไปบอกกับเฉินจิ้งซานด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข

เขาเองก็ไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่า หลินหนานจะสามารถทําได้สําเร็จ เพราะไม่มีใครรู้อาการของแม่ฉินเสี่ยวยู่ดีเท่ากับเขาอีกแล้ว หากไม่ได้รับการผ่าตัดสมอง ต่อให้เป็นเทพเจ้า ก็ยากที่จะรักษาชีวิตของผู้หญิงคนนี้ไว้ได้

และเวลานี้ เวลาของหลินหนานก็หมดแล้วเช่นกัน!

ระหว่างนั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น

“ดูท่าเขาจะทําไม่สําเร็จจริงๆ!”

เฉินจิ้งซานถอนหายใจออกมา แล้วจึงหันไปบอกกับหลี่ชางไห่ว่า “หมอหลี่ คุณเตรียมตัวให้พร้อม แล้วรีบเข้าไปทําการผ่าตัดให้กับคนไข้โดยด่วน!”

หลี่ชางไห่หันไปยิ้มให้กับเฉินจิ้งซาน “ประธานเฉินไม่ต้องห่วง ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ และจะทําทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้ไว้ให้ได้”

หลังจากพูดจบ หลี่ชางไห่ก็ไม่รอให้ประธานเฉินต้องพูดซ้ําอีกครั้ง เขารีบวิ่งตรงไปที่หน้าประตูห้องไอซียูทันที!

ผู้คนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรมาก่อน ต่างก็มองว่าหลี่ชางไห่นั้น ดูช่างเป็นห่วงเป็นใยอาการคนไข้ยิ่งนักแต่เฉินจิ้งซานนั้นรู้ดีว่า ที่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างหลี่ชางไห่กระตือรือร้นเช่นนี้ ก็เพราะว่าต้องการเห็นผู้เฒ่าคู่กับหลินหนานกลายเป็นตัวตลกเท่านั้นเอง!

หลี่ชางไห้วิ่งไปด้วยความเร็วสูง และเมื่อไปถึง ก็รีบยกมือขึ้นผลักประตูห้องไอซียูเข้าไปทันที

บัง!!

แต่นับเป็นความโชคร้ายของหลี่ชางไห่ ที่ประตูห้องไอซียูถูกผลักออกมาก่อน ทําให้กระแทกเข้ากับใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง จนเลือดกําเดาไหลออกมา

“ใครกัน?! ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ ไอ้..”

หลี่ชางไห่ตวาดออกมาเสียงดังพร้อมกับกําลังจะกร่นด่า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นผู้เฒ่าภูเขาก็รีบกลืนคําที่คิดจะด่าออกมานั้น กลับเข้าไปในลําคอทันที!

ผู้เฒ่ากูไม่สนใจหลี่ชางไห่เลยแม้แต่น้อย และไม่สนใจว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างไรบ้าง?

แต่หลี่ชางไห่ก็ไม่ได้สนใจ เขาแกล้งตีหน้าเศร้า และเอ่ยถามออกไป โดยไม่สนใจแม้แต่จะเช็ดเลือดกําเดาที่กําลังไหลอยู่

“อาวุโส เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? การรักษาคงจะล้มเหลวสินะครับ?”

ผู้เฒ่าคู่หันไปมองหลี่ชางไห่ด้วยแววตาที่ไม่ชอบใจนัก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงเย็นชา “อยากรู้ทําไมไม่เข้าไปดูเองล่ะ?”

“นี่ ดูจากสีหน้าของอาวุโสกู่แล้ว ดูท่าผู้ชายคนนั้นคงจะทําไม่สําเร็จสินะ?”

“นั่นน่ะสิ! ไม่น่าเชื่อเขาตั้งแต่แรก กลายเป็นว่าหมอหลี่ต้องไปรับหน้าที่ต่อในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้!”

“เรื่องแบบนี้ควรต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่แรก!”

เวลานี้ ทั้งหมอและพยาบาลที่พอรู้เรื่องราว และเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่นั้น ต่างก็พากันคาดเดาและกระซิบกระซาบกัน หลังจากที่เห็นผู้เฒ่าคู่เดินออกมาจากห้องไอซียู

ในขณะที่หลีชางไห่กลับไม่รู้สึกโกรธกับคําตอบ และน้ําเสียงเย็นชาของผู้เฒ่าอู่ เขารีบเดินเข้า ไปในห้องไอซียูทันที

ฉันบอกแล้วยังไงล่ะ นอกจากนั้นแล้ว แม้แต่หมอคนอื่นยังช่วยไม่ได้ แล้วคนอย่างแกจะทําสําเร็จได้ยังไงกัน?

“เสี่ยว เธอเห็นแล้วใช่มั้ยว่า ไอ้คนที่ชื่อหลินหนานนั่น มันก็แค่โอ้อวดขี้โม้ไปเรื่อย เอาเข้าจริงๆ หมอนั้นก็รักษาแม่ของคุณไม่ได้ในที่สุดก็ต้องให้ลุงของฉันรักษาอยู่ดี ถ้าเธอรับปากจะยกบ้านหลังนั้นให้ฉัน ฉันก็จะไปขอร้องลุงให้ช่วยแม่ของเธอ..” หลี่เพิ่งเดินเข้าไปหาฉินเสี่ยวยู่พร้อมกับกระซิบบอก

ในบรรดาผู้คนที่ยืนดูอยู่นั้น นอกจากหลี่ชางไห่แล้ว ก็มีหลี่เฟิงอีกคนที่ดูเหมือนจะมีความสุขอย่างมาก เพราะในเมื่อหลินหนานทําไม่สําเร็จ ก็เหลือเพียงแค่หลี่ชางไห่คนเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถช่วยแม่ของฉันเสียวยู่ได้!

หลินหนาน. คิดไม่ถึงว่า ในที่สุดแกก็ตกหลุมพรางที่แกขุดไว้เอง!

“หลินหนาน นี่นายทําไม่สําเร็จจริงๆน่ะเหรอ?” ฉินเสี่ยวยู่ได้แต่พึมพํา พร้อมกับร้องห่มร้องให้ออกมา

ทางด้านหลีชางไห่ที่กําลังจะก้าวเดินเข้าไปในห้องไอซียู เมื่อเห็นฉินเสี่ยวยู่ร้องห่มร้องไห้ออกมาเช่นนั้น จึงได้แต่หันกลับมา พร้อมกับพูดปลอบประโลมหญิงสาวไปว่า

“เสี่ยวยู่ ไม่ต้องร้องห่มร้องไห้ไป! ถึงแม้เด็กเมื่อวานซืนนั่นจะทําล้มเหลว แต่ก็ใช่ว่าแม่ของเธอจะต้องเสียชีวิต ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ และจะพยายามช่วยชีวิตแม่ของเธอไว้ให้ได้!”

หลี่ซางห่างแกล้งทําเป็นปลอบหญิงสาวด้วยความหวังดี แต่ใบหน้านั้นกลับเปื้อนไป ด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้

“คุณหมอหลี หน้าตาของคุณดูมีความสุขมากเลยนะ เมื่อเช้าเหยียบขี้หมามาหรือยังไง?”

จู่ๆ หูของหลี่ชางไห่ก็ได้ยินเสียงพูดเยาะเย้ยถากถางตนเองดังขึ้น เขาจึงรีบหันหลังไปมองทันที่ และพบว่าหลินหนานกําลังก้าวเดินออกมาจากห้องไอซียู

“เธอออกมาก็ดี! ได้เวลาที่เธอจะต้องทําตามสัญญาแล้ว อย่าบอกนะว่า คิดที่จะล้มเลิกการเดิมพันครั้งนี้ เสียใจด้วย มันสายไปแล้ว!” หลีชางไห่ร้องตะโกนบอกหลินหนานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ล้มเลิกอะไรกัน?! ไม่ล้มเลิกอยู่แล้ว..” หลินหนานพยักหน้า และยืนยันคําเดิม

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบคุกเข่าลง แล้วก็โขกศรีษะขอโทษฉันกับหลานชายได้แล้ว ฉันเองก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง รับปากว่าหลังจากเธอโขกศรีษะขอโทษแล้ว เป็นอันว่าเรื่องนี้ถือว่าจบกัน…” หลี่ซางไห่ยืนกอดอก และกําลังรอให้หลินหนานคุกเข่าลงตรงหน้า

“ใครบอกคุณว่าผมเป็นฝ่ายแพ้?” หลินหนานเอ่ยถาม

“หึ! ผลแพ้ชนะก็เห็นๆกันอยู่แล้ว เธอยังจะกล้าปฏิเสธอีกเหรอ?” หลีชางไห่ตอบโต้กลับไปทันที

“หมอหลี ทําไมจมูกคุณมีเลือดไหลออกมาแบบนั้น ไม่สบายหรือเปล่า? ต้องการให้ผมตรวจดูอาการให้มั้ย?” หลินหนานเห็นเลือดกําเดาที่ยังคงไหลไม่หยุดของหลี่ชางไห้ จึงได้แต่เอ่ยถามด้วยสีหน้าขบขัน

สภาพใบหน้าของหลี่ชางไห่เวลานี้ดูตลกขบขันอย่างมาก ไม่เพียงจมูกของเขาจะมีเลือดกําเดาไหลออกมาไม่หยุดแล้ว ดั้งจมูกยังเขียวช้ํา และใบหน้าบวมเปล่ง

“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉัน! รีบๆทําตามสัญญา คุกเข่าลง แล้วก็โขกศรีษะของโทษฉันได้แล้ว!” ห ลี่ชางไห้รีบยกมือขึ้นเช็ดเลือดกําเดา พร้อมกับร้องตะโกนบอกหลินหนาน

หลินหนานไม่ตอบ แต่กลับหันไปทางห้องไอซียู พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณป้าครับ อย่ามัวแต่ยืนนิ่งสิครับ รีบๆออกมาเร็วเข้า เดี๋ยวใครบางคนจะหลงดีใจมากไปกว่านี้!”

เวลานี้ สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องอยู่ที่หน้าประตูห้องไอซียู และไม่นานนัก ก็มีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง ค่อยๆก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ ทําให้บริเวณนั้นเงียบกริบขึ้นมาทันที

ทุกคนได้แต่ยืนตาเบิกโพลง ริมฝีปากอ้ากว้าง

หญิงวัยกลางคนผมสั้นคนนี้ ก็คือแม่ของฉินเสี่ยวยู่ที่นอนหมดสติอยู่ก่อนหน้า แต่ตอนนี้ ไม่เพียงเธอสามารถลุกขึ้นเดินเหินได้อย่างมั่นคง แต่ใบหน้าของเธอยังมีสีเลือด ดูไม่เหมือนกับผู้ป่วยโคม่าเลยแม้แต่น้อย!

เธอดูเหมือนกับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดีด้วยซ้ําไป

“แม่!!!”

ฉินเสี่ยวยู่ร้องตะโกนเรียกแม่ของเธอเสียงดัง ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดด้วยความดีอกดีใจ

“แม่คะ! แม่หายแล้ว แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว! รู้มั้ยว่าหนูเป็นห่วงแม่แค่ไหน?” ฉินเสี่ยวยู่พูดไปก็ร้องห่มร้องไห้ไปด้วย ความเศร้าโศกผิดหวังเมื่อครู่ ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น

แม่ของเฉินเสี่ยวยู่เองก็ร้องไห้เช่นกัน เธอยกมือขึ้นลูบไล้ศรีษะของลูกสาว พร้อมกับกระซิบเสียงเบา“เด็กโง่ แม่ก็หายดีแล้ว ยังจะร้องไห้ทําไมอีก?”

“เป็นไปไม่ได้! นี่มันเรื่องจริงเหรอนี่?! บอกฉันที ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?!”

หลี่ชางไห่ยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ปากก็ร้องตะโกนออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า สิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้คือความจริง

แต่ถึงแม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ความจริงก็ได้ปรากฏต่อหน้าอย่างยากที่จะคิดเป็นอื่นไปได้!

แม่ของฉินเสี่ยวยู่ไม่เพียงพ้นจากอาการโคม่า แต่เธอยังดูดีกว่าก่อนอีกด้วย!

“หมอหลี่.. คงไม่คิดที่จะล้มเลิกการเดิมพันสินะ?” หลินหนานเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม