บทที่ 130 – เลทิเซีย
และก็จากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปในทิศทางที่มิวรู้จัก.. คือปีศาจจิตมรณะเริ่มกลืนกินโลกนี้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่กี่สิบปีก็ตายไปเกือบหมดโลก
จนกระทั่งชั้นที่หกเด็กสาวนามเรย์น่าซึ่งเกิดขึ้นมาโดยไร้จิตวิญญาณถือกำเนิดขึ้นตามคำทำนายที่มิวบอกไว้ตอนอยู่ชั้นที่แปด
และทางศาสนจักรก็ใช้วิธีบางอย่างทำให้เรย์น่านั้นมีจิตสำนึกขึ้นมาแต่ไร้ซึ่งวิญญาณ ทำให้นางนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากการกลืนกินจิตสำนึกของปีศาจ
แต่ทว่าพอเวลาไหลมาถึงชั้นห้าก็เกิดการขัดแย้งขึ้นนิดหน่อย เหมือนว่าดัสก์จะไม่อยากมอบเรย์น่าให้กับทางโบสถ์จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น
และในเวลานั้นเองปีศาจจิตมรณะก็เริ่มโจมตีเมืองเพื่อทดสอบว่าสามารถกลืนกินผู้คนที่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้หรือยัง
แต่มิวก็มาหยุดเอาไว้ ทำให้มันรู้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอวันที่ตัวเองฟื้นคืนชีพเลยจะดีกว่า
แน่นอนว่าในเวลานี้ดัสก์ที่แพ้ให้กับทางโบสถ์ จึงโดนลบความทรงจำว่าตัวเองนั้นเกี่ยวข้องกับเรย์น่าว่าเรย์น่าเป็นลุกออกไป
ทางด้านเรย์น่าเองก็เหมือนจะโดนลบความทรงจำไปด้วย แต่ความทรงจำช่วงที่เจอกับมิวนั้นถูกมิวปกป้องเอาไว้จึงไม่ถูกลบไปด้วย
ทางด้านโบสถ์เองก็คิดว่ามันดีกว่าถ้าจะให้ใครสักคนมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวของเรย์น่าจึงปล่อยเอาไว้แบบนั้นนั่นเอง
พอมาถึงชั้นสี่ ไม่รู้ว่าเรื่องบังเอิญแบบไหน พ่อกับลูกเรย์น่าและดัสก์ก็ยังโคจรมารู้จักกันก่อตั้งเป็นกลุ่มคนที่หาวิธีเอาชนะปีศาจกิ่งก้านความตายโดยไม่สนใจพวกโบสถ์
และมันก็ถึงเวลาคืนชีพของกิ่งก้านแห่งความตายเช่นกัน เมื่อมันคืนชีพมันก็บุกเข้ามาแทบจะทันที แต่แผนการทุกอย่างของมันก็หยุดไว้โดยความแข็งแกร่งอันไร้เหตุผลของมิวได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่าเมืองทั้งเมืองก็ล่มสลาย คนที่เหลือรอดมีเพียงคนกลุ่มเล็กๆ และเมืองเล็กๆ ห่างจากความเจริญเท่านั้น
หลังจากมิวจากไปเรย์น่ากับกลุ่มของดัสก์ที่เหลือไม่กี่คนก็มีชีวิตรอดไปอีกนานหลายวันคือ ซึ่งก็เป็นเรื่องราวของชั้นสาม
เมืองที่ล่มสลายกลายเป็นซากปรักหักพัง นั้นคือเมืองของศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่ และภูเขาที่เกิดจากซากปรักหักพังนั้นก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจาก…
‘เกาะลอยฟ้า’ ที่เป็นที่ตั้งของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง และแน่นอนสิ่งที่หอคอยให้มิวทำในชั้นสามคือหาใครบางคนที่สวมชุดไม่เหมาะกับยุคนี้
ซึ่งตอนแรกมิวเข้าใจว่าเป็นเทรต้า.. แต่ตรงนั้น.. ตรงที่เทรต้าอยู่ยังมีคนอีกคนหนึ่งที่อยู่ตรงนั้น ใช่เธอคนนั้นคือเรย์น่า
เรย์น่าสวมชุดที่มิวเป็นคนให้ก่อนที่จะจากไปและดูแลเป็นอย่างดี เธอจะมาที่เกาะลอยฟ้าโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งคราวเพราะหวังว่า
สักวัน.. สักวันอาจจะได้เจอกับมิวอีกครั้ง.. ใช่ มันผ่านแล้วหลายปีจากชั้นที่สี่มาชั้นที่สาม.. แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังรอต่อไป
ในชีวิตของเธอ เธอสูญเสียมาหลายอย่าง ความทรงจำที่ไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร บ้านเมืองที่เธออยากจะปกป้อง
และอย่างสุดท้ายคือคนสำคัญ.. คนที่เธอนับถือมากไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ข้างกัน.. แต่แล้วก็ได้มาอยู่ข้างกัน
สิ่งที่เธอคิดมีเพียงแค่อยากจะเจอมิว.. เพราะมิวสัญญาแล้วว่าเธอจะกลับมาเจอกัน จะต้องกลับมาแน่ ต้องมาอย่างแน่นอน
สาวน้อยเชื่อแบบนั้นจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต.. ก่อนที่เธอจะตายเพราะความเครียด ใช่แล้ว เธอแบกรับปัญหามากเกินไป
เธอเผลอคิดไปว่า..มิวอาจจะไม่มาเจอเธออีกแล้ว อาจจะเพราะในตอนท้ายเธอไม่ฟังมิว เธอไปสู้กับปีศาจกิ่งก้านแห่งความตาย
ความคิด ความเครียด ทำให้เธอไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้.. เรย์น่าจึงตายในชั้นที่สามและเควสมิวจึงล้มเหลวนั่นเอง
ถูกแล้ว ถ้ามิวไม่เข้าใจผิดว่าเทรต้าเป็นเป้าหมายในการค้นหาตั้งแต่แรก เรย์น่าก็จะไม่ตาย เพราะจะได้พบกับมิว
แต่ทว่าความจริงแล้วเควสในชั้นสามถูกออกแบบมาให้เควสล้มเหลวอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้นมันจะไม่สอดคล้องกับตอนอยู่ชั้น 1
ที่บุคคลปริศนาจะโผล่หน้าออกมามอบเควสให้.. ใช่แล้ว คนปริศนาก็คือดัสก์ที่รู้สึกผิดต่อมิวซึ่งไม่สามารถปกป้องเรย์น่าและคนอื่นๆ ได้
เพราะ… หลังจากเรย์น่าตายไปในชั้น 3 นั้น.. ในชั้นต่อมาที่ชั้น 2 ก็มีคนสติไม่ดีคนหนึ่งทดลองวิวัฒนาการใส่มนุษย์เพื่อจะหลุดพ้นจากการโดนกลืนกินจิตสำนึก
แม้มนุษย์จะตายไปเกือบหมดโลกแล้วก็ตามแต่พวกเขายังหาวิธีรอดได้.. จนไอ้คนสติเฟื่องนี้ทดลองอะไรบางอย่างจนทำให้คนกลายพันธุ์ไปจริงๆ
แต่ว่า…ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ในชั้น 1 เท่านั้น.. สาเหตุที่ชั้น 1 อยู่ใต้ดินเพราะผู้คนหลบหนีสัตว์ประหลาดกลืนจิตสำนึกลงมา
แต่มนุษย์ที่ถูกจับวิวัฒนาการกลายพันธุ์นั้นก็ยังตามมาระบาดใส่เมืองสุดท้ายของมนุษยชาติจนในที่สุด.. โลกนี้ก็ไม่เหลือมนุษย์อยู่เลย
สาเหตุที่สัตว์ประหลาดในชั้นหนึ่งไม่เหมือนกับสัตว์ประหลาดในชั้นสองเป็นต้นมาก็มีเหตุผลแบบนี้นี่เอง
และถ้าจะเจาะจงให้ชัดเจนกว่านั้นคือ.. คนที่ช่วยให้คนสติไม่ดีคนหนึ่งทดลองกลายพันธุ์มนุษย์ที่เจ้าตัวโมเมว่าตัวเองวิวัฒนาการมนุษย์ก็เป็นใครไม่ได้อีก..
“เพราะฉัน…”
มิวพึมพำกับตัวเอง.. ใช่ ในชั้นสองเธอช่วยนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งจริงๆ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แสงสว่างสุดท้ายของโลกนี้ถึงจุดจบ
มิวหัวเราะออกมาเหมือนกับคนบ้า.. ไม่ว่าจะชั้น 9 หรือชั้น 2 เธอก็เป็นคนช่วยให้กำเนิดสัตว์ประหลาดขึ้น
และแม้แต่ชั้น 4 เธอก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ส่งเจ้าอิกดร้านี่มาในชั้นที่ 10 หากในตอนนั้นเธอไม่ฟันด้วยดาบของผู้กล้าเอริเนีย
หากเธอไม่ปล่อยลมหายใจมังกร.. ทุกอย่างก็คง ทุกอย่างก็คง
มิวหัวเราะเหมือนกับคนบ้า.. เลวิเนสต้าที่เห็นแบบนั้นเธอก็ก้มหัวแล้วก็ขอโทษ
“ข้าขอโทษ..”
“เธอจะขอโทษทำไม.. คนผิดมันคือฉันต่างหาก ฉันเป็นคนทำให้เรย์น่าตาย.. ไม่สิ.. ไม่สิ โลกใบนี้ฉันเป็นคนทำลายมันกับมือ”
“…..”
“คนกี่แสนกี่ล้านตายเพราะฉัน เพราะพลังของฉัน.. พลังที่แข็งแกร่งบ้าบออะไร ทำอะไรก็ได้บ้าบออะไร… ฉัน.. ฉันมันก็แค่ฆาตกรไม่ใช่หรือไง”
มิวตะโกนออกมาดวงตาเหมือนกับอยากจะร้องไห้..แต่น้ำตาก็ไม่ไหลออกมา
“แม้แต่ตอนนี้.. แม้แต่ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถรู้สึกผิดได้อีกเหรอ.. เทพมังกรบ้าบอคอแตกอะไร ไอ้แบบนี้น่ะ.. ไอพลังแบบนี้น่ะ”
มิวหยิบดาบของผู้กล้าเอริเนียขึ้นมาพร้อมกับชี้เข้าหาตัวเอง.. ถ้าหากใช้ดาบเล่มนี้ละก็.. มันก็จะเหมือนกับตอนนั้น
เหมือนกับตอนที่มิวย้อนไปในอดีต.. ใช่ ดาบเล่มนี้สามารถตัดได้แม้แต่พลังทุกอย่างของเธอออกจากร่างของเธอ
ขอแค่แทงไป.. หากเธอปรารถนาละก็ หากเธอปรารถนาเธอก็สามารถตายได้ เธอ..ทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอ
คมดาบนั้นแทงเข้ากลางอกของมิวจนทะลุไปด้านหลัง.. แต่ทว่าเลือดก็ไม่ไหล ความตายก็ไม่มาเยือนพลังทั้งหมดก็ไม่หายไปไหน
ราวกับว่า…ดาบ ความสามารถของดาบเล่มนี้มันไม่ตอบสนองต่อความต้องการของมิว มันไม่ตัดตรรกะออกจากตัวตนของเธอ
มิวทรุดลงกับพื้น..
“แม้..แต่จะตายฉันก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ…”
เธอเงยหน้ามองเลวิเนสต้า ดวงตาของมิวบิดเบี้ยว.. อันที่จริงตลอดมาเธอก็เจ็บปวดมาตลอด เธอเพียงแค่เงียบมันเอาไว้
เก็บมันเอาไว้ และมองไปข้างหน้าปรารถนาว่าตนเองยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่อีก เธอจึงสามารถก้าวเดินมาถึงจุดนี้ได้
แต่เมื่อได้รู้ความจริงว่าแม้แต่ความหวังสุดท้ายของโลกนี้ยังถูกตัดขาดด้วยฝีมือของเธอ ต่อให้มิวจะรักแฟนและอยากกลับไปเจอมากขนาดไหน
ต่อให้เธอจะกัดฟันและแบกรับมันไว้มากขนาดไหน.. แต่มันก็ไม่สามารถทนได้ฟางสุดท้ายในใจของเธอขาดสะบั้น
ทุกอย่างที่ถูกเก็บเอาไว้.. เก็บมาตลอดพังพรวดลงมา ดวงตาของเธอเหมือนกับคนที่ไร้ซึ่งสถานที่พึ่งพิง
เหมือนกับคนหลงทาง คนหลงทางที่..ทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเอง โทษตัวเอง.. เธอพูดกับเลวิเนสต้าว่า
“ฉัน.. ต้องทำ..ยังไงดี..? ฉันควรทำแบบไหนถึงจะชดใช้ได้..”
เลวิเนสต้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง..
“สหายข้า..เรื่องนี้ข้าไม่ควรกล่าวกับเจ้าตอนนี้แต่ว่า ถ้าข้าบอกว่าทุกอย่างนี้มีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง..เจ้าจะว่าอย่างไร”
เลวิเนสต้าสูดลมหายใจ
“หลังจากข้ากล่าวออกไป.. บางทีเราคงไม่ได้เจอกันอีกหลังจากนี้ แต่ว่าทุกอย่างในโลกนี้ ทุกสิ่งที่เจ้ารับรู้ ทุกสิ่งที่เจ้าเห็นมันใช่สิ่งที่เจ้าเห็นจริงๆ หรือเปล่า”
“สิ่งที่ปรากฏตรงหน้า สิ่งที่ปรากฏด้านข้างมันคือทิวทัศน์ที่เจ้ามองเห็นจริง มันคือกลิ่นอายที่เจ้าสัมผัสได้จริงๆ”
“หรือเป็นแค่การ.. ‘ระบุ’ ขึ้นมาโดยใครบางคนว่าเจ้าต้องเห็นอะไร ต้องรู้สึกอะไร.. ในมุมมองของเจ้าคงไม่เห็นว่ามันอยู่ตรงนั้น มีอยู่ตรงนั้นจริงๆ”
“แต่ถ้านั่นเป็นแค่สิ่งที่ถูกกำหนดให้เป็นแบบนั้นล่ะ.. เราไม่มีทางรู้เรื่องแบบนั้นได้ และพิสูจน์ไม่ได้”
“ถ้าสมมุติว่าโลกทุกอย่างที่เราเห็นเป็นแค่.. การระบุขึ้นมาด้วยตัวอักษรของสิ่งที่อยู่เหนือกว่าเราล่ะ”
“นั่นหมายความว่า..ทุกอย่างในนี้ ทุกอย่างที่เจ้าต้องเจอนั้นถูกระบุโดยใครบางคนถูกไหม”
“ข้าเองก็ไม่เข้าใจมากหรอก แต่ว่า.. คนที่ทำแบบนั้นได้ข้ารู้จักอยู่คนหนึ่ง”
“ชื่อของเธอคือ เลทิเซีย”