บทที่ 64 ข้าไม่มีเงิน

เหยาซูเหม่อลอยอยู่สักครู่ก่อนจะพยักหน้า นางขยี้ตาแล้วเดินออกจากห้องไป

ไม่รู้ว่าซานเป่าหลับไปมากในตอนกลางวันหรืออยู่ในอ้อมกอดของพ่อที่ไม่คุ้นเคย ตอนที่เหยาซูล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยและกลับมาที่ห้อง ซานเป่าก็ยังคงเล่นสนุกสนานอยู่

นางหาวอีกครั้ง “ดูท่าแล้ว เจ้าตัวน้อยคงไม่ยอมนอนแน่..”

ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิกลางคืนของบ้านแถบชนบท นอกจากจะมีเสียงเห่าของสุนัขในลานบ้านของใครบางคนแล้ว นอกนั้นก็เงียบสงัด

ท่ามกลางความเงียบสงัดนี้ ผู้คนจึงลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ถูกจับได้โดยคนที่ตื่นตัวอยู่เสมอ

หลินเหราฟังออกถึงความจนใจและเอ็นดูในน้ำเสียงของเหยาซู เขารู้สึกใจอ่อนยวบ สายตาที่มองภรรยาค่อย ๆ อ่อนโยนลง “เจ้าไปนอนก่อนเถอะ ข้าจะอยู่เล่นกับเขาเอง”

เหยาซูลังเล

ตอนมื้อเย็นไม่มีใครขอแยกห้องไปนอน หากแต่นอนกับเด็กทั้งสามคน เหยาซูรู้ว่าคืนนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน

แต่ถ้าให้นางนอนกับผู้ชายที่เจอกันแค่วันแรกจริง….

โชคดีที่บ้านของชาวนามีเตียงเตาขนาดใหญ่ เด็กสองคนนอนอยู่ตรงกลาง จึงเหลือที่ว่างให้ผู้ใหญ่สองคนนอนแยกจากกัน

หลินเหรากำลังอุ้มซานเป่าอยู่ นั่งอยู่ด้านขวาของเด็กทั้งสองคน จึงเหลือเพียงพื้นที่ทางด้านซ้ายที่อยู่ติดกับตะเกียงน้ำมัน

เหยาซูจงใจเพิกเฉยต่อความรู้สึกไม่สบายใจและเดินไปทางซ้ายของลูกทั้งสอง ลูบใบหน้าที่กำลังง่วงเหงาหาวนอนแล้วถือโอกาสนี้ขึ้นไปบนเตียง

“ท่านสามารถวางซานเป่าไว้ในเปลแล้วแกว่งไปมาได้ เดี๋ยวเขาก็จะผล็อยหลับไปเอง”

เหยาซูพูดก่อนที่จะหาวอีกครั้ง

หลินเหราตอบ ‘อืม’ แล้วพูดว่า “เจ้านอนเถอะ ตั้งแต่ซานเป่าเกิดข้าไม่เคยได้กล่อมเขานอนเลย ข้าจะถือโอกาสนี้กล่อมเขานอนก็สมควรแล้ว”

เมื่อเห็นว่าหลินเหราเต็มใจที่จะอุ้มลูก เหยาซูจึงยังไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นางฉวยโอกาสตอนที่ผู้ชายคนนี้ก้มหน้าหยอกล้อกับเด็ก ถอดเสื้อนอกออกอย่างรวดเร็วและมุดตัวลงไปในผ้าห่ม

ความอบอุ่นและความเงียบปกคลุมนางไปชั่วขณะ ด้านข้างเป็นเสียงหายใจของต้าเป่าและเอ้อเป่า ทำให้เหยาซูหลับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเหยาซูหันเข้าหาเด็กทั้งสอง ร่างกายด้านข้างโค้งงอเล็กน้อยและทำท่าปกป้องโดยไม่รู้ตัว

หลินเหรามองใบหน้าอันสงบนิ่งของนางอยู่เงียบ ๆ ในใจอดคิดไม่ได้ว่าใบหน้าของเหยาซูจะนุ่มนิ่มเหมือนกับซานเป่าหรือไม่?

เขาเคยสัมผัสใบหน้าของนางหรือไม่? หลินเหราจำไม่ได้แล้ว

เหยาซูและตนเป็นเพียงสามีภรรยาตามหน้าที่เท่านั้น เขาจำไม่ได้ว่าหลายปีมานี้เขาเคยกอดนางกี่ครั้ง

ราวกับว่าความปรารถนาที่อยากจะรู้จักนางทำให้เขาต้องการที่จะสัมผัสนางใหม่อีกครั้งเริ่มตั้งแต่วันนี้ เพราะนางเป็นเหมือนมารดาที่แท้จริง เขาสัมผัสได้ว่านางมีความรักเด็กและเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงคำว่า ‘บ้าน’ ของเขากับนาง

ค่ำคืนอันสงบสุขได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเหยาซูตื่นขึ้นมา เด็กทั้งสามคนได้นอนเรียงรายเป็นแถว ทว่าไม่มีเงาของใครอีกคนที่อยู่บนเตียง

นางขยี้ตาและตั้งใจลุกจากเตียงไปล้างหน้า แล้วนำผ้าอ้อมของซานเป่าเมื่อวานไปแช่ รวมไปถึงการคิดว่าจะทำกับข้าวอะไรเป็นมื้อเช้าดี ทว่ากลับได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากลานบ้าน

เหยาซูสวมเสื้อนอกและเปิดประตูออกไปดู นางเห็นหลินเหราที่ไม่ได้สวมเสื้อนอก เขาสวมเพียงเสื้อชั้นบาง ๆ และกำลังฝึกวิชาหมัดอยู่ในลานบ้าน

บนเชือกที่เดิมทีนางใช้แขวนเสื้อผ้าอยู่ในลานบ้านวันนี้กลับมีผ้าอ้อมที่ซานเป่าทำสกปรกเมื่อวานตากอยู่ ซึ่งตอนนี้ผ้าอ้อมนั้นได้ถูกซักตากไว้หมดแล้ว

นางตะลึงงันไปชั่วครู่ ครั้นได้สติขึ้นมาจึงถามขึ้นว่า “นี่ท่านกำลังฝึกวิชาหมัดอยู่หรือ?”

จมูกโด่งและหน้าผากของหลินเหราเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ แม้แต่บนตัวก็ยังเปียกชุ่มเหงื่อทำให้เสื้อแนบไปกับผิวของเขา

เมื่อเห็นเหยาซู เขาหยุดยืนตรงและถามว่า “อาซู เจ้าตื่นแล้วหรือ?”

ชายหนุ่มปาดเหงื่อบนหน้าผาก คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย รอยแผลเป็นที่ยังไม่หายยิ่งทำให้เขาดูแข็งแกร่งภายใต้เหงื่อของเขา

เหยาซูตื่นตัวเพราะกลิ่นอายความเป็นชายที่ส่งมาถึงใบหน้าของนาง นางพูดตะกุกตะกัก “อ่า เอ่อ ถ้าตื่นแล้ว ท่าน…ไม่หนาวหรือ?”

หลินเหรามึนไปชั่วขณะราวกับว่าไม่ทราบว่าเหตุใดภรรยาของเขาถึงถามแบบนั้น

เมื่อออกจากผ้าห่มอุ่น ๆ อุณหภูมิในตอนเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ผลิก็จะต่ำลง เหยาซูแทบอยากจะเอาผ้าห่มมาคลุมตัว แต่หลินเหรากลับสวมเพียงเสื้อชั้นบาง ๆ เท่านั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทำให้นางรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อผ้าเปียกเหงื่อและแนบชิดส่วนบนของเขาที่เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแรง

นางชี้ไปที่หลินเหราและพยายามยับยั้งสายตาของตัวเองก่อนกระซิบว่า “ไปเช็ดเหงื่อแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าซะเถอะ”

หลินเหราสัมผัสได้ถึงสีหน้าไม่สบายใจของเหยาซู เขาจึงพยักหน้า “ ได้”

หลังจากหลินเหราเข้ามาในห้อง เหยาซูจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ อากาศเย็นเฉียบกลับทำให้แก้มของนางร้อนผ่าว

นางเริ่มคิดอย่างจริงจังว่านางอาจจะมีปัญหาแน่ ๆ ถ้าหากชายคนนี้ยังอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน

ขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่านเหยาซูก็เดินมาถึงห้องครัว เห็นในหม้อต้มมีนมแพะที่เด็ก ๆ ดื่ม ไข่ไก่ที่ต้มสุกแล้วสี่ฟอง น้ำแกงไก่ที่ต้มเสร็จแล้ววางอยู่ด้านข้าง นี่หลินเหราเป็นคนทำงั้นหรือ?

นางถอนหายใจ ไม่รู้จะอธิบายอารมณ์ของนางในตอนนี้ได้อย่างไร

หลินเหราเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปที่ห้องครัวและพูดกับเหยาซูว่า “ข้าเห็นมีไก่อีกครึ่งตัวอยู่ที่บ้าน ข้าเลยต้มน้ำแกงไก่ไว้และใส่เส้นบะหมี่ลงไป ไปล้างหน้าก่อนเถิด”

ดวงตาของเหยาซูเปล่งประกาย หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยถาม “ท่าน…ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อมาทำอะไรเช่นนี้หรือ?”

หลินเหราเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมเล่า?”

เป็นเรื่องยากที่จะเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเขา ในตอนนี้เหยาซูสามารถเห็นได้ว่าหลินเหรากำลังอารมณ์ดี

นางรู้สึกสับสนเล็กน้อยชี้ไปที่นมแพะและไข่ในหม้อ “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องทำอะไร?”

หลินเหราพับแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นท่อนแขนที่แข็งแรง เขายกไข่และนมแพะออกมาและเริ่มเติมฟืนในเตาเพื่อเตรียมทำบะหมี่

เขากล่าวว่า “เมื่อวานข้าถามอาจื้อและเขาบอกว่าเจ้าชอบกินของพวกนี้ในตอนเช้า”

เหยาซูสังเกตเห็นว่าเขาสวมเสื้อตัวนอกเพียงตัวเดียวจึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานชายหนุ่มกลับมาโดยไม่ได้พกสัมภาระมาด้วย เกรงว่าจะออกมาจากตระกูลหลินโดยไม่ได้เอาอะไรมาเลย

นางกระแอมไอพลางกล่าว “ลำบากท่านแล้ว…ที่บ้านไม่มีของใช้สำหรับท่าน หากมีเวลาท่านสามารถไปซื้อเสื้อผ้าในเมือง”

เหยาซูเตรียมที่กำลังจะไปล้างหน้าล้างตาแต่หลินเหราหยุดนางไว้

“อาซู”

นางหันหน้ามามองด้วยความสงสัย “หืม?”

ชายหนุ่มเม้มปากท่าทางเหมือนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

เหยาซูจึงถามเขาว่า “มีอะไรหรือ?”

หลินเหราก็ยังไม่พูดอะไร

เหยาซูตะลึงงันชั่วครู่ก่อนจะหยั่งเชิงว่า “ให้ข้าอยู่ทำอาหารเช้าเป็นเพื่อนท่านหรือ?”

ชายหนุ่มส่ายหัว “ไม่”

เหยาซูหัวเราะอย่างจนปัญญาและเร่งเร้าเขาว่า “เช่นนั้นก็พูดออกมาสิ”

หลินเหราเปิดปากพูดเสียงทุ้มต่ำและไพเราะ “คือว่า…ข้าไม่มีเงิน”

เขากวาดสายตามองเสื้อบาง ๆ ที่ชายหนุ่มสวมในฤดูใบไม้ผลิ เหยาซูไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกว่าเขาตลกหรือคิดว่าเขาโง่กันแน่ ดูเหมือนเงินทั้งหมดที่เขามีได้ให้ไปกับตระกูลหลินไปหมดแล้ว

ตอนนี้เงินก้อนหนึ่งช่างหายากเย็นยิ่งนัก ทว่าตอนที่เขาให้เงินกับคนอื่นเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะใช้มันทำอะไรเลยหรืออย่างไร หากนางไม่ยอมให้เขาเข้าบ้าน ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีอาหารหรือที่พักงั้นหรือ?

เมื่อเหยาซูคิดถึงเรื่องนี้ นางรู้สึกว่าหลินเหรามีความดื้อรั้นอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน

ชายคนนั้นกระซิบกับตัวเองว่า “ที่จริงแล้วข้าไม่หนาว”

นางหัวเราะคิกคักออกมา ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังมีเงินอยู่บ้าง ข้าจะให้ท่านใช้ก่อน ท่านกับพี่ใหญ่รูปร่างไม่ต่างกันนัก อีกประเดี๋ยวกินข้าวเสร็จข้าจะไปที่บ้านของท่านแม่ หาชุดเสื้อผ้าของเขามาสักชุด วันนี้ยังหนาวอยู่ ท่านเองก็เพิ่งออกแรงให้เหงื่อออก อย่าทำให้ตัวเองหนาวเกินไปเลย…”

หลินเหรามองรอยยิ้มของนาง และไม่ได้รู้สึกเขินอายอีกต่อไป เขาแค่หวังว่าช่วงเวลานี้จะอยู่กับเขานานขึ้น

เหยาซูเดินจากห้องครัวไปแล้ว แต่ในหัวของหลินเหรายังสะท้อนเสียงที่นางพูดเมื่อสักครู่ น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความจนใจและความใกล้ชิดที่หาได้ยาก แต่ที่เขาสนใจก็คือความอบอุ่นและความห่วงใยในคำพูดของนาง

หลินเหรามองไปที่น้ำที่เริ่มเดือดพล่านในหม้อ ปากของเขาเกิดรอยยิ้มโค้งขึ้น ดวงตาลึกล้ำยากจะคาดเดา

…………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านแม่หวั่นไหวแล้ว ตื่นมาก็เห็นภาพเซ็กซี่แต่เช้าเลย

น่าดีดเหม่งท่านพ่อสักทีค่ะ ออกมาจากตระกูลแล้วทำไมไม่แอบเก็บเงินกับตัวสักหน่อยบ้าง แต่เห็นทำดีกับอาซูและลูก ๆ หรอกถึงยอมหยวนให้

ไหหม่า(海馬)