บทที่ 88 ที่มาของสัญลักษณ์บนต่างหูหยก

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หลานเสี่ยวถางพยักหน้าแต่ยังคงมีความกลัวอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะหดตัวในอ้อมกอดของสือมูเฉิน

เขามองมาที่เธอและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดว่า “เสี่ยวถาง รอให้เรื่องนี้สะสางแล้วผมจะพาคุณไปเที่ยวพักผ่อน ถือโอกาสแนะนำใครบางคนให้คุณรู้จัก”

หลานเสี่ยวถางจำสิ่งที่สือมูเฉินเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ดวงตาของเธอจึงเป็นประกายขึ้น”อย่าบอกนะว่าเป็นJarvis?”

สือมูเฉินเลิกคิ้ว”เสี่ยวถางคุณคิดถึงเขาอยู่เสมอ สามีของคุณจะหึงเอานะ”

หลานเสี่ยวถางส่ายหัว “เปล่านะ ฉันแค่เคารพนับถือเขาเฉยๆ ไม่มีอะไรอย่างอื่น!”

สือมูเฉินแตะหน้าผากของเธอ”แสดงว่ามีความหมายอย่างอื่นกับผมใช่ไหม?”

แก้มของหลานเสี่ยวถางเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากและไม่พูดอะไรออกมา

เมื่อเห็นท่าทีเขินอายของเธอสือมูเฉินจึงโน้มตัวไปจูบที่มุมริมฝีปากของเธอ “แล้วคุณชอบผมไหม?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้หัวใจของหลานเสี่ยวถางก็เต้นแรงมากขึ้น ไม่กล้าที่ลืมตาขึ้นมา

“ชอบไหม?” สือมูเฉินจับหน้าของเธอหันกลับมา“ว่าไงล่ะ?”

หลานเสี่ยวถางขย้ำชุดนอนของเธอจนมีรอยยับ เพราะความเขินอายอย่างหนัก และไม่กล้าสบตาสือมูเฉิน

เธอถูกเขาเร่งรัดกะทันหัน จู่ๆ เธอก็เกิดความคิดขึ้นมา “คุณเอาแต่ถามฉันว่าฉันชอบคุณไหม แต่คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าคุณชอบฉันหรือเปล่า!”

สือมูเฉินยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินคำพูดของหลานเสี่ยวถาง”เด็กโง่ ฉลาดเกินไปแล้วนะ”

ขณะที่เขาพูดเขาหยิบมือถือออกมาแล้วพิมพ์สองสามครั้งอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับหลานเสี่ยวถางว่า“ดูมือถือของคุณสิ”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้าด้วยความงุนงง จากนั้นก็เปิดโทรศัพท์แล้วเห็นข้อความในวีแชทที่สือมูเฉินส่งมา

เธอคลิกที่มันและเห็นว่ามันเป็นนามบัตร อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นว่าในนามบัตรเป็นใคร เธอก็อดตกใจไม่ได้!

“มูเฉิน” หลานเสี่ยวถางยื่นโทรศัพท์ให้สือมูเฉิน“นามบัตรที่คุณเพิ่งส่งให้ฉันคือ Jarvis จากAlliance Technology?”

สือมูเฉินมองดูเธออย่างประหลาดใจและพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ แม้น้ำเสียงจะเบามาก “เพิ่มเพื่อนเขาในวีแชทก่อน เมื่อมีโอกาสผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก”

หลานเสี่ยวถางกะพริบตา “เพิ่มเพื่อนเขาในวีแชท?” เหมือนว่าได้ยินอะไรผิดไป

บุคคลดังกล่าวจะเพื่อนในวีแชทของเธอได้หรือไม่? !

สือมูเฉินพยักหน้าราวกับว่าเขาไม่เห็นความประหลาดใจในสายตาของเธอ “ใช่ เขามีความรู้เทคนิคมากมายในไทม์ไลน์วีแชทของเขาให้คุณได้เรียนรู้และปรึกษา หลังจากคุณเพิ่มเขาเป็นเพื่อนมันจะดีต่อตัวคุณมาก”

หลานเสี่ยวถางพูดอย่างระมัดระวัง“ฉันขอเป็นเพื่อนกับเขาแล้วบอกเขาว่าฉันเป็นเพื่อนกับคุณ? เขาคงไม่ด่าฉันหรอกนะ ไม่สิเขายุ่งมาก เขาจะมีเวลามาด่าฉันได้ยังไง ฉันคิดว่าฉันเป็นโรคประสาท”

สือมูเฉินใช้ปากงับเข้าไปที่แก้มของหลานเสี่ยวถาง “ดังนั้นคุณจึงไม่เชื่อในตัวของสามีของคุณงั้นหรือ?”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่แน่วแน่ของเขา หลานเสี่ยวถางก็นึกถึงตอนที่เธอรักษาในโรงพยาบาล สือมูเฉินแค่โทรไปแป๊บเดียวAlliance Technologyก็ร่วมมือกับ Latitudeจริงๆ

ส่งผลให้ค่อยๆ มั่นใจมากขึ้น พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานมาก และสือมูเฉินก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง

ดังนั้นหลานเสี่ยวถางกดเพิ่มเพื่อนจากที่สือมูเฉินแนะนำเพื่อนมา เธอคลิกปุ่มเพื่อเพิ่มเพื่อนในขณะเดียวกันก็พิมพ์ทักทายว่า เพื่อนของสือมูเฉิน

เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นเธอพิมพ์แบบนี้“ไม่บอกว่าเป็นภรรยาผมเหรอ?”

“พวกเราไม่ใช่แต่งงานกันเพื่อบังหน้าเหรอคะ?”หลานเสี่ยวถางพูด

สือมูเฉินมองดูเธอเหมือนมีความหมายบางอย่าง “Jarvisเข้าใจว่าพวกเราแต่งงานกันแล้ว”

“หือ?” หลานเสี่ยวถางประหลาดใจ “งั้นคุณก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามากน่ะสิ!”

สือมูเฉินยิ้มกว้าง”ดีจนคุณไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามันดีแค่ไหน”

หลานเสี่ยวถางคิดอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่สือมูเฉิน”คุณคงไม่ใช่พวกรักได้ทั้งสองเพศหรอกใช่ไหม?”

สือมูเฉิน “……”

เขาเห็นว่าเธอกำลังคิดเรื่องนี้อยู่จริงๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “งั้นผมจะใช้ร่างกายของผมบอกคุณเอง!”

หลานเสี่ยวถางเข้าใจความหมายของเขาในทันที เหมือนเธอจะหาเรื่องใส่ตัวแล้ว

อย่างไรก็ตามทันทีที่เธอกำลังจะหลบสือมูเฉินก็คว้าเอวของเธอเอาไว้ แล้วเขาก็ลงโทษเธอได้สำเร็จ……

หลังจากเสร็จภารกิจหลานเสี่ยวถางนึกถึงบางอย่างที่เธอต้องการถามเขาเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงพูดด้วยความงุนงงว่า “มูเฉิน ครั้งก่อนที่คุณช่วยฉันตรวจสอบต่างหูหยกนั้นมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”

เมื่อสือมูเฉินได้ยินคำถามนี้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า”ผมตรวจสอบเจอสัญลักษณ์นี้”

หลานเสี่ยวถางตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบด้วยดวงตาที่เปิดกว้าง

“นี่คือตราสูงสุดของกลุ่มการค้าทองคำใต้ดิน กลุ่มนี้เกือบจะผูกขาดเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของแหล่งร่อนทองทั่วโลก”

หลานเสี่ยวถางรู้สึกตื่นเต้นกับข่าวนี้” ถ้าอย่างงั้นพวกเขาต้องเก่งมากเลยใช่ไหม? มันมีอะไรที่เกี่ยวกับฉันใช่ไหม?”

สือมูเฉินส่ายหัว“ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องพึ่งพาตราสัญลักษณ์นี้ ผมไม่แน่ใจว่าเหยาเหยาเป็นแม่ของคุณหรือเปล่า และเธอเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้หรือไม่ ”

“มันก็ใช่ ฉันกับเขาก็แค่หน้าเหมือนกันเท่านั้น”หลานเสี่ยวถางรู้สึกหมดหวังไปครึ่งหนึ่ง

เธอถามอีกครั้ง “แต่ทำไมคนกลุ่มนี้จึงผูกขาดการขุดทองใต้ดิน? งั้นหมายความว่าจะไม่เห็นแสงสว่างใช่ไหม?

“ในสังคมทุกวันนี้สีขาวและสีดำไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกให้ชัดเจนจนเกินไป” สือมูเฉินกล่าวว่า “โดยสรุปแล้วหากคุณต้องการสร้างความแตกต่างให้ชัดเจนจริงๆ นั้นก็คือคนกลุ่มนี้ถือว่าผิดกฎหมาย”

หัวใจของหลานเสี่ยวถางรู้สึกจมดิ่ง “พวกลักลอบทำผิดกฎหมาย?”

สือมูเฉินพยักหน้า “เกือบจะใช่ แต่ยังต้องมีหลายสิ่งที่เปิดเผยออกมาภายนอก ไม่เช่นนั้นอาจจะอยู่มาได้ไม่นานขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นต้องอาศัยอิทธิพลที่เกี่ยวพันกัน และแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากตอนที่พวกเขาเพิ่งเริ่มต้น”

หลานเสี่ยวถางเข้าใจ “แล้วคุณคิดว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาไหม?”

“ผมต้องตรวจสอบอีกครั้งเพราะสำนักงานใหญ่ของกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ในจีน ดังนั้นผมจึงต้องไปตรวจสอบในต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือได้ตัวอย่างทางพันธุกรรมของเหยาเหยา อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากมาก”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ฉันเข้าใจคุณ เนื่องจากอิทธิพลของพวกเขาซับซ้อนมาก ดังนั้นคุณต้องระวังอย่าให้คนอื่นสังเกตได้ว่าคุณมีจุดประสงค์บางอย่าง”

สือมูเฉินเหลือบมองหลานเสี่ยวถางด้วยสายตาชื่นชม “คุณยิ่งอยู่ยิ่งฉลาดขึ้นทุกวันเลย”

หลานเสี่ยวถางยิ้มมุมปากเบาๆ “ฉันอยู่กับคุณมานานแล้ว ฉันควรเลียนแบบคุณสักหน่อย”

สือมูเฉินพูดด้วยความพอใจว่า “คุณเป็นเด็กดีแบบนี้ผมต้องตบรางวัลให้คุณสักหน่อยแล้วล่ะ!”

หลานเสี่ยวถาง “……”

วินาทีถัดมาเขาหันมาจูบเธอและขึ้นคร่อมร่างกายของเธอ

ในเวลานี้ไฟในบ้านของสือเพ่ยหลินยังคงเปิดอยู่

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นค่อนข้างหดหู่ สือมูชิงได้พูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบ“เพ่ยหลิน อย่าเพิ่งทอดทิ้งเฉินจื่อโร่ว เพราะถ้าตัวอ่อนในท้องของเธอเป็นของลูกจริงๆ……”

สือเพ่ยหลินถอนหายใจยาว “ผมรู้ ผมสั่งคนให้เฝ้าดูเธออยู่ตลอดเวลา รอเวลาให้ครบเดือนแล้วเจาะน้ำคร่ำก็จะสามารถตรวจDNAของทารกในครรภ์ได้”

“อืม ก่อนถึงตอนนั้นชีวิตของเธอก็ยังต้องเก็บไว้” เริ่นเหม่ยเฟิ่งเห็นด้วย

“เพ่ยหลิน พ่อตัดสินใจเรียกอาของแกมาในพรุ่งนี้เพื่อทดสอบการจับคู่ไขกระดูก” สือมูชิงถอนหายใจแล้วพูดต่อ“ท้ายที่สุดไม่ว่าทารกในครรภ์ของเฉินจื่อโร่วจะเชื่อถือได้หรือไม่ เราทุกคนต้องเตรียมแผนการที่สองไว้สำรอง”

สือเพ่ยหลินพยักหน้า “โอเคครับพ่อ เราจะไปโรงพยาบาลกันในพรุ่งนี้”

ตอนนี้เริ่นเหม่ยเฟิ่งมองไปที่ลูกชายของเธอ จู่ๆ น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา”มูชิง ทำไมเพ่ยหลินถึงต้องมีชีวิตทนทุกข์ทรมานแบบนี้ ตอนประสบอุบัติเหตุให้เขาได้แต่งงานกับหลานเสี่ยวถางถือไว้เป็นการช่วยให้ปลดทุกข์ได้บ้าง แต่ตอนนี้กลับ…… ”

สือมูชิงขมวดคิ้ว “ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ตามหลักการที่พระอาจารย์คนนั้นบอกว่าตราบใดที่ผ่านพ้นมรสุมไปได้ก็จะราบรื่นในอนาคต……”

เริ่นเหม่ยเฟิ่งถอนหายใจแล้วดื่มน้ำ และทันใดนั้นก็วางแก้วลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรไป?” สือมูชิงพูดอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อย “ตกใจอะไรกัน!”

“ไม่!” เริ่นเหม่ยเฟิ่งลุกขึ้นจากโซฟาในทันใด ใบหน้าของเธอซีด “มูชิง พระอาจารย์พูดอะไรในตอนแรก มรสุมของสือเพ่ยหลินจะต้องใช้เวลานานไหม แต่ตอนนี้เขายังไม่ผ่านพ้นมันไป?”

เมื่อได้ยินคำพูดของเริ่นเหม่ยเฟิ่งสือมูุชิงก็รู้สึกขนลุกและรู้สึกหนาวที่ฝ่าเท้า

เขายืนขึ้นเดินไปมาภายในห้องแล้วพูดว่า “ผมจำได้ว่าครั้งนั้นพระอาจารย์บอกว่าอีกไม่นานเพ่ยหลินจะเกิดหายนะซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยผู้ที่ถูกลิขิตไว้เท่านั้น หลังจากนั้นเขาให้เลขข้ามฟากที่ตรงกับวันเกิดของผม นั่นก็คือหลานเสี่ยวถาง”

ขณะที่เขาพูดเขาก็ตบที่ต้นขาตัวเองอย่างกะทันหัน จู่ๆ ก็หันกลับมาวิ่งไปหาสือเพ่ยหลินแล้วพูดว่า “เพ่ยหลิน ตอนที่ลูกไปโรงพยาบาล หมอบอกลูกว่าอาการป่วยของลูกเกิดจากการกินยาเกินขนาดใช่ไหม?”

สือเพ่ยหลินพยักหน้า“ใช่ครับ หมอบอกว่ามันเกิดจากการกินยาปฏิชีวนะเกินขนาด แต่ถ้าไม่ใช้ยาปฏิชีวนะพวกนี้ผมก็คงไม่มีชีวิตอยู่ต่อมาจนทุกวันนี้”

เมื่อสือมูชิงได้ยินสิ่งนี้เขาก็ก้าวถอยหลัง ใบหน้าของเขาซีดเผือดจนแทบไม่มีเลือด

เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเริ่นเหม่ยเฟิ่งก็รีบเดินไปพยุงแขนของเขาแล้วพูดว่า “มูชิง คุณเป็นอะไร?”

ริมฝีปากของสือมูชิงสั่น”เหม่ยเฟิ่ง ตามที่เพ่ยหลินกล่าวคือมรสุมของเขายังไม่ผ่านพ้นไป!”

เริ่นเหม่ยเฟิ่งยังตระหนักและวิเคราะห์ว่า”เพราะความเจ็บป่วยของเขาเกิดจากมรสุมครั้งก่อนและครั้งนั้นได้ความช่วยเหลือของหลานเสี่ยวถาง! อย่างไรก็ตามเพ่ยหลินหย่ากับเธอแล้วและตอนนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้ ดังนั้น…… ”

สือเพ่ยหลินได้ยินทั้งสองพูดถึงหลานเสี่ยวถาง ความคิดของเขาก็วนกลับมาอีกครั้ง “ทำไมพ่อแม่ถึงเชื่อเรื่องงมงาย! แม้ว่าตอนนั้นผมจะไม่ได้แต่งงานกับหลานเสี่ยวถาง แต่ผมก็หาพยาบาลสาวสวยมาดูแลได้และสามารถยืนขึ้นได้เหมือนกัน ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าผมมีโรคเลือดที่เกิดจากการใช้ยา แม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะอยู่เคียงข้างผมมันมีประโยชน์อะไร ความเจ็บป่วยของผมจะหายขาด? เธอสามารถเปลี่ยนเลือดให้ผมได้ไหม?!”

สือมูชิงส่ายหัว“ไม่ ลูกไม่รู้หรอกว่าTimes Groupเจอมรสุมมากี่ครั้ง ในแต่ละครั้งมันผ่านไปได้เพราะพระอาจารย์ช่วยไว้”

เริ่นเหม่ยเฟิ่งยังพูดเพิ่มเติมอีกว่า “ใช่ อยากจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ พรุ่งนี้ลูกจะต้องไปโรงพยาบาลกับพ่อและคุณอา แล้วก็ไปหาหลานเสี่ยวถางเพราะBlue skyได้ล้มละลายแล้ว หลานเสี่ยวถางไม่มีที่พึ่งพา ลูกไปหาเธอแล้วเธอจะกลับมาพร้อมกับลูกอย่างแน่นอน!”