ตอนที่ 15: ถูกล้อมไปด้วยทนายนับสิบ

แอร์โฮสเตสคนนั้นพลันถือส้นสูงอีกข้างไว้ในมือ เธอไม่ได้สนใจภาพลักษณ์สาวน้อยน่ารักของตัวเองอีกต่อไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็สบถขึ้นมาทันที “เรื่องของเรายังไม่จบเลยนะ ทำไมตอนแรกนายถึงไล่ให้ฉันย้ายออกไปที่อื่นด้วยล่ะ? แค่ทำงานบนเครื่องบินก็แทบจะไม่ได้หยุดพักอยู่แล้ว ฉันเองก็อยากจะกลับมานอนพักที่ห้องเหมือนกันนะ แต่พอมาถึง ปรากฏว่าประตูกลับเปิดไม่ได้ แล้วจากนั้นไม่กี่นาที ผู้จัดการทรัพย์สินก็เดินเข้ามาพร้อมกับเงินก้อนหนึ่ง เขาบอกว่ามีคนมาขอซื้อคอนโดทั้งชั้นนี้ไปแล้ว นายนี่เอง! ฉันอยากจะใช้เงินก้อนนั้นตบหน้านายให้หงายไปเลยด้วยซ้ำ”

เสี่ยวเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันก็แค่ชอบที่เงียบสงบ ขอโทษที แต่ฉันก็ได้ยินมาจากผู้จัดการทรัพย์สินว่าเธอไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินนี่… งั้นเธอก็คงโอเคกับการหาที่นอนใหม่อย่างพวกคอนโดไม่ก็โรงแรมใช่ไหม? และใช่! ฉันซื้อทั้งชั้นนี้ไปแล้วด้วย อีกอย่าง เราสองคนก็ไม่ได้รู้จักกัน ทั้งชั้นมีอยู่สี่ห้อง แต่ละห้องเชื่อมติดกัน ฉันเลยคิดว่าเราคงอยู่ด้วยกันลำบาก”

ระหว่างที่กำลังพูด เสี่ยวเฉิงก็พลันหยิบเงินกองหนึ่งขึ้นมา “นี่คือค่าชดเชยสำหรับการละเมิดสัญญาที่ผู้จัดการต้องการให้เธอเมื่อวาน ตอนที่เธอปาเงินพวกนี้ลงพื้น ฉันเก็บนั่งเก็บให้จนครบทุกใบเลยนะ เอาคืนไปเลย”

แอร์โฮสเตสสาวพลันเผยท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยที่เสี่ยวเฉิงเก็บเงินทั้งหมดเอาไว้ให้ และทันทีที่รู้สึกดีขึ้น เธอก็เหลือบมองไปยังหรานจิง “แล้วผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่กับนายด้วยงั้นเหรอ?“

เสี่ยวเฉิงพยักหน้า “เธอยังหาที่อยู่ไม่ได้น่ะ แต่เธอก็ตกลงที่จะทำความสะอาดห้องให้แลกกับการได้อยู่ที่นี่ไปก่อน”

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันเองก็ยังไม่อยากย้ายออกไปตอนนี้เหมือนกัน มีเธอคนนั้นอยู่ที่นี่ด้วยก็ดีหน่อย ฉันจะได้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น” แอร์โฮสเตสสาวตอบกลับ

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็กล่าวคำพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก “ฉันเป็นคนตัดสินใจเรื่องสัญญาเช่า อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ค่อยชอบอยู่รวมกันเยอะๆ ด้วยสิ”

จากนั้น แอร์โฮสเตสสาวก็ชี้นิ้วไปยังหรานจิง “ขนาดเธอยังอยู่ได้เลย ทำไมฉันถึงจะอยู่บ้างไม่ได้ล่ะ? ฉันได้หยุดได้แค่เดือนเดียวเองนะ ตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะย้ายไปอยู่ที่อื่นด้วย งั้นเดือนนี้ขออยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน”

“แต่เธอไปอยู่โรงแรมก็ได้นี่…” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ

แอร์โฮสเตสสาวพลันจ้องมองไปที่นัยน์ตาของเสี่ยวเฉิง “ฉันเป็นคนเรื่องมากเรื่องเตียงน่ะ เข้าใจไหม?”

ทว่า ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเสี่ยวเฉิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ไว้คุยกันอีกทีตอนฉันกลับมา”

เสียงโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดแทบทำให้เสี่ยวเฉิงอยากจะบ้าตาย…

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงออกไป แอร์โฮสเตสสาวก็เผยยิ้มและยื่นมือออกไป “ฉันชื่อเซินเหยานะ”

หรานจิงรู้สึกแย่เล็กน้อยที่เข้าใจเซินเหยาผิดไปในตอนแรก ทันใดนั้น เธอจึงจับมือกลับ “ฉันหรานจิง”

“หวังว่าเราคงเป็นเพื่อนกันได้นะ เธอรู้จักผู้ชายคนนั้นมากน้อยแค่ไหนกัน? ตอนแรก็รู้สึกตกใจเหมือนกันที่เธอกล้าอยู่ที่นี่กับเขา” เซินเหยาเดินไปนั่งบนโซฟาและกล่าวคำพูดพร้อมกอดอก

หรานจิงพลันตอบกลับ “ฉันเป็นตำรวจ จะต้องไปกลัวอะไรหมอนั่นกัน?”

“แต่ถ้าฉันเป็นผู้ชาย แล้วได้มาเจอสาวสวยอย่างเธอ ฉันคงจะทำอะไรมิดีมิร้ายไปแล้วแน่” เซินเหยาพลันพูดติดตลก

“ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เลว เขาก็ดี ไม่ใช่คนนิสัยเสียอะไร” หรานจิงกล่าว “อย่างน้อยก็ตอนเทียบกับพวกผู้ชายที่ชอบเอาแต่พูดจาหว่านเสน่ห์ใส่… อีกอย่าง เขาไม่ได้สนใจอะไรฉันเลยสักนิดเดียว”

“นั่นเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าหรือเปล่า?” เซินเหยาเผยหน้ามุ่ยราวกับเธอสามารถมองทะลุผู้ชายทุกคนบนโลกได้ “ฉันเคยบินไปทั่วโลก ได้เจอกับผู้ชายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชาย นักธุรกิจ เจ้าหน้าที่ เจอมาหมดแล้ว บางทีพวกผู้ชายก็มักจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เราเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางหรือวิธีการคิด แต่ไม่ว่ายังไง ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนจะมาหลอกฉันได้หรอก”

หรานจิงพลันนั่งลงตรงข้ามเธอ “งั้นเธอก็จะอยู่ที่นี่เหมือนกันใช่ไหม?”

เซินเหยาตอบกลับ “ฉันอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว อีกอย่าง ฉันเองก็เป็นคนจู้จี้จุกจิกเรื่องเตียงนอนมาก ถ้าไปอยู่ที่อื่นก็คงนอนไม่หลับแน่ ไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะเสียวันหยุดไปกับการอดหลับอดนอนด้วย”

ในตอนนั้นเอง ทันทีที่เสียงของเครื่องบินดังขึ้นมาจากด้านนอก เซินเหยาก็พลันวิ่งตรงไปยังระเบียงและเงยหน้ามองเครื่องบินที่กำลังโผบินและหายไปในเส้นขอบฟ้า