บทที่ 66 ลุงรองพูดถูก

หลินเหรามีสัมผัสที่เฉียบคมยิ่ง

ในสนามรบมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ในฐานะทหารธรรมดา พวกเขาสามารถทำได้เพียงต่อสู้ทุกวันอย่างน่าเบื่อหน่าย ทว่าในฐานะผู้บัญชาการทหารนอกจากจะต้องมีความรู้พื้นฐานในสงครามแล้วจะต้องมีสัญชาตญาณที่เฉียบคมฉับไวที่สุด และสัมผัสที่หกต้องตื่นตัวอยู่เสมอ

ตอนแรกท่านแม่ทัพเองก็สังเกตเห็นเขาเพราะความตื่นตัวที่เหมือนสัตว์ป่า และสุดท้ายก็ค่อย ๆ เลี้ยงดูเขาไว้ข้างกาย

หากเมื่อครู่นี้ปฏิกิริยาของเหยาซูไม่ได้ผิดปกติเช่นนั้น ตอนนี้เขาจึงมั่นใจว่าเหยาซูกำลังวิตกกังวลอะไรบางอย่างอยู่

เหยาซูไม่ได้โต้แย้ง นางเพียงเห็นแววตาของบุรุษที่มองมาทะลุปรุโปร่งไปเสียทุกอย่างก็รู้ทันทีว่าการโต้แย้งนั้นไร้ประโยชน์

“เหตุใดท่านถึงใส่ใจมันด้วยเล่า?”

นางฉลาดพอที่จะโยนปัญหากลับไปที่หลินเหรา

หลินเหราขมวดคิ้วช้า ๆ ทันใดนั้นเขาก็ถามว่า “เหยาซู เหตุใดเจ้าไม่เรียกข้าว่าสามี”

เหยาซูขมวดคิ้วเลียนแบบท่าทางของหลินเหรา “ข้าไม่เคยเรียกท่านว่าสามีมาก่อน”

นางรู้ว่าหลินเหรากำลังทดสอบนางอยู่ ทว่าตามนิสัยเดิมของนางที่ถูกครอบครัวตามใจ หากนางเกลียดหลินเหรา นางจะไม่มีทางเรียกเขาว่า ‘สามี’ อย่างแน่นอน

เมื่อชายหนุ่มได้ยินคำตอบ เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดต่อคำตอบของหญิงสาว เหยาซูถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่านางจะพูดถูก

แววตาของหลินเหราลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้งในหัวใจ พลันเอ่ยขึ้น “อาซูเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว”

เหยาซูวางชามกระเบื้องสีขาวลงในน้ำทำให้เกิดเสียง ‘จ๋อม’ ออกมา

นางอดที่จะปฏิเสธไม่ได้ “มนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินเหราไม่ตอบอะไร เขายังคงก้าวเท้าเข้าไปหาทีละก้าวแล้วจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของเหยาซูโดยไม่กะพริบตา “ไม่ ข้าหมายความว่าเจ้าไม่เหมือนคนเดิม”

ในเวลานี้เหยาซูสงบจิตใจลง บางทีดวงตาลึกที่เงียบสงัดของชายหนุ่มทำให้นางขจัดความตื่นตระหนกได้

“หลินเหรา หากท่านคิดว่าข้าไม่ใช่ข้าคนเดิม ท่านต้องการพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนอื่น แต่ก่อนที่ท่านจะพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนอื่นจริง ๆ ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าไม่ใช่คนเดิม?”

เหยาซูหมายความว่าหากหลินเหราสงสัยว่านางไม่ใช่ภรรยาของเขาก็ให้สืบหาตัวตนที่แท้จริงของนางมา ทว่าเหยาซูมั่นใจว่าไม่ว่าหลินเหราจะสืบอะไรนางก็ยังคงเป็นเหยาซู

เพราะในโลกใบนี้มีเหยาซูเพียงแค่คนเดียว

และหากหลินเหราไม่สามารถสืบหาตัวตนอื่นได้ เขาก็ทำได้เพียงยอมรับว่าเหยาซูนั้นแค่เปลี่ยนไป

เมื่อเห็นรอยยับย่นระหว่างคิ้วของหลินเหราลึกขึ้น เหยาซูก็ยิ้ม “ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล การกระทำย่อมมีร่องรอย ตราบใดที่มีคนทำอะไรลงไปก็สามารถที่จะตรวจสอบได้ เขาก็จะรับรู้ถึงเบาะแส ถ้าหากท่านสงสัยก็จงตรวจสอบต่อไปเถอะ”

นางพูดจบก็หันกายกลับไปล้างชามกระเบื้องสีขาวช้า ๆ ด้วยน้ำสะอาด

หลินเหรายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาประหลาดใจกับความประมาทของเขาในวันนี้

เขาเป็นคนที่สามารถซุ่มตีในสนามรบ ในระหว่างที่ทหารทั้งสองเผชิญหน้ากันได้ทั้งวันทั้งคืน เขาสังเกตเป้าหมาย เลือกเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการลงมือ ผ่านไปวันแล้ววันเล่าโดยไม่ต้องหลับนอน เขาจะเคลื่อนไหวเฉพาะในช่วงที่เขามั่นใจมากที่สุด และการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็จะจบศึกครั้งนั้น

ทว่าในวันนี้เขาหุนหันพลันแล่นเกินไปจริง ๆ

หลินเหราครุ่นคิดหากเหยาซูเป็นเป้าหมายที่เขาสงสัย เขาจะต้องแอบสังเกตและค้นพบความประมาทของอีกฝ่ายเพื่อหาจุดอ่อน เหตุผลเดียวที่เขาประมาทก็คือ เขาไม่ต้องการให้นางเป็นเหยื่อ

เขาสามารถสงสัยนางได้ แต่ไม่เต็มใจที่จะยอมรับ หากว่าความจริงแล้วนั้นนางกลายเป็นคนอื่น

ศัตรูของเขามีเพียงชนเผ่าซยงหนูเท่านั้น คนจากชนเผ่าซยงหนูไม่มีทางหาคนที่เหมือนเหยาซู ปลอมตัวมาเป็นภรรยาของเขาได้

“อาซู หากเจ้าเป็นเช่นนี้มาตลอดมันจะดีแค่ไหน”

ชายหนุ่มทิ้งคำพูดไว้เพียงประโยคเดียวก่อนจะหันหลังเดินจากห้องครัวไป

เหยาซูยังคงถือชามกระเบื้องเคลือบขาวไว้ในมือ นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

นางประมาทเกินไป! ไม่ควรที่จะปล่อยให้หลินเหราอยู่ในบ้านของนาง เหยาซูคิดว่าหลินเหราจะมองนางเพียงผิวเผิน ทว่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะเฉียบคมถึงขนาดนี้

เพียงแค่วันเดียวเขาก็สังเกตเห็นความแปลกประหลาดของนางแล้ว วันข้างหน้านางจะอยู่กับเขาได้อย่างไร?

นางล้างจานไปด้วยพร้อมกับบ่นไปด้วยความขุ่นเคือง “ผู้ชายคนนี้คงไม่ได้เป็นสุนัขทหารใช่ไหม? ท่าทางเมื่อครู่นี้ดูเหมือนกำลังชันหูทั้งสองขึ้นจริง ๆ”

หลังเก็บชามเรียบร้อย เหยาซูก็เช็ดมือให้แห้งก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านและหยิบเครื่องประทินผิวที่ทำขึ้นเองมาหนึ่งกล่อง ขณะที่กำลังเช็ดทำความสะอาดอาซือก็วิ่งเข้ามาหา

“ท่านแม่! เอ้อเป่าก็อยากทามือด้วย!”

เด็กหญิงตัวน้อยมองไปที่กล่องในมือของเหยาซู ก่อนที่จะยืนมือเล็ก ๆ ออกมา

เหยาซูอดหัวเราะไม่ได้ นางหยิบเอาเครื่องประทินผิวชิ้นเล็ก ๆ ออกมาจากกล่องแล้วทาลงบนมือของอาซือ จากนั้นก็ค่อย ๆ ละลายและถูมันด้วยฝ่ามือของนาง

อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวา สูดดมอย่างละเอียดและยังมีกลิ่นนมจาง ๆ

เครื่องประทินผิวทามือกล่องนี้ทำขึ้นในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ วัตถุดิบหลักเป็นนมแพะที่เด็ก ๆ ดื่มกันทุกวันผสมกับผงดอกกุ้ยฮวาที่ตากแห้งในฤดูใบไม้ร่วงและนำมาบด ซึ่งแม่เฒ่าเหยาเก็บเอาไว้ จึงกลายเป็นเครื่องประทินผิวทามือที่ใช้ทาหลังจากทำงานบ้านเสร็จในวันธรรมดา

หลังจากที่เหยาซูทามือให้กับอาซือเรียบร้อย เด็กหญิงตัวน้อยยกมือขึ้นตรงหน้าดวงตามีความสุข แล้วพูดขึ้นมาว่า “มือของเอ้อเป่าจะต้องหอมเหมือนมือของท่านแม่ อีกทั้งยังลื่นนุ่มนวล!”

เมื่อหลินเหราได้ยินคำพูดไร้เดียงสาของลูกสาว เขาหันไปมองเหยาซูโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ นางยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สองมือถูกันเบา ๆ

เมื่อครู่ที่เขาเห็นมือคู่นั้น นางถือชามกระเบื้องเคลือบทำให้แยกไม่ออกว่าระหว่างชามกระเบื้องเคลือบหรือมือของนางขาวกว่ากัน

อาจื้อเริ่มชินกับท่าทางน้ำเน่าของน้องสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ พอเห็นนางยกมือขึ้นมาตรงหน้าก็พูดไปทีว่า “ใช่ ๆ มือของเอ้อเป่าน่ามองที่สุด”

อาซือดีใจที่เห็นพี่ชายชื่นชมตัวเอง

แต่จู่ ๆ นางก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปจริงจังแล้วพูดกับหลินเหราว่า “ท่านพ่อ ต่อไปท่านล้างจานได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านลุงรองบอกว่าการซักผ้าล้างจานทำร้ายมือมากที่สุด ที่บ้านของท่านยาย จานชามลุงใหญ่ก็เป็นคนล้าง”

หลินเหราตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเหยาเฉาถึงพูดประโยคนี้ออกมาและให้เหยาเฟิงเป็นคนล้างจาน

เหยาซูขำพรืดและพูดกับอาซือ “ต่อไปอย่าไปฟังลุงรองของเจ้าพูดเหลวไหลอีก ไม่เห็นหรือว่าป้ารองของเจ้าก็เลิกสนใจเขาแล้ว”

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แก้ต่างให้ลุงคนโปรดของนางโดยไว “ลุงรองพูดถูกแล้ว”

นางอายุยังน้อยจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรถูกหรือผิด ไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่เหยาเฉาพูดออกมาเท่านั้น

เหยาซูคิดว่าอาซือกำลังพูดตามประสาเด็กน้อย อยู่ ๆ หลินเหราก็พูดกับนางว่า “วันหน้า เสื้อผ้าและชามในบ้าน ตราบใดที่ข้าอยู่บ้านข้าจะเป็นคนทำเอง”

นางตะลึงงัน เมื่อครู่นางและเขายังคิดต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ทำไมตอนนี้หลินเหราถึงพูดเช่นนี้

เหยาซูรีบปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็น เรื่องพวกนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย..”

หลินเหราส่ายหัวและมองไปที่มือของเหยาซูที่ถือกล่องไม้และพูดว่า “พี่รองพูดถูกแล้ว”

สายตาของชายหนุ่มทำให้เหยาซูรู้สึกไม่สบายใจไปชั่วขณะ นางหันกายกลับไปวางครีมทามือบนโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของเขา

ไม่รู้ว่าเหยาเฉาจะรู้สึกอย่างไรหากเขารู้ว่าคำพูดของเขานั้นส่งผลให้ชายผู้ซื่อสัตย์สองคนทำงานบ้านมากมายในอนาคต เจ้าตัวก็คงยินดีปรีดาไม่น้อย

หลังจากที่เหยาซูเช็ดเครื่องประทินผิวมือแล้ว นางก็บอกกับเด็กทั้งสองคนว่า “วันนี้แม่จะพาเจ้าไปหาลุงใหญ่เพื่อเรียนหนังสือที่บ้าน” จากนั้นก็ถามไปที่หลินเหรา “ท่านจะไปด้วยกันหรือไม่”

ชายหนุ่มพยักหน้า

เหยาซูไม่ได้พูดอะไรและเดินไปอุ้มซานเป่า ในขณะที่ทารกถูกเคลื่อนย้ายเด็กน้อยก็ตื่นขึ้น ซานเป่าเหมือนกับสัตว์จำศีล เขาชอบนอนตั้งแต่ฤดูหนาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาถูกคนอื่นโยกเปลให้ ยามเด็กน้อยกินอิ่มแล้วเขาจะมองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาที่สดใส จากนั้นก็จะเผยรอยยิ้มให้เห็นฟันขาวขนาดเท่าเม็ดข้าวน้อย ๆ

………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เหยาซูเกือบโดนจับได้แล้วว่าไม่ใช่อาซูคนเดิม แต่ก็เนียนเก่งอยู่นะ

เหยาเฉานี่ยุแยงเก่งนะคะ ทำเอาผู้ชายที่ไม่ยุ่งกับงานบ้านมาทำงานบ้านได้ถึงสองคน สมัยนั้นผู้ชายล้างจานเป็นเรื่องอเมซิ่งมากนะคะ เพราะงานบ้านงานเรือนทั้งหลายจะให้ผู้หญิงทำหมด

ไหหม่า(海馬)