บทที่ 103 จุดมุ่งหมายคือ 5 อันดับแรก

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

บทที่ 103 จุดมุ่งหมายคือ 5 อันดับแรก

วันต่อมา ฉินฟางที่ได้ยินข่าวก็เร่งรุดมาในทันที

เขารู้แล้วว่าเกิดเหตุประหลาดขึ้นที่หุบเขาพญายม ที่ผ่านมาก็รู้สึกผิดยิ่งนัก เป็นเพราะเขาประมาทเกินไป ตรวจสอบสถานที่ไม่ทั่วถึงมากพอ ดังนั้นเด็ก ๆ จึงต้องตกอยู่ในอันตราย

หากแต่เรื่องที่พวกนางสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยได้ทำให้ฉินฟางสงสัยยิ่งนัก ในเมื่อหุบเขาพญายมจมลงใต้กินไปแล้ว เช่นนั้นพวกนางกลับออกมาอย่างไรกัน?

ชิงอวี่เพียงอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังโดยคร่าวๆ เท่านั้น บอกเพียงว่ามีเพื่อนที่บังเอิญผ่านมาที่นั่นและยื่นมือเข้าช่วยทันเวลา

ฉินฟางกังขากับคำนางไม่น้อย หากแต่ก็ต้องถอนหายใจกับสหายของเด็กสาวจริง ๆ มีฝีมือมากเช่นนั้น….. คงจะเป็นคนจากแดนระดับสูงเป็นแน่!

ที่อีกด้านหนึ่ง แม้ชิงอวี่จะไม่โทษอสูรวิญญาณ แต่โหลวจวินเหยาย่อมไม่ปล่อยตัวต้นเหตุไปง่ายดายเช่นนั้น นัยน์ตาสีม่วงน่าหลงใหลของเขาจ้องยูนิคอร์นอสนีบาตนิ่งจนกระทั่งมันแทบฉี่ราด

อสูรวิญญาณระดับ 12 นั้นนับว่าเป็นระดับที่สูงมากแล้ว แต่ต่อหน้าโหลวจวินเหยาก็ยังไม่นับว่าเป็นอะไร ที่แคว้นมารมียอดอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่มากถึงเจ็ดตัว ตัวที่อ่อนแอที่สุดนั้นมีระดับ 15 แล้ว อีกทั้งยังเป็นอสูรเด็กที่เพิ่งลืมตาดูโลกเมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย เป็นอสูรที่เกิดมาก็มีระดับ 15 เลย

ดังนั้นเจ้าอสูรวิญญาณระดับ 12 ตัวนี้จึงไม่แตกต่างไปจากสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง

อาจเป็นเพราะร่างแปลงของยูนิคอร์นอสนีบาตนั้นดูรำคาญลูกตา โหลวจวินเหยาจึงเปลี่ยนเขาให้กลับร่างเดิม แต่ลดขนาดให้เหลือเท่าลูกแมวเท่านั้น ทำให้มันยิ่งดูแปลกประหลาด หน้าตาไม่น่ามองเท่าไรนัก

ไป๋จือเยี่ยนนั่งอยู่ด้านข้าง ไหล่สั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ พยายามกลั้นขำจนแทบคลั่ง เพราะภาพเบื้องหน้าของเขานั้นน่าขันเกินทานทนจริง ๆ

แม้เจ้าอสูรวิญญาณจะเข้าใจดี แต่อย่างไรเขาก็เป็นอสูรวิญญาณสายเลือดชั้นสูง ถูกเหยียดหยามเช่นนี้ในใจจึงเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

จากนั้นจึงพลันรู้ตัวว่าไม่ใช่เพียงไม่อาจแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่เขาไม่อาจกลับร่างขนาดเดิมได้อีกต่างหาก กลับถูกขังไว้ในร่างจิ๋วเช่นนี้ ไม่ใช่มนุษย์และอสูรวิญญาณ ความโกรธพลันปะทุขึ้นมา “ท่านทำอะไรข้า!?”

โหลวจวินเหยาเลิกตาขึ้นข้างหนึ่งท่าทางเกียจคร้าน น้ำเสียงทุ้มน่าฟังพลันเอ่ยขึ้น “ทำให้เจ้ารู้สึกว่าการเป็นสัตว์เลี้ยงรู้สึกอย่างไรไปชั่วระยะหนึ่ง จากนี้ไปเจ้าจะนอนในนั้น”

เมื่อมองตามทิศที่ชายหนุ่มชี้ไป ที่มุมหนึ่งมีกองฟางวางอยู่กองหนึ่ง อีกทั้งยังกองเล็กนิดหนึ่ง….. นี่มันที่นอนสุนัขนี่!

“ท่านจะกลั่นแกล้งคนมากเกินไปแล้วกระมัง!” ยูนิคอร์นอสนีบาตโกรธจนหายใจแทบไม่เข้า มนุษย์น่าชังผู้นี้ทำกับเขาเช่นสุนัขตัวหนึ่งงั้นหรือ?!

“เจ้าเป็น “คน” หรือ?” โหลวจวินเหยาเอ่ยเสียงหยัน “อย่าได้ใช้คำผิดอีกเล่า ช่วงนี้เจ้าก็ทำตัวให้ดีหน่อยเถอะ….. อ้อ ลืมบอกเจ้าอีกอย่าง ตอนนี้เจ้าจะใช้พลังไม่ได้ กลายเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงตัวจ้อยธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นหากเจ้าวิ่งพล่านข้างนอกแล้วดึงดูดสายตาอสูรวิญญาณตนใดเข้าก็อย่าได้ร้องไห้กลับมาว่าถูกรังแกเสียเล่า”

ยูนิคอร์นอสนีบาตได้ยินแล้วก็เบิกตากว้าง ไม่คิดเชื่อคำโหลวจวินเหยา จากนั้นพุ่งเอาเขาที่อยู่บนหัวขวิดขาโหลวจวินเหยา สุดท้ายเจ้าอสูรวิญญาณก็ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหงายหลังล้มตึงลงกับพื้น น้ำตาคลอเบ้า

เหตุใดร่างกายคนผู้นี้จึงแข็งดั่งหินผาเล่า? เจ็บชะมัดเลย…..

การกระทำเมื่อครู่บ่งบอกว่าเขาไม่เหลือพลังทำลายล้างใดอยู่อีก หากออกไปด้วยสภาพเช่นนี้ กระทั่งสุนัขจรจัดยังสังหารเขาได้เลย อสูรวิญญาณระดับ 12 อสูรวิญญาณกลับต้องตกต่ำถึงเพียงนี้ ช่างน่าสมเพชเวทนายิ่งนัก

ไป๋จือเยี่ยนส่ายหน้าไปทำสีหน้าสงสารไป มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าโหลวจวินเหยาผู้นี้ใจดำถึงเพียงไหนกระมัง ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์อสูร ใครก็ตามที่ล่วงเกินเขาย่อมไม่พบเจอกับเรื่องดี ทว่า…..

นี่จะใช่การแก้แค้นแทนคนรักหรือไม่?

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง การประลองภายในที่จัดขึ้นทุกสามเดือนของสำนักละอองหมอกก็กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

คนที่ตกอันดับจะถูกลดฐานะกลายเป็นศิษย์ธรรมดา ส่วนคนที่ได้ 5 อันดับแรกจะได้รับรางวัลมากมาย

ในโถงฝึกตอนนี้มีศิษย์สำนักอยู่มากมาย ช่วงนี้พวกเขาขยันขันแข็งขึ้นมาก พากันเข้ามาจองโถงฝึกกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเนื่องด้วยพื้นที่มีจำกัด เข้าได้เพียง 100 คนเท่านั้น แต่ศิษย์วงในมีมากถึง 200 คน ดังนั้นจึงมีการต่อสู้แย่งพื้นที่กันเป็นประจำ บ่อยครั้งที่กลายเป็นเหตุการณ์นองเลือด

ในหมู่ 200 คนนี้ มีเพียง 30 คนที่สามารถยึดฐานะศิษย์สายหลักไว้ได้อย่างมั่นคง หลาย ๆ คนเป็นศิษย์ที่เข้ามาทีหลัง จากนั้นเอาชนะศิษย์สายหลักคนก่อนเพื่อชิงเอาฐานะมา ดังนั้นทุกสามเดือนจึงมีสายเลือดใหม่เข้ามาในหมู่ศิษย์สายหลักอยู่เสมอ

โถงฝึกนั้นมีอาวุธและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการบำเพ็ญเพียรอยู่พร้อมสรรพ อีกทั้งการบำเพ็ญเพียรที่นี่ยังรวดเร็วกว่าที่อื่นนัก ไม่มีใครเข้ามารบกวนได้ ดังนั้นสถานที่นี้จึงนับว่าเป็นสถานที่สำคัญ มีฮวงจุ้ยดีที่สุดในสำนักละอองหมอก

ภายในลานหลังโถงฝึก พื้นที่ตรงกลางถูกจัดให้กลายเป็นสนามขนาดใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยผู้ชมมากมายที่ส่งเสียงให้กำลังใจขึ้นเป็นระยะ

ภายในลานนั้นมีชายและหญิงอย่างละหนึ่งกำลังประมือกัน พวกเขาสวมชุดสำนักสีขาว ปกเสื้อและชายเสื้อปักลายเมฆ ดูงามสง่ายิ่ง

มีเพียงศิษย์วงใน 20 อันดับแรกจึงจะสวมชุดเช่นนี้ได้ ศิษย์สายหลักที่เหลือจะสวมชุดสำนักสีขาวทั้งตัวไม่มีลวดลาย และศิษย์ธรรมดาจะสวมชุดสีเขียวหม่น

กระบวนท่าที่คนทั้งคู่ออกมาแต่ครั้งช่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน ได้ยินเพียงเสียงฝ่ามือกระทบกันดังให้ได้ยิน ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงการประลองมือเปล่าธรรมดาเท่านั้น ความแข็งแกร่งของคนทั้งคู่ทำให้ผู้ชมที่ล้อมรอบถอนใจด้วยความชื่นชม

“อันดับของสองคนนี้อยู่ใกล้กันแทบจะตลอด ครั้งนี้จะเป็นใครที่เหนือกว่ากันหนอ?”

“แต่คนหนึ่งอันดับ 18 อีกคน 19 ข้าว่าหมิ่นเหม่ใกล้จะรั้งท้ายไปหน่อย”

“อีกอย่าง ข้าได้ยินว่าศิษย์ชุดนี้ยังมีคนที่มีพลังบำเพ็ญแกร่งนัก อีกไม่นานก็จะเปิดรับศิษย์ใหม่อีก คงจะกดดันน่าดูเป็นแน่”

“พวกเราเองก็กดดันไม่น้อยไปกว่ากันกระมัง? แทนที่จะมาถกเถียงเรื่องคนที่มีชื่ออยู่ในอันดับแล้ว พวกเราสมควรมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้สามารถรักษาฐานะศิษย์สายหลักไว้ ไม่ถูกคนอื่นชิงตำแหน่งไปน่าจะดีกว่า”

พวกเขายืนถกเถียงกันไม่หยุด ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงเย็นชาหากแต่น่าฟังก็ดังขึ้น “พวกเจ้าทุกคนว่างมากจนกระทั่งมารวมตัวคุยเล่นกันเช่นนี้เลยหรือ?”

ทุกคนพลันสะดุ้งตกใจ หันมาทางต้นเสียงพร้อม ๆ กัน เป็นเด็กสาวที่มีเครื่องหน้างามหาผู้ใดเทียมกำลังเดินเข้ามาทางพวกเขาช้า ๆ รอบกายนางแผ่กลิ่นอายไม่แยแสคล้ายเทพเซียน ที่หน้าปากคือกลีบดอกไม้ห้ากลีบสะดุดตายิ่งนัก ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงหน้างามของนาง

จนกระทั่งนางเดินมาถึงตัวพวกเขาถึงหลุดออกจากภวังค์ แม้หญิงงามจะงามนัก หากแต่ท่าทีเย็นชาของนางนั้นไม่งามด้วย “ศิษย์พี่เยี่ยน!”

เด็กสาวคนนี้คือเยี่ยนหนิงลั่ว

ในฐานะสตรีอัจฉริยะแห่งชิงหลาน นางติดอันดับศิษย์สายหลักของสำนักละอองหมอก รั้งอันกับที่ 9

ในหมู่ศิษย์ 20 คน มีศิษย์หญิงเพียง 4 คนเท่านั้น ส่วนอีก 3 คนนั้นไม่ติดหนึ่งใน 10 อันดับ มีเพียงเยี่ยนหนิงลั่วที่เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียว อีกทั้งยังมีอายุน้อยที่สุดในหมู่ศิษย์อีกต่างหาก

เรื่องนี้ทำให้เหล่าศิษย์สายหลักรู้สึกเกรงนางอยู่บ้าง อีกทั้งนางยังเป็นคนโปรดของเจ้าสำนัก ตัวนางเองก็มีฝีมือไม่น้อย ดังนั้นศิษย์คนอื่น ๆ จึงเรียกนางว่าศิษย์พี่เยี่ยนด้วยความเคารพแม้นางจะมีอายุน้อยกว่าก็ตามที

แต่แน่นอนว่าที่ผู้คนกลัวนางไม่ใช่เพราะฝีมือนางเพียงเรื่องเดียว แต่เป็นเพราะอีกฐานะหนึ่งของนางในสำนักต่างหาก นั่นก็คือฐานะรองผู้คุมกฎของหอกฎสำนัก

หัวหน้าผู้คุมกฎของหอกฎสำนักคือสตรีอายุราว 40 กว่าปีที่เข้มงวดกับทุกคน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงชื่นชอบเยี่ยนหนิงลั่วนัก ถึงกับออกหน้าขอตำแหน่งรองผู้คุมกฎให้เยี่ยนหนิงลั่วกับท่านเจ้าสำนักโดยตรง เมื่อศิษย์สายหลักถูกพบว่าทำผิดกฎหรือระเบียบภายในสำนัก นางก็สามารถลงมือลงโทษคนผู้นั้นได้ทันทีแล้วค่อยรายงานเรื่องทีหลังได้

ดังนั้นจึงพอจินตนาการได้ว่าทุกคนจะเกรงกลัวนางถึงเพียงไหน กลัวว่านางจะค้นพบความผิดที่ตนเคยกระทำไว้

ดังนั้นเมื่อนางมาถึง ทุกคนจึงรีบทักทายและหายไปราวกับฝูงนกแตกรัง

เยี่ยนหนิงลั่วมักแผ่กลิ่นอายเย็นชาสูงส่งอยู่ตลอด ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบเท่าไรนัก แต่ในเมื่อเป็นหนึ่งใน 20 อันดับ ความสัมพันธ์กับคนอันดับอื่น ๆ จึงไม่ได้ย่ำแย่นัก

สำหรับนางแล้ว นางจะยอมเป็นสหายกับคนมีฝีมือเท่านั้น

“หนิงลั่ว เจ้าออกจากการออกไปบำเพ็ญโดยสันโดษแล้วหรือ?”

เมื่อเห็นว่านางเดินเข้ามา คนสองคนที่กำลังประลองกันอยู่ก็หยุดมือ เป็นเด็กสาวที่เอ่ยทักขึ้นก่อน

เยี่ยนหนิงลั่วพยักหน้า “เป็นอย่างไรบ้าง? ช่วงนี้สบายดีหรือไม่?”

เด็กสาวพลันตอบด้วยเสียงถอนใจ “ไม่ดีเท่าไหร่ ช่วงนี้อาจารย์กดดันพวกเรามาก แม้การหลุดจากอันดับจะไม่ถึงขั้นถูกไล่ออกจากสำนัก แต่อาจารย์กล่าวว่าหากพวกเราทำให้เขาต้องเสียหน้าก็อย่าได้กลับไปอีก”

“ผู้อาวุโสโม่นั้นเข้มงวดกว่าผู้อื่นเล็กน้อย ฉะนั้นพวกเจ้าสองคนต้องทำให้เต็มที่” เยี่ยนหนิงลั่วคลี่ยิ้ม

เด็กสาวได้ยินแล้วก็มองนางด้วยความอิจฉา “ข้าชื่นชมพวกเจ้าที่อยู่ใน 10 อันดับนัก กระทั่งเด็กสาวอย่างเจ้ายังทรงพลังถึงเพียงนี้ เจ้าอายุน้อยกว่าข้า แต่กลับสามารถไต่อันดับมาจนถึงอันดับที่ 9 ได้ภายในปีเดียว! ก่อนหน้านี้เจ้าซ่อนความสามารถตนเอาไว้หรือไร?”

เยี่ยนหนิงลั่วกัดริมฝีปากตนเล็กน้อยก่อนตอบ “ข้าอยู่รั้งท้ายใน 10 อันดับเท่านั้น เป้าหมายของข้าคือการขึ้นไปเป็นหนึ่งใน 5 อันดับแรก”

“หนึ่งใน 5 อันดับแรก?” เด็กสาวได้ยินก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ “ไม่ยากไปหน่อยหรือ? เจ้าน่าจะรู้ว่าคนพวกนั้นนับเป็นตำนานของสำนักละอองหมอกมานานหลายปี ไม่เคยเสียตำแหน่งมาก่อน! ไม่ต้องกล่าวถึงพวกอันดับต้น ๆ เลย กระทั่งอันดับที่ 5 ศิษย์พี่ซู่หลีม่อยังมีสถิติที่ไม่มีใครในสำนักละอองหมอกทำลายได้มาก่อน ที่เขาท้าประลองฝีมือกับคน 300 คนในหนึ่งวัน อีกทั้งยังไม่แพ้ใครเลย”

เป็นสถิติประลองชนะ 300 ครั้งติด ไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ว่ากับใคร แค่เรื่องที่ประลองกับคนมากมายขนาดนั้นภายในหนึ่งวันติดต่อกันก็ต้องใช้แรงไปมากมายเท่าไรแล้ว

ดังนั้นเมื่อซู่หลีม่อสร้างสถิติเอาชนะคน 300 คนติดต่อกันได้ เหล่าอาจารย์ก็สงสัยว่าเขาใช้ยาใดหรือไม่ แต่เมื่อตรวจสอบดูกลับพบว่าเขาไม่ได้ใช้ยาใด เอาชนะคนทั้งหมดด้วยกำลังตนเองทั้งสิ้น หมายความว่าเขามีฝีมือน่าอัศจรรย์ใจนัก

ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนคิดอยากโค่นบัลลังก์คนทั้ง 5 มาก่อน หากแต่แค่ซู่หลีม่อที่มีพลังมากไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพียงคนเดียวยังเอาชนะได้ยากมากแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอันดับสูงกว่าที่เหลือด้วยซ้ำ

ในหมู่ศิษย์หญิงทั้งหลาย เห็นได้ชัดเจนว่าเยี่ยนหนิงลั่วนั้นอยู่บนจุดสูงสุด แต่เดิมทีร่างกายสตรีก็อ่อนแอกว่าบุรุษอยู่แล้ว ดังนั้นการจะโค่น 5 อันดับที่เป็นผู้ชายทั้งหมด ทั้งยังมีฝีมือสะท้านสวรรค์จึงนับเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่คิดแล้วจะสามารถทำได้ง่าย ๆ

เยี่ยนหนิงลั่วได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงเบา “ในเมื่อข้าฟันฝ่าคนนับร้อยมาถึงอันดับ 9 ได้ ไต่ขึ้นไปถึง 5 อันดับแรกก็อีกไม่ไกลสำหรับข้า”

“เช่นนั้นข้าก็ขอให้เจ้าทำสำเร็จโดยเร็ว” เด็กสาวเอ่ยตอบเสียงเจ้าเล่ห์

เยี่ยนหนิงลั่วจึงหมุนตัวเดินจากไป หากแต่พลันได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นเบื้องหลัง “เชื่อมั่นในตนเองนั้นเป็นสิ่งดี แต่หากเชื่อมั่นเกินควรนั้นคือหยิ่งยโส…..”