บทที่ 96 ครั้งแรกที่รู้สึกกังวล
“คนที่รับผิดชอบคือใคร?” ซู่จี้งยี้วางปากกาลง ท่าทีก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง ต้องการความชัดเจนในเรื่องนี้
ทนายลองคิดแล้วก็คิด แล้วรีบตอบกลับในทันที “สัญญาโดนฉีกไปแล้ว แต่ว่าตอนที่อีกฝ่ายเซ็น ผมรองกระดาษเอาไว้ด้านล่างด้วย น่าจะยังมีรอยเหลืออยู่”
พูดจบ ทนายก็เอาม้วนกระดาษสีขาวออกมาจากกระเป๋า ทั้งสองคนเดินไปรวมตัวกัน เห็นเป็นรอยรางๆสามตัว
เจียงหยุนเอ๋อ
ซู่จี้งยี้อ่านออกมาทีละตัวๆ หลังจากที่อ่านจบสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตกใจในทันที
เป็นเธอได้ยังไง?
ในตอนที่กำลังตกใจ ซู่จี้งยี้ก็กระชากแขนเสื้อของทนายเอาไว้แล้วถามขึ้นเสียงดัง “ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
เห็นท่าทางร้อนรนของซู่จี้งยี้ ถึงแม้ว่าทนายเองก็ยังคงรู้สึกสงสัย แต่ว่าก็รีบตอบในทันที “เป็นอย่างนี้ครับ มีคนขอให้ผมเป็นไปพยานให้ แต่ปรากฏว่าระหว่างกลางพวกเขาวางยาเธอ ทำให้เธอสลบไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากนั้นจะทำอะไรบ้าง……”
ซู่จี้งยี้เองก็รู้เรื่องสถานการณ์ในครอบครัวของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นก็ตรงกันพอดี
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที ขนาดที่ทำให้ทนายที่ยืนอยู่ข้างๆตกใจแทบแย่ เขาพูดขึ้นด้วยความกังวล “เจ้านาย เรื่องนี้มันร้ายแรงมากเลยเหรอครับ?”
ซู่จี้งยี้มองต้อนเขาแล้วพูดขึ้น “คุณออกไปก่อนเถอะ เรื่องนี้….ครั้งนี้ก็ช่างมันไป ยังดีที่คุณยังกลับมาบอกผม แต่ว่าต่อไปให้ดีก็อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“ครับ ครับ” บนหน้าผากของคุณทนายเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาแล้ว โชคดีที่ครั้งนี้เจ้านายไม่ได้เอาเรื่องเขา ไม่อย่างนั้น…เขาเองก็คงวิตกเหมือนกัน
หลังจากที่ตัวทนายออกไปแล้ว ซู่จี้งยี้ก็รีบโทรศัพท์หาลี่จุนถิง
ตอนแรกลี่จุนถิงยังคงประชุมอยู่ หลังจากที่ได้รับสายจากซู่จี้งยี้ เขาก็ขมวดคิ้วแน่น แล้วกดตัดสายโดยไม่ลังเล
ปรากฏว่า ซู่จี้งยี้ยังคงพยายามที่จะโทรหาเขาอีกเรื่อยๆ จนในที่สุดทำให้ลี่จุนถิงขมวดคิ้วหนักขึ้น
เขารู้ ว่าถ้าไม่ได้มีเรื่องอะไรที่สำคัญมาก หลังจากที่เขากดวางสายไปแล้วซู่จี้งยี้ก็จะไม่โทรหาตัวเองติดๆกันแบบนี้
“ขอโทษครับ ผมขอออกไปรับโทรศัพท์สักครู่” ลี่จุนถิงพูดกับผู้เข้าร่วมประชุม หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องประชุมไป
หลังจากที่รับโทรศัพท์แล้ว น้ำเสียงของลี่จุนถิงก็ไม่ได้ฟังดูดีมากนัก “ให้ดีนะ เรื่องที่นายจะบอกฉันควรเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ”
ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญมากๆ ซู่จี้งยี้ก็คงไม่โทรหาลี่จุนถิงเหมือนกัน ตอนที่ได้ยินเสียงของลี่จุนถิง เขาก็รีบบอกเรื่องที่ตัวเองรู้ให้ลี่จุนถิงฟังโดยละเอียด
ลี่จุนถิงฟังอย่างตั้งใจ หัวคิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากวางสายเขาก็เดินเข้าไปในห้องประชุม พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “วันนี้เลิกประชุมก่อน”
ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งยังคงอยู่ในห้องประชุมอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ลี่จุนถิงก็เดินจากไปทั้งอย่างนั้น
บนรถ ลี่จุนถิงยังคงไม่หยุดโทรหาเจียงหนิงเอ๋อ แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับก็คือไม่มีใครรับโทรศัพท์ จนในที่สุดฝั่งนั้นก็ปิดเครื่องไป
สีหน้าของลี่จุนถิงดูโมโหขึ้นเรื่อยๆ หมัดลุ่นๆกระทบลงพวกมามาลัยรถ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกังวล
อีกด้านหนึ่ง ซู่จี้งยี้กับทนายก็กลับไปที่ตึกอีกครั้งหนึ่ง ขอวิดีโอกล้องวงจรปิดบริเวณที่จอดรถมา ตรวจเจอป้ายทะเบียนรถกับเส้นทางที่ขับไป แล้วก็รีบโทรบอกกับลี่จุนถิงในทันที
ในขณะเดียวกัน ซู่จี้งยี้ก็สามารถติดต่อกับตำรวจจราจรที่เป็นเพื่อนของตัวเองได้ แล้วขอให้เขาช่วยตามรถคันนั้นให้ แล้วก็รายงานกับลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงขับรถไปตามเส้นทาง แล้วเหมือนจะนึกออกว่าเส้นทางที่รถขับไปเหมือนว่าจะเป็นทางออกไปวิลล่าที่อยู่แถวๆนอกเมือง
ทางด้านเจียงหยุนเอ๋อ เจียงเย่เฉิงขับรถมาถึงหน้าประตูวิลล่าแล้ว รอแค่ให้เซียวอี้เฟิงมาเปิดประตูให้
เจียงเย่เฉิงโทรหาเซียวอี้เฟิง แต่เสียงที่ดังลอดมาในโทรศัพท์เป็นเสียงที่ทำให้คนฟังต้องหน้าแดง เขารู้ได้ทันทีว่าเซียวอี้เฟิงกำลังทำอะไรอยู่
ในตอนนี้เซียวอี้เฟิงกำลังอยู่บนเตียงกับสาวสวยร้อนแรงคนหนึ่ง ในตอนที่เซียวอี้เฟิงกำลังรับโทรศัพท์ ผู้หญิงคนนั้นก็ดึงคอเขาไปใกล้แล้วอ้อนขึ้น “คุณชายเซียวคุณจะทิ้งให้ฉันอยู่บนเตียงคนเดียวไม่ได้นะคะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะโกรธคุณนะ”
เซียวอี้เฟิงยิ้มแล้วใช้นิ้วถูลงไปบนจมูกของเธอ เสียงทุ้มพูดขึ้น “เด็กดี ไม่ดื้อนะ ผมมีเรื่องนิดหน่อย จัดการเรียบร้อยแล้วพวกเราค่อยมาต่อกันโอเคไหม?”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวแบะปากเล็กน้อย สีหน้ามีแต่ความไม่เต็มใจ
เซียวอี้เฟิงลุกขึ้นนั่งบนเตียง พูดกับเจียงเย่เฉิง “ผมขออาบน้ำแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวจะลงไป”
พูดจบเซียวอี้เฟิงก็เดินเอื่อยๆเข้าไปในห้องน้ำ
เห็นว่าเจียงเย่เฉิงวางสายไปแล้ว ฝู้ชูเหมยเลยรีบเข้ามาถาม “เป็นยังไง? คุณชายเซียวว่ายังไงบ้าง?”
“เขา….ยุ่งอยู่นิดหน่อย น่าจะอีกแป๊บหนึ่งถึงจะลงมา” สีหน้าของเจียงเย่เฉิงติดจะเขินอยู่หน่อยๆ
ได้ยินว่าเจียงเย่เฉิงพูดขึ้นแบบนี้ ฝู้ชูเหมยกับเจียงหนิงเอ๋อก็ร้อนใจ กลัวว่าหลังจากนี้จะมีเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีก
“เขาจะมีเรื่องอะไรกัน? เมื่อกี้ไม่ใช่ว่านัดกันเอาไว้ดีแล้วหรือไง?” ฝู้ชูเหมยพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห
“โถ่ คุณร้อนใจขนาดนี้ก็โทรหาเขา โทรไปเร่งเข้าด้วยตัวเองเลย เอาไหมล่ะ?” เจียงเย่เฉิงโยนโทรศัพท์ใส่อกของฝู้ชูเหมยด้วยความรำคาญ แล้วพูด
ฝู้ชูเหมยเหลือบมองโทรศัพท์แวบหนึ่ง แน่นอนว่าเธอไม่กล้าโทรไปเร่งเซียวอี้เฟิงทำได้แค่เม้มปากแน่น แล้วอดทนรอ
“แม่ พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าต้องรอนานขนาดไหน ถ้าเกิดว่าอีกเดี๋ยวยาของเจียงหยุนเอ๋อหมดฤทธิ์ขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?” เจียงหนิงเอ๋อถามขึ้นอย่างกังวล
ก่อนหน้านี้ก็เพราะกังวลว่าจะโดนเจียงหยุนเอ๋อจับได้ พวกเขาก็เลยใส่ยาลงไปน้อยมาก กลัวว่าเจียงหยุนเอ๋อจะได้กลิ่นแปลกๆ ดังนั้นฤทธิ์ยาก็น่าจะอยู่ได้แค่สองสามชั่วโมง
แถมตลอดทางที่มาพวกเขาก็เสียเวลาไปไม่น้อย ไม่แน่ว่าวินาทีถัดไปเจียงหยุนเอ๋อตื่นขึ้นมา ถ้าเกิดว่าตื่นขึ้นมาแล้ว เรื่องต่อจากนี้เดาว่าคงไม่ง่ายเหมือนตอนนี้
“อย่างนั้นจะทำยังไงอีก? คุณชายเซียวเองก็ไม่ยอมออกมาสักที หรือว่าจะให้บุกเข้าไป?” ฝู้ชูเหมยเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
แล้วพวกเขาก็เงียบลง แต่อีกแป๊บเดียวเซียวอี้เฟิงก็เดินมาเปิดประตูให้ บอดี้การ์ดสองสามคนเดินตามมาทางด้านหลัง
เจียงเย่เฉิงขับรถเข้าไปตรงสวนของวิลล่า แล้วบอดี้การ์ดก็มาเอาตัวเจียงหยุนเอ๋อออกไปจากรถ เซียวอี้เฟิงมองสำรวจเจียงหยุนเอ๋ออีกครั้ง แล้วพยักหน้าเบาๆ “ทำได้ดี”
พูดจบ เซียวอี้เฟิงก็หยิบเช็กแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หลังจากที่เขียนตัวอักษรขยุกขยิกเสร็จก็ส่งให้กับเจียงเย่เฉิง “เหนื่อยหน่อยนะ”
ฝู้ชูเหมยที่อยู่ข้างๆแย่งไปในทันที เซียวอี้เฟิงหรี่ตามองเธอ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ
ฝู้ชูเหมยมองตัวเลขบนเช็ก ห้าล้าน เธอโกรธขึ้งในทันที
ในตอนที่เซียวอี้เฟิงกำลังจะจากไป สายตาก็เหลือบไปเห็นเจียงหนิงเอ๋อที่อยู่ด้านข้างมาตลอด
แม่สาวคนนี้…..หน้าตาก็ใช้ได้ ถึงจะสู้เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้ แต่ว่าเจียงหยุนเอ๋อมีลูกไปแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ถูกใจ แต่ว่าเจียงหนิงเอ๋อคนนี้….ก็พอจะพิจารณาได้
เซียวอี้เฟิงยิ้มแล้วมองเธออยู่แป๊บหนึ่ง แล้วยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ “คุณหนูเจียง ทิ้งช่องทางติดต่อไว้ให้ผมได้ไหมครับ?”
ฝู้ชูเหมยที่ยืนอยู่ข้างๆกลัวว่าเจียงหนิงเอ๋อจะปฏิเสธ ไม่รอให้เจียงหนิงเอ๋อได้พูดอะไรเธอก็บอกเบอร์โทรศัพท์ของเจียงหนิงเอ๋อให้เซียวอี้เฟิงทันที กระบวนการทั้งหมดนี้เจียงหนิงเอ๋อแทบจะไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้…..ตอนนี้เธอจะมีคู่หมั้นแล้วก็ตาม