ตอนที่ 75 คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร
เส้นทางภูเขาขรุขระ
ปราณกระบี่วนเวียน
สองร่างเงาพุ่งตามกันไปบนเส้นทางใหญ่ภูเขาคราม
ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าลอยขึ้นจากพื้นตามกัน คุณชายหนุ่มสำนักศึกษาคนนั้นตัวลอยล่องดุจจอกแหน เหยียบบนกิ่งไม้ของต้นไม้โบราณ ฝนตกหนัก พายุก่อตัว ใบไม้หนาที่จุ่มไปในน้ำฝนดำมืดถูกพายุพัดขึ้น ลอยตามหลัง ใบหน้าเขาสงบนิ่งเป็นปกติ แขนเสื้อใหญ่สองข้างลอยไปตามลม ตัวแทบจะแนบไปกับพื้น ย่ำไปเหมือนแมลงปอเหยียบน้ำ พุ่งไปอย่างรวดเร็ว
ธรรมชาติอยู่กลางฟ้าดิน
มาถึงพลังบำเพ็ญอย่างเขา แค่หายใจ ก็มีกฎสัมผัสฟ้าดิน
แสงดาราเข้ามาเป็นจุดๆ รุนแรงกว่าพายุคลั่ง บุตรสู่ฟ้าไม่จำกัดตัวเองอีก แต่เตรียมจะออกมือทำศึกใหญ่อย่างแท้จริง
ภูเขาครามลูกนี้ ดูสูงตระหง่านและเงียบอย่างชัดเจนท่ามกลางพายุฝนและประกายสายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นบางครั้ง
พายุคลั่งเฉียบคมพัดผ่านไป
เด็กหนุ่มที่แบกรูปปั้นเคียงกระบี่ไว้ข้างหลังนั้น วิ่งไปบนเส้นทางภูเขาครามเงียบๆ หนิงอี้เคลื่อนไหวไม่เร็ว ดวงจิตของเคียงกระบี่ฟื้นกลับมาต้องยกประโยชน์ให้กับที่ราบกระดูกของตน ตอนที่กัดกินผลึกความเป็นเทพของราชาหัวใจราชสีห์และยังไม่ปะทุการต่อสู้นั้น ดวงจิตของยอดนักกระบี่ท่านนี้ยังคงเงียบ
เศษหินและต้นไม้ใหญ่รวมถึงรากมากมายพุ่งเข้ามา หนิงอี้มีสีหน้าแน่วแน่ ปราณกระบี่นั้นในกายเขาฟันทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
เสียงอ่อนโยนของเคียงกระบี่ดังขึ้นในทะเลสาบจิตของหนิงอี้อีกครั้ง
“เส้นทางนักกระบี่ที่เจ้าเดิน เยี่ยมมาก…หลังจากข้า โลกปรากฏอัจฉริยะอีกมากมาย นี่เป็นเรื่องดี” เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพูดงึมงำ “ความชำนาญวิถีกระบี่ของคนนี้ หากเดินต่อไปจะต้องน่าตกใจมากแน่”
หนิงอี้รู้ว่าเคียงกระบี่พูดถึงใคร
เส้นทางกระบี่ของตนบุกเบิกมาได้ต้องยกความดีให้กับสวีจั้ง
และวิถีกระบี่ของสวีจั้งก็ได้ท่านเผยหมินเป็นคนสอน
หนิงอี้เงยหน้าขึ้น คุณชายหนุ่มที่ทะยานไปรวดเร็วยิ่งคนนั้นเหมือนเลือกภูเขาครามแห่งนี้เป็นสนามรบ
จวนขานฟ้ามีมรดกสืบทอดกันมายาวนาน ภูเขาครามใหญ่ลูกนี้ตกตะกอนและมีโชคลิขิตมากมาย คุณชายหนุ่มทะยานไป ดูดซับเอาพลังปราณเดิมกับแสงดาราในฟ้าดินมาไม่ขาด ตั้งใจจะเสริมความแกร่งให้ตนถึงจุดสูงสุด
ดวงจิตของเคียงกระบี่เหมือนไม่เกิดคลื่นใดๆ ผู้อาวุโสท่านนั้นมองเห็นการกระทำของคุณชายหนุ่มเช่นกัน แต่ไม่สนใจ เพียงแค่มองอย่างเฉยชา ปล่อยให้คุณชายหนุ่มเพิ่มพลังไปเรื่อยๆ
“ผู้อาวุโส…คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของท่านเป็นใครกัน”
หนิงอี้ถามอย่างระมัดระวัง
ดวงจิตของเคียงกระบี่เงียบ
“คนที่ต่อให้อยู่ในใต้ฟ้าต้าสุยทั้งสี่เขตแดน ในพันปีมานี้ อย่างน้อยก็ติดสิบอันดับแรกได้”
หนิงอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย
เคียงกระบี่บรรลุขอบเขตสูงยิ่ง ยังได้รับคำชมจากเขาเช่นนี้ได้…
เป็นคนแบบใดกันแน่
“วางใจเถอะ…เจ้าต้องเคยได้ยินแน่” เคียงกระบี่พูดนิ่งๆ “ฉายาและระดับของเขาสูงมาก ไพ่ตายนั่นที่สำนักศึกษาจะเอาออกมาใช้ในตอนสุดท้าย ก็คือเขา”
หนิงอี้รู้คำตอบคร่าวๆ ในใจแล้ว
เคียงกระบี่พูดงึมงำ “ข้าเหลืออีกก้าวเดียวจะทะลวงพลัง แต่ถูกพวกเฉาผีฉวยโอกาสวางอุบาย พวกเขาพาหนวดมังกร อักษรเต่าและรุ้งขาวกระบี่สามเล่มนี้มาปิดแดนเทวาเล็กของข้า พาทั้งแดนเทวาเล็กไปที่สุสานจักรพรรดิ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เคียงกระบี่ชะงักไป หนิงอี้รู้สึกได้ว่าดวงจิตของผู้อาวุโสกำลังกวาดสายตามองภายในกายตน เหมือนอยากมองให้ออกว่าตนได้ก้าวไปในสุสานจักรพรรดินั้นหรือไม่
คำตอบชัดเจนมาก
เคียงกระบี่หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยต่อ “การต่อสู้นั้นไม่ได้ดุเดือดเท่าไร นักกระบี่สามคนของสำนักศึกษาประเมินศักยภาพข้าต่ำเกินไป หากพวกเขาสู้ตัวต่อตัว เติมพลังให้อีก…ก็ยังสู้บุตรสู่ฟ้าคนนี้ไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงชิงสามกระบี่ เตรียมปิดด่านบำเพ็ญอีกครั้ง แต่ก็เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้น”
หนิงอี้มาถึงบนยอดภูเขาคราม วางรูปปั้นหินลงพื้น
เขาพ่นลมหายใจยาว พอจะรู้แล้วว่าจากนี้เกิดอะไรขึ้น
เคียงกระบี่ก้มตัวสองมือกดหัวเข่า ใบหน้าเริ่มมีราศีขึ้นมาทีละนิด
เสียงของดวงจิตนั้นจริงจังขึ้นมา
“หนิงอี้ การจะเป็นอมตะ…ยากมาก ยากมากจริงๆ ข้าฝากดวงจิตไว้ ปราณกระบี่ในแดนเทวาเล็กผนึกความเป็นเทพที่เหลือ ก็เพื่อรับศึกนี้”
เด็กหนุ่มชุดคลุมดำมองรูปปั้นหินสูงใหญ่นั้น ดวงจิตของเคียงกระบี่เอ่ยเนิบนาบ “หลังจบศึกนี้ หากร่างนี้ไม่แหลกสลาย เช่นนั้นเจ้าใส่ความเป็นเทพเข้าไป ข้าก็ยังฟื้นคืนชีพมาได้…แต่ความเป็นเทพที่เจ้าต้องจ่าย ไม่ใช่ปริมาณเท่าตอนนี้อีก”
หนิงอี้ยืนกลางพายุฝน
เขาเม้มริมฝีปาก กำหมัดแน่น
ศึกสุดท้าย เผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตท่านนั้นของจวนขานฟ้า แม้แต่ผู้อาวุโสเคียงกระบี่…ก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรหรือ
รูปปั้นนั้นไม่ได้คืนชีพมาในทันที เพียงแค่ยกมุมปากเล็กน้อย พูดเสียงเบา “การบำเพ็ญวิถีกระบี่มีวิธีเป็นพันเป็นหมื่นวิธี แต่คุมกระบี่ดรรชนีสังหารเป็นวิธีที่สบายที่สุด…ข้าจะใช้กระบี่บินสามเล่มนี้เป็นตัวอย่าง ให้โชคลิขิตกับเจ้า”
หนิงอี้หลับตาลงช้าๆ
เขาพูดคำหนึ่งในใจ
“ดี”
ดวงจิตของเคียงกระบี่กระเพื่อมในทะเลสาบจิต วิญญาณของบรรพจารย์สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวคนนี้ค่อนข้างอ่อนโยน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายเลย
เคียงกระบี่พูดเบาๆ “หนิงอี้ ปล่อยตัวตามสบาย”
หนิงอี้ปล่อยตัว ให้ดวงจิตผ่านไปในสามร้อยหกสิบทวารทั่วร่างกาย
…………..
บุตรสู่ฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศแขนเสื้อและชุดคลุมใหญ่พองขึ้น จอนผมลู่ตามลมและยาวขึ้น ใบหน้ามีชีวิตชีวา ผิวพรรณเปล่งแสง ประกายในแววตาเพิ่มมากขึ้น กลับมาในช่วงที่หนุ่มที่สุด
คลับคล้ายคนในหมู่เทพเซียน
ขอบเขตนิพพาน มุ่งสู่ความตายและถือกำเนิด
หากสู้เต็มที่ก็จะลุยน้ำผ่านไปกลางแม่น้ำชีวิตที่ตนผ่านมาช้าๆ เลือกขอบเขตที่ตนมีกำลังรบแกร่งที่สุด
บุตรสู่ฟ้ายกสองฝ่ามือขึ้น ซ้อนมือกันช้าๆ
พลังฟ้าดิน เมฆลมเปลี่ยนไป
“เดิมทีข้าคิดว่าผ่านไปหลายปี สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวจะไม่เหลือไพ่ตายไว้แล้ว…” บุตรสู่ฟ้าหรี่ตาลง สองมือซ้อนกัน กลางฝ่ามือเล็งไปที่เด็กหนุ่มชุดคลุมดำกับรูปปั้นหิน
“ไม่นึกเลยว่าจะยังกำเนิดยอดนักกระบี่ที่ว่าได้ เจ้ามีฉายาใด”
รูปปั้นหินนั้นเหมือนแน่นิ่ง
หนิงอี้พ่นสามคำ
“เคียงกระบี่!”
“เคียงกระบี่…พวกไร้ชื่อเสียง”
คุณชายหนุ่มที่ผ่านกาลเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานยิ่งเอ่ยอย่างเฉยชา “ข้าฝึกบำเพ็ญมาหลายร้อยปี ไร้พ่ายมาตลอด ชีวิตใช้เพียงฝ่าเท้าหมิ่นดาบและกระบี่มาตลอด”
เมื่อเอ่ยจบ
ฝ่ามือซ้อนกับหลังมือ
ประกายสายฟ้ามาเยือน ภูเขาครามสั่นไหว
ภายใต้พายุคลั่งบนยอดภูเขาคราม พายุดาบแหลมคมพลันเฉียดผ่าน ทำลายล้างต้นไม้โบราณและพืช สิ่งมีชีวิตก้มหัว ใบไม้ปลิวว่อน
มือยักษ์ข้างหนึ่งกดลงบนยอดภูเขาคราม ต้นไม้โบราณที่ถูกดึงขึ้นจากพื้นถูกมือยักษ์นี้บดจากบนลงล่างกลายเป็นผุยผง พลันแตกกระจาย ระเบิดเป็นเศษไม้ แสงดารากับสายฝนหมุนวนย้อนกลับ
ใจกลางพายุต่างกับภายนอก หลังพายุรวมตัว ทุกสรรพสิ่งเงียบสงัด
กระบี่บินสามเล่มแน่นิ่ง
หนิงอี้เลิกปลายคิ้วขึ้น ลืมตาด้วยใบหน้าไม่ยินดียินร้าย
ตอนนี้ พลังบำเพ็ญวิถีกระบี่ของหนิงอี้ก้าวข้ามตัวเองไปจนน่าเหลือเชื่อ
เขายกมือขึ้นช้าๆ
เหมือนกับตอนนั้นที่จวนภูเขาคราม ดีดนิ้วไปทางรุ้งขาวเบาๆ ก่อน ทว่ากระบี่บินที่มีระดับสูงยิ่งนี้ไม่ได้พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม แต่หยุดชะงักเล็กน้อย ปลายกระบี่ที่ปักลงพื้นกระดกไปข้างหน้าช้าๆ รอหนิงอี้ดีดกระบี่บินสามเล่มช้าๆ จนเมื่อนิ้วมือสัมผัสตัวกระบี่หนาของอักษรเต่าและเกิดเสียงกระทบดังก้องนั้น
กระบี่บินสามเล่มแทบจะพุ่งไปพร้อมกัน สีดำขาวแดงตัดสลับกันในฟ้าดิน
ฟันพายุผ่าขาด
ฟันน้ำฝนแตก
ฟันต้นไม้โบราณหัก
หัวไหล่ของคุณชายหนุ่มถูกเสียงดัง ‘ฟิ้ว’ ทะลวง บุตรสู่ฟ้าม่านตาแคบลง ครั้งนี้หัวไหล่เขาเกิดความเจ็บปวดจริงๆ สิ่งที่กระจายออกไปไม่ใช่แสงดารากระจัดกระจายอีก แต่มีเลือดสีแดงฉานปนไปด้วย
“วิชาคุมกระบี่ดรรชนีสังหาร…” หนิงอี้พูดงึมงำ
ดวงจิตของเคียงกระบี่ไหลเวียนไปทั่วร่าง
กลางฟ้าดิน บนภูเขาคราม ปราณกระบี่ยืดยาวดุจเส้นยาว แดงฉานดุจเลือด ดำสนิทดั่งราตรี ขาวซีดเหมือนหิมะปลิวว่อน สายฟ้าปรากฏขึ้น วิชาดรรชนีสังหาร คุมกระบี่ใช้เพียงหนึ่งความคิด ปราณกระบี่แปลงเป็นเส้นใย หนิงอี้ก็คือ ‘ผู้คุมกระบี่’ ในฟ้าดินแห่งนี้
ดวงตาหนิงอี้ขยับประกายวาว
เขากำหมัดและลากผ่านในอากาศ ข้างหลังหัวใจของตัวคุณชายหนุ่มเหมือนถูกสายฟ้าผ่า เขาหน้าซีดขาวและกระอักเลือดคำใหญ่ กระบี่ยาวหนวดมังกรไปๆ มาๆ ทะลวงผ่านหัวใจหลายสิบครั้ง ปราณกระบี่รวดเร็วและเหี้ยมโหดจนคนรู้สึกเหลือเชื่อ
คุณชายชราที่หยุดอยู่ขอบเขตนิพพานมานานยิ่งและหลับใหลในสุสานสำนักศึกษาคนนี้ ต่อให้เป็นตอนที่สมบูรณ์ที่สุดก็ไม่อาจใช้กายเนื้อกับดวงจิตจับเค้าโครงของปราณกระบี่ได้
หนิงอี้ที่ยืนบนภูเขาคราม ปล่อยตัวตามสบาย ให้เคียงกระบี่ใช้ดวงจิตสำแดงคุมกระบี่ดรรชนีสังหาร เหมือนเข้าสู่ขอบเขตที่ลี้ลับอย่างยิ่ง
กระบี่ยาวสามเล่มสาดกระจายดอกไม้เลือดตามปลายนิ้วของหนิงอี้ไม่หยุด คุณชายหนุ่มคนนั้นบนฟ้าถูกปราณกระบี่ย่ำยีไปมา อยากจะใช้พลังเฮือกหนึ่ง ใช้สองมือสองเท้าเหยียบปราณกระบี่นี้ให้แตก แล้วเข้าประชิดตัวหนิงอี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายหมดสภาพ เลือดอาบทั้งตัว เส้นผมกระเซิง คำรามเสียงดัง
“เคียงกระบี่ กล้าสู้กับข้าอย่างซึ่งหน้าหรือไม่!”
ค่ำคืนมืดถูกประกายสายฟ้าจุดแสงสว่าง
“ได้!” หนิงอี้พุ่งขึ้น ตอนนี้ในดวงตาเขาจุดประกายแสงสีทองลุกโชน ใต้ภูเขาคราม ในสุสานจักรพรรดิที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน เหมือนมีดวงจิตแก่กล้าเริ่มตื่นขึ้น
ดวงจิตของเคียงกระบี่แนบกับตัวหนิงอี้
เขาพุ่งตัวออกไป
เอ่ยคุมกระบี่ดรรชนีสังหารในใจเงียบๆ
หนวดมังกร อักษรเต่าและรุ้งขาวกระบี่ยาวสามเล่มพุ่งตัดสลับกัน แนบกายกลับมา
คุณชายหนุ่มทำหน้าเหี้ยมเกรียม กำสองหมัดแน่น รับมือกับการทุบหัวลงมา
หนิงอี้ทุบหมัดลงมา
หมอกโลหิตระเบิดกลางฟ้าดิน
บุตรสู่ฟ้าที่พลังบำเพ็ญสูงถึงนิพพานและเป็นความภูมิใจของสามสำนักศึกษา ถูกหมัดที่เคียงกระบี่รวมด้วยเจตจำนงกระบี่ทุบระเบิดกระจาย!
…………………………