ตอนที่ 127 เดอ ครุช วันที่สี่ ช่วงเช้า

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

127 ทำงานต่างประเทศที่แว็ง เดอ ครุช วันที่สี่ ช่วงเช้า

 

“คุณหนูค่ะ ดูเหมือนว่าวันนี้เรือเหาะจะไม่สามารถออกบินได้ค่ะ”

 

พนักงานโรงแรมมาที่ห้องแต่เช้า ริโนกิสที่แต่งตัวชุดนักผจญภัยและเตรียมออกเดินทางเป็นคนไปคุย

ธุระคือข้อความจากบริษัทเซโดนี

 

หลังจากได้รับข้อความจากพนักงานโรงแรม ริโนกิสก็มาบอกฉันซึ่งกำลังรออยู่ที่โต๊ะ

 

“เหรอ”

 

วันนี้ไปทำงานไม่ได้สินะ

 

ฉันสวมชุดฝึกเตรียมพร้อมที่จะออกไปได้ในทันที แต่ผมยังไม่ได้ถูกย้อม

เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นบางสิ่งสีขาวกำลังเต้นระบำแรงพอสมควร

การยกเลิกจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ฉันรู้สึกสงสัยตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว กัปตันบอกว่า「ถ้าหิมะตกจนถึงวันพรุ่งนี้ เรืออาจจะออกไม่ได้」

และก็ตามที่คาดไว้ สถานการณ์ที่ฉันต้องการหลีกเลี่ยงก็มาถึง ด้วยเหตุนี้ฉันจึงได้รับข่าวร้าย

 

เรือเหาะไม่สามารถออกตัวได้ เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายที่มีหิมะตกหนัก

นี่คือสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างไม่อาจช่วยได้จริง ๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเรือเหาะในขณะที่กำลังบิน และจมลง คงไม่อาจมองข้ามได้ เราไม่สามารถละเลยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตไปได้

 

แม้จะอยู่บนท้องฟ้า แต่โดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกับชาวประมง

สภาพท้องฟ้าและท้องทะเลเป็นตัวกำหนดว่าจะสามารถออกเรือได้หรือไม่

 

“นอกจากนี้ ยังได้รับผลการประเมินสัตว์อสูรจากเมื่อวานนี้ด้วยค่ะ อยากจะตรวจสอบไหมคะ?”

 

“ไม่ล่ะ ฉันไว้ใจ”

 

อย่าให้ฉันต้องได้เห็นตัวเลข แค่ทำการบ้านก็เหนื่อยมากพอแล้ว

 

……แต่ ม๊า นั่นสินะ

 

“แต่ฉันก็อยากรู้ว่าพวกเรารวบรวมได้เท่าไหร่แล้ว”

 

“อยากรู้อยู่ดีสินะคะ”

 

ขณะที่พูดแบบนั้น ริโนกิสก็เปิดซองจดหมายที่พึ่งได้รับมา และตรวจดูเอกสารข้างใน

 

“หากสามารถนำเรือความเร็วสูงออกได้ คิดว่าจะมีเวลาออกล่าได้จนถึงวันพรุ่งนี้ค่ะ แต่ถ้าหากไม่ได้ ก็จะจบลงในวันนี้ นั่นหมายถึงหากวันนี้ต้องหยุดออกล่า ก็หมายความว่าการมาทำงานต่างประเทศครั้งนี้จบลงแล้วค่ะ”

 

อุมุ วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายแล้วจริง ๆ

พวกเราได้แจ้งกำหนดการเข้าพักให้บริษัทเซโดนีรู้ไปก่อนหน้าแล้ว แต่พวกเขาก็บอกว่าไม่รู้ว่าจะสามารถเตรียมเรือความเร็วสูงให้ออกตามเวลาได้หรือไม่ 

และถ้าหากพรุ่งนี้ อากาศยังไม่ดีขึ้น การล่าก็จะต้องถูกยกเลิกเหมือนวันนี้

 

ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ฉันก็ไม่สามารถเปลี่ยนวันเปิดภาคเรียนที่สามของสถาบันการศึกษาได้ ดังนั้นก็ถือว่าเป็นการยืนยันแล้วว่าฉันจะต้องขึ้นเรือเหาะกลับบ้านในวันพรุ่งนี้

ทว่า จะกลับเวลาไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

ฉันควรขึ้นเรือตั้งแต่เช้าเลย หรือว่าจะขึ้นตอนเย็นดี

ปัจจัยสำคัญคือ ฉันจะสามารถหาเงินเพิ่มในเวลาครึ่งวันได้แค่ไหน

 

“――เอ๊ตโตะ ตั้งแต่วันแรกจนถึงเมื่อวาน ได้ราว ๆ หนึ่งร้อยล้าน กับอีกต่ำกว่าหกสิบล้านนิดหน่อยค่ะ”

 

หนึ่งร้อยล้าน กับอีกต่ำกว่าหกสิบล้าน

 

“ครึ่งหนึ่งของที่ตั้งใจสินะ”

 

“เป้าหมายที่สามร้อยล้านครัมสินะคะ ……ถึงอย่างงั้น ที่คุยกันอยู่นี่ก็รู้สึกเหมือนกำลังทำให้ความรู้สึกทางการเงินของดิฉันผิดปกติไปเลย”

 

หืม? อืม……ม๊า ฉันไม่มีความรู้สึกเรื่องเงินมากนักตั้งแต่แรก ดังนั้นฉันจึงไม่เข้าใจตรรกะนั้นจริง ๆ แต่ว่า

 

“หาได้เกินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านได้ในสามวัน ฉันคิดว่าก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะ”

 

และริโนกิสก็พับเอกสารเก็บกลับลงในซองจดหมาย

 

“……ถ้าแบบนี้ แผนของวันนี้ เอาเป็นทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อวานดีไหมน่ะ?”

 

อืม ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว ก็ตั้งเป้าไปที่รายได้ทางอื่นแล้วกันน่ะ

 

“ดิฉันขอคัดค้านค่ะ ไม่สนหรอกนะคะ ว่าเขาจะเป็นเจ้าชายหรืออะไร แต่ผู้ชายคนนั้นไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิดค่ะ เป็นผู้ชายเหลาะแหละแบบที่ไม่ควรให้คุณหนูเข้าใกล้เด็ดขาด ไม่น่าไว้วางใจสุด ๆ เลยค่ะ”

 

ไม่เอาสิ เธอพูดแบบนั้นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วน๊า

 

“ลองคิดถึงอายุดูสิ ฉันอายุเจ็ดขวบ ส่วนทางนั้นน่าจะสิบแปดแล้วล่ะมั้ง?”

 

พวกเราอายุห่างกันตั้งขนาดนั้น จะมาพูดกังวลเรื่องอะไรอีก

 

“ไม่ได้เข้าใจเลยสินะคะ ก็สมกับเป็นคุณหนูอยู่เหมือนกัน”

 

กำลังดูถูกกันอยู่สินะ พูดออกมาทางสายตาหมดแล้ว อะ? อะไร? มีอะไรจะพูดรึไง?

 

“จะดีเหรอคะ? ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าคุณหนูนั้นน่ารักกว่าทุกสิ่งใด ๆ ที่มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ และก้าวข้ามขอบเขตระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก มีผู้คนมากมายรวมทั้งดิฉันที่พร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อความน่ารักนั่น หากคิดว่าตนเองปลอดภัยเพราะทัศนคติที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ทั้งไม่มั่นคงและอ่อนแอที่ว่า『ไม่เป็นไร เพราะเป็นเด็ก』ทัศนคตินั้นจะทำให้ต้องเผชิญหน้ากับประสบการณ์ที่เจ็บปวดได้นะคะ? จากนี้ไป ดิฉันอยากให้คุณหนูคิดไว้เสมอว่า ฝ่ายตรงข้ามอาจเป็นพวกไม่ปกติ『เจ้านี้อาจจะเป็นคนหน้าด้านที่ถึงเป็นเด็กก็จะเอา』 เข้าใจไหมคะ?”

 

……อืม เข้าใจแล้ว

 

ไม่คุ้มค่าที่ฟังเลยสักนิด

 

“จ๊า งั้นไปกันเถอะ”

 

“ได้ยินที่ดิฉันพูดไหมคะ!? เจ้าผู้ชายเหลาะแหละนั้น ห้ามเด็ดขาดค่ะ! เป็นผู้ชายสำอางเจ้าชู้เลยนะคะ!”

 

คนที่อาจเป็นผู้นำของพวกคนไม่ปกติที่ควรถูกทำความสะอาดแล้วโยนทิ้งไปกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ไม่คุ้มที่จะฟัง อย่าไปฟังเลย เธอเป็นสาวใช้ที่ไม่สามารถไว้วางใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

 

“――จริงด้วย……จริงด้วย! สุดยอดดดดด!  เนีย・ลิสตันล่ะ!”

 

เมื่อคืน

เรื่องนี้เกิดขึ้นในตอนที่ฉันได้พบกับฮิเอโร่・อาร์ตัวร์ เจ้าชายลำดับที่สองแห่งอาณาจักรอาร์ตัวร์ตามที่ได้นัดหมายไว้

 

ในทันทีที่ได้เจอกัน ชายคนนั้นก็ได้ผลักฮิเอโร่・อาร์ตัวร์ซึ่งเป็นตัวละครหลักออกไป และพูดคำเหล่านั้นออกจากปากด้วยความตื่นเต้น

 

และคน ๆ นั้นก็คือ คริสโต・แว็ง เดอ ครุช เจ้าชายลำดับที่สี่แห่งจักรวรรดิแว็ง เดอ ครุช

 

เนื่องจากเป็นการพบปะในสถานที่ที่ไม่เป็นทางการ เขาจึงแนะนำให้ไม่ต้องปฎิบัติตัวอย่างเป็นทางการก็ได้ ซึ่งฉันก็ยอมรับทันที

เขาตัดสินใจบอกชื่อตัวเองทันที เพราะคิดว่าอาจจะเกิดปัญหาซับซ้อนได้ถ้าฉันรู้ทีหลัง แต่เขาก็บอกว่า「ในคืนนี้ข้าอยากให้คิดว่า ข้าเป็นเพียงแฟนคลับ ไม่ใช่เจ้าชาย」แม้ว่าจะถูกเตะเข้าที่ก้นหลายครั้งโดยฮิเอโร่ที่บอก「ให้หลีกทาง」พวกเราเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับรายการ และโครงการที่ฉันกำลังทำอยู่

 

เขาดูเหมือนเป็นแค่แฟนคลับจริง ๆ

ไม่สิ ไม่ใช่แค่แฟนคลับ

 

ท่าทางนั่น……ใช่แล้ว เขาดูเหมือนคนที่สถานีออกอากาศมาก ซึ่งบางครั้งก็ตื่นเต้น พูดคุยกับฉันด้วยความกระตือรือร้น

เมื่อมองที่โครงการแล้ว ก็ถามวางแผนโครงการไว้ยังไง เป้าหมายของโครงการคืออะไร และอื่น ๆ

ในเวลาเดียวกันที่ถามคำถามดังกล่าว เขาก็ดูเหมือนผู้ประกาศข่าวที่กระตือรือร้นและพยายามอย่างไร้ประโยชน์นิดหน่อย เพราะในฐานะนักแสดงแล้ว ฉันอยากได้ยินว่าเขาคิดยังไงเกี่ยวกับโครงการหรือรายการ วาดภาพในหัวไว้ว่ายังไงหลังจากได้ยินข้อมูล

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ฉันก็ให้ความสนใจเขาเล็กน้อย

ฉันรู้สึกเหมือนเข้าใจเลยว่าทำไมฮิเอโร่จึงพาคริสโตมาด้วย และทำไมเขาถึงยอมให้ฉันพบเขา

 

ฉันแน่ใจว่าเขาคิดว่านี่จะเป็นความก้าวหน้าอย่างแน่นอน

เขามุ่งเป้าไปที่คริสโต ในฐานะบุคคลที่จะแนะนำและปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งเมจิกวิชั่นภายในจักรวรรดิแว็ง เดอ ครุชให้เติบโตขึ้น

 

โยยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อดีที่เขามีแรงจูงใจและความกระตือรือร้นอย่างมาก

ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าสิ่งต่าง ๆ จะผ่านไปด้วยดีหรือไม่ แต่ผู้ที่ขาดแรงจูงใจและความกระตือรือร้นจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าเขาอยู่ที่จุดเริ่มต้นแล้ว แม้จะเป็นในประเทศที่ไม่มีเมจิกวิชั่นก็ตาม

 

เมื่อคืน ฉันคุยเรื่องต่าง ๆ กับคริสโตเยอะมาก ขณะทานอาหารเย็น

 

ฮิเอโร่ซึ่งเป็นตัวละครหลักในคืนนั้น บางครั้งก็บ่นพึมพำประมาณว่า「ควรกลับไปได้แล้ว」ไม่ก็「ได้โปรดกลับไปเถอะ」 แต่ฮิเอโร่เป็นคนพาเขามาเอง

เขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพามาด้วย ดังนั้นฉันจึงให้ความสำคัญกับการพูดคุยกับคริสโต ม๊า ก็แค่ตอบคำถามที่ถามมาแค่นั้นเอง

 

“จะไปจริง ๆ เหรอคะ? หยุดได้คะ?”

 

“นี่ก็เป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ด้วย”

 

นอกจากนี้ วันนี้พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

เนื่องจากฉันมาอยู่ที่นี่โดยไม่เปิดเผยตัวตน ดังนั้นฉันจึงลังเลที่จะออกไปเที่ยวชมรอบ ๆ แว็ง เดอ ครุชอย่างเปิดเผย ทั้งหิมะที่ยังคงตกทำให้ไม่ค่อยอยากที่จะออกไปไหน

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจึงคิดว่าเป็นไม่มีปัญหาหากจะตอบรับคำเชิญของคริสโตจากเมื่อคืนนี้

 

――「พรุ่งนี้ข้ามีแผนที่จะไปรวมตัวกับเครือญาติ แต่ว่าหากไม่รังเกียจ เธอจะช่วยมาปรากฏตัวสักหน่อยได้ไหม? ข้าอยากคุยกับเธอมากกว่านี้ อยากได้ยินเรื่องต่าง ๆ จากเธออีก ได้โปรดมอบเวลาของเธอให้กับข้ามากกว่านี้」

 

ดูเหมือนว่าจะเป็นวันเกิดเพื่อน และเหล่าผู้มีอำนาจในวัยเดียวกันที่มีเวลาว่างจะมารวมตัวกัน ฮิเอโร่ก็ถูกเรียกไปด้วย ม๊า และดูเหมือนพวกเขาจะใช้เวลาทั้งวันไปกับการดื่ม กิน และเล่นเกมเล็ก ๆ น้อย ๆ

เป็นการรวมตัวแบบไม่เป็นทางการ ดังนั้นใคร ๆ ก็สามารถมาได้หากมีคนเชิญ

 

「หากมีเวลา ฉันจะไปค่ะ」และนั่นคือคำตอบในตอนนั้น

ดังนั้น ตอนนี้ที่มีเวลาอย่างที่พูด ฉันคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรที่จะไป

 

แค่ไปโชว์หน้านิด ๆ หน่อย ๆ ดูสถานการณ์ หากดูแล้วน่ารำคาญก็แค่จบความสัมพันธ์ซะ

ถ้าฮิเอโร่ไป แปลว่าเขาจะใช้เป็นช่วงทางสำหรับการขายเมจิกวิชั่นอย่างแน่นอน หากการไปโชว์หน้าของฉันสามารถช่วยเขาในทางใดทางหนึ่งได้ นี่อาจเป็นการโจมตีเข้าเป้าที่อาจสร้างอิทธิผลต่อผลลัพธ์เลยก็ได้

 

――นี่ก็เป็นกิจกรรมส่งเสริม และกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน

 

สักวันหนึ่ง เมื่อแว็ง เดอ ครุชเปิดตัวเมจิกวิชั่นอย่างเป็นทางการ ฉันอาจถูกเรียกตัวมาที่นี่ก็ได้

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นรากฐานสำหรับในเวลานั้นได้อีกด้วย……เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่อะไร

 

“เอาเถอะน๊า ไปติดต่อเจ้าชายฮิเอโร่ซะ ถึงริโนกิสไม่ไป ฉันก็ไปเองคนเดียวก็ได้”

 

“……เข้าใจแล้วค่ะ โม๊ว……”

 

 

 

 

 

 

 

 

ฝนตกจนเหงื่อแตก แต่น้ำปะปาไม่ไหล ช่างเป็นอะไรที่ย้อนแย้งเหลือเกิน ฮา