ตอนที่ 128 เดอ ครุช วันที่สี่ ช่วงเที่ยง

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

128 ทำงานต่างประเทศที่แว็ง เดอ ครุช วันที่สี่ ช่วงเที่ยง

 

“ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ”

 

ตอนที่เข้าพบกับฮิเอโร่เป็น ช่วงก่อนเวลาอาหารกลางวัน

มีอาหารถุกเตรียมไว้แล้วตอนที่ฉันมาถึง ดูเหมือนฉันต้องไปนั่งกับเขาก่อน

 

“ย้า เนีย อรุณสวัสดิ์”

 

เจ้าชายลำดับที่สอง ฮิเอโร่ ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมรออยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมแบบเดียวกับเมื่อคืนนี้ ลุกขึ้นมาทักทายทันทีที่ฉันมาถึง

 

เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีดูราวกับเจ้าชาย รวมถึงผมสีบลอนด์ที่มีลักษณะปลายผมกระดกออกนั้นก็ยิ่งทำให้ดูโดดเด่น เขามีออร่าความสง่างามที่เปล่งประกาย บรรยากาศของชนชั้นสูงที่ไม่สามารถซ่อนเร้นได้ และแม้ว่าจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ก็ยังมองว่าเขาเป็นขุนนางได้อย่างง่ายดาย

 

――ส่วนผู้ที่รู้จักก็สามารถเดาได้ทันทีว่าเขาเป็นใครโดยมองดวงตาสีเขียวที่มีจุดสีแดง

 

นอกจากนี้ เขายังดูเหมือนราชาคนนั้นอยู่เล็กน้อย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเลยที่พวกเขาจะหน้าตาเหมือนกันนิดหน่อยแบบนั้น ก็เพราะเป็นพ่อลูกกันล่ะนะ……

ยังไงก็ตาม ฉันรู้สึกว่าเขาน่าโกรธแน่ ๆ ถ้าฉันบอกไปว่าพวกเขามีบคลิกที่คล้ายคลึงกัน หวังว่าจะไม่เป็นแบบนั้น

 

“ที่เมื่อวานเป็นความผิดของเราเองที่พาคนน่ารำคาญนั่นมาด้วยโดยไม่ขออนุญาตก่อน”

 

คนน่ารำคาญนั่นคือ คริสโตสินะ

 

“แต่ก็จำเป็นไม่ใช่เหรอเพคะ? หม่อมฉันไม่คิดว่าพระองค์จะพาเขามาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล”

 

เมื่อพูดแบบนั้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนของฮิเอโร่ และดวงตาสีเขียวที่มีจุดสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ เริ่มส่งแรงกดดันเล็กน้อย

 

“เหมือนกับฮิลเด้เลยนะ เราไม่ควรปฏิบัติต่อเธอเหมือนเด็กมากเกินไปสินะ?”

 

ถ้าสามารถรู้เหตุผลว่าทำไมถึงพาชายคนนั้นมาด้วยกัน นั่นก็หมายความว่าสามารถปฎิบัติตามระดับนั้นได้ด้วยเช่นกัน ตั้งใจทำความเข้าใจฉันในฐานะบุตรีขุนนางเผื่อไว้ก่อนประมาณนั้น

 

“หม่อมฉันยังไม่สามารถตามการพูดคุยเรื่องที่ซับซ้อนมากเกินไปได้ แต่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อหม่อมฉันเหมือนเด็ก หม่อมฉันไม่ได้มีนิสัยไร้เดียงสาที่จะมีความสุขเพียงเพราะแค่ได้รับขนม”

 

“เข้าใจแล้ว เอาตามนั้นแล้วกัน”

 

เมื่อคิดว่ากำลังจะไปกันในเร็ว ๆ นี้ ฮิเอโร่ก็บอกว่า「เรามาคุยกันสักหน่อยก่อนจะออกไปกันดีกว่า」และนั่งลง ฉันตัดสินใจนั่งเก้าอี้ข้างเขาให้ใกล้พอที่พวกเราจะคุยกันเป็นการส่วนตัวได้

 

“เหตุผลที่เธอตัดสินใจยอมรับคำเชิญของคริสโต เป็นเพราะยินดีที่จะร่วมมือในงานส่งเสริมการขายของเรา เราสามารถตีความว่าเช่นนั้นได้ใช่ไหม?”

 

“นั่นก็เป็นความตั้งใจของหม่อนฉันเช่นกันเพคะ แต่หากหม่อมฉันกลายเป็นอุปสรรคขององค์ชายฮิเอร่า หม่อมฉันจะรีบถอนตัวทันที”

 

ฮิเอโร่เป็นคนที่พยายามจะเผยแพร่เมจิกวิชั่นเข้ามาในประเทศนี้

ตลาดเป้าหมายคือระดับประเทศ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เหล่าบุคคลสำคัญ

ความสมดุล ความสัมพันธ์เชิงอำนาจกับผู้มีอำนาจ ที่ฉันไม่รู้ ไม่ว่าในกรณีใด ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็มีแนวโน้มจะเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน

 

การเคลื่อนไหวอย่างไม่ระมัดระวัง อาจจะไปขัดขวางฮิเอโร่ที่กำลังเดินไต่เชือกในโลกของชนชั้นปกครองของประเทศนี้ก็ได้ หรือมีหมายความว่าสามารถไปทำลายทุกสิ่งที่เขาสร้างไว้ได้

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่การกระทำด้วยเจตนาดีโดยไม่รู้จะส่งผลย้อนกลับที่คาดไม่ถึง

ฉันอยากจะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น

 

“หากเป็นเธอคงไม่มีปัญหาหรอก เธอดูไม่เหมือนเด็กที่จะทำให้ทุกอย่างฟังไม่เป็นท่า ฟังจากที่คุยกับคริสโตเมื่อวานนี้แล้ว เธอสามารถตอบสนองได้อย่างมั่นใจและน่าเชื่อถือ”

 

“เรื่องนั้นที่สามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติ ก็เพราะความห่วงใยที่อีกฝ่ายมอบให้ต่างหากเพคะ”

 

ตามที่คริสโตประกาศไว้ เขาขอให้ฉันปฎิบัติต่อเขาเหมือนเป็นแค่แฟนคลับ ไม่ใช่เจ้าชาย

เขาไม่ได้แตะต้องอะไรก็ตามที่อาจเกี่ยวข้องกับศูนย์กลางของอาณาจักรอาร์ตัวร์ หรือพูยคุยเกี่ยวกับระบบของเมจิกวิชั่น และมุ่งความสนใจไปที่รายการและโครงการของฉันเท่านั้น เพราะแบบนั้นจึงช่วยให้ฉันสามารถตอบกลับได้ง่ายขึ้น

 

ไม่มีคำถามที่ตอบยาก

วาทศิลป์ของเขาซึ่งทำให้พูดคุยกันได้อย่างรื่นรมย์นั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นอาวุธของเขา

 

“ถ้าเข้าใจแบบนั้นก็ไม่มีปัญหา”

 

ฟุมุ เข้าใจแล้ว

 

“เช่นนั้นแล้ว หม่อมฉันควรทำตัวอย่างไรดี?”

 

“ไม่มีข้อจำกัดใดเป็นพิเศษ แต่ยังไงก็ตาม เราอยากให้เธอเต็มใจมุ่งไปในทิศทางที่ถูกชักชวนทั้ง ๆ แบบนี้ต่อไปก่อน ……การขอใช้งานเธอทั้งที่ได้พบกันเป็นครั้งแรกก็กวนใจเราเช่นกัน แต่……”

 

“พวกเรามีทั้งเป้าหมายเดียวกัน และผลประโยชน์ที่สอดคล้องกัน หม่อมฉันเองก็มายังประเทศนี้ได้โดยการใช้ประโยชน์จากพระองค์เช่นกัน พวกเรามีสถานะเท่าเทียมกันในเรื่องนี้ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องเผยแพร่เมจิกวิชั่นให้มากกว่านี้ จริงไหมเพคะ?”

 

“……อืม ถูกต้องแล้ว”

 

ฮิเอโร่ยืนขึ้น และยื่นมือมาให้ฉัน

 

“ไปกันเถอะ เนีย”

 

ฉันวางมือของตัวเองลงบนมือนั้น

 

“ค่ะ”

 

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทำหน้าที่เอสคอร์ท การได้รับการคุ้มครองโดยเจ้าชาย รู้สึกค่อนข้างน่าเกรงใจเล็กน้อย

 

 

 

เมื่อพวกเราออกมาข้างนอก ตรงหน้าฉันก็มีเรือเหาะลำเล็ก ๆ ทรงกล่องสีดำ ตกแต่งสวยงาม ซึ่งมีเพียงขุนนางเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองได้ ดูจากขนาดแล้วน่าจะนั่งได้ประมาณหกคน

นี่เป็นเรือที่ฮิเอโร่จัดเตรียมไว้ ดูเหมือนพวกเราจะเดินทางด้วยเรือลำนี้

 

“หากเป็นที่อาร์ตัวร์คงจะใช้รถม้ากัน แต่ที่นี่ เรือเหาะสามารถวิ่งผ่านเมืองได้ล่ะ”

 

สมกับเป็นจักรวรรดิการบินเลย

ที่อาร์ตัวร์ เรือเหาะเป็นสิ่งต้องห้ามในเมือง

 

“แม้ว่าจะบินได้ด้วยความเร็ว หรือความสูงที่ไม่มากนักก็ตาม ……แต่เวลาที่สามัญชนจะสามารถเป็นเจ้าของเรือเหาะลำเล็กจะมาถึงในที่สุด ในตอนนั้นจำนวนอุบัติเหตุคงมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นไม่น้อย”

 

พวกเราเหยียบย่ำบนหิมะที่กองบาง ๆ แล้วรีบขึ้นเรือราวกับหลบหนีจากคลื่นอากาศหนาว

ด้านในดูเหมือนจะแบ่งออกเป็นด้านหน้าและด้านหลัง โดยที่ด้านหน้าเป็นที่นั่งของคนขับ ฉันกับฮิเอโร่นั่งอยู่ที่ด้านหลัง และแน่นอนริโนกิสซึ่งตามมาด้วยในฐานะผู้ติดตาม ขึ้นไปนั่งข้างหน้าพร้อมกับคนขับ

 

ข้างในอบอุ่น

ภายในบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงไวน์ และมีการตกแต่งที่หรูหราสำหรับขุนนางเท่านั้น เข้าใจล่ะ เรือเหาะขนาดเล็กที่เน้นความหรูหราสินะ……อะ

 

“ไปได้”

 

ในขณะที่ฉันกำลังนึกอะไรบางอย่างออก ฮิเอโร่ก็ออกคำสั่งให้ออกเรือ

 

――ใช่แล้ว ฉันลืมไปเลย ฉันยังไม่ได้ไปดูเรือเหาะที่เป็นของขวัญในโอกาสฉลองการเข้าโรงเรียนตามที่พ่อแม่บอกเลย

 

ลืมไปหมดเลย

เป็นเพราะฉันหมกมุ่นอยู่กับการล่าสัตว์อสูรมากเกินไป นอกจากนี้ทั้งที่หนีมาถึงที่นี่ ฉันก็ยังถูกไล่ล่าด้วยการบ้านที่ฉันเกลียด

 

ไม่มีเวลาเหลือพอให้ไปดูแล้วด้วยสิ บางที อาจจะมีโอกาสให้ได้ไปดูระหว่างทางกลับจากปาร์ตี้ก็ได้ล่ะมั้ง

ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะขอให้บริษัทเซโดนีช่วยเตรียมให้ แต่ควรจะทำยังไงดี

 

……ม๊า ยังไงก็ช่าง ไม่ได้จำเป็นเป็นพิเศษอยู่แล้ว ไว้ค่อยมาคิดทีหลังก็ได้

 

 

 

เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย จึงไม่ค่อยมีคนเดินออกมาข้างนอก แต่ร้านค้าหลายแห่งดูเหมือนจะยังเปิดอยู่

 

ระหว่างทางพวกเราจอดเรือเหาะแวะข้างทาง ฮิเอโร่ซื้อไวน์ราคาแพงหนึ่งกล่องมอบให้แทนของที่ระลึก และที่ข้าง ๆ กัน ฉันเองก็กำลังซื้อไวน์ชนิดเดียวกันสองขวดเป็นของที่ระลึกให้กับพ่อแม่ด้วย อยากดื่ม แต่ตามอายุแล้วยังไม่ได้เด็ดขาด ไว้ให้ริโนกิสแทนก็ได้

 

เมื่อวานฉันให้ความสำคัญกับคริสโตเป็นหลัก ดังนั้นฉันจึงแทบไม่ได้คุยกับฮิเอโร่ ดังนั้นในระหว่างทางพวกเราจึงพูดคุยกันค่อนข้างมาก

 

ทว่า อาจจะพูดได้ว่าพวกเราเป็นโรคคลั่งการทำงานเหมือนกันก็ได้

หัวข้อการพูดคุยจึงมุ่งไปที่เรื่องของเมจิกวิชั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“เราได้ยินมาว่าพี่ชายของเธอเป็นคนต้นคิดไอเดีย『ทำอาหารกับเจ้าหญิง』ถูกต้องไหม? เราอยากจะมอบรางวัลตอบแทนให้กับเขาเสียหน่อย”

 

“เรื่องนั้นฮิลเด้ก็พูดถึงอยู่เหมือนกันเพคะ”

 

――เรือเหาะลำเล็กก็มาถึงที่หมายทั้ง ๆ แบบนั้น