บทที่ 108 เงินของเจ้าหรือ? (ปลาย)
ซูอันส่ายหัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สำนักดอกบ๊วยพยายามจะจัดการกับเขา และมันคงเป็นความคิดที่ไร้เดียงสามากหากคิดว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดจากการลอบสังหารได้ทุกครั้ง เขาจะต้องหาวิธีจัดการกับไอ้พวกคนสำนักนี้
ให้เร็วที่สุด
หลังจากเดินไปได้ไกลแล้ว เฉิงโซวผิง ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “นายน้อย! นับวันความนับถือของข้าที่มีต่อท่าน
ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นราวกับกระแสน้ำในธาราที่ไหลหลากอย่างไม่มีวันหยุดยั้ง…”
“ไหลหลากบิดาเจ้าสิ!” ซูอัน ผลักหัวของ เฉิงโซวผิง ออกไป จากนั้น
เขาก็หยิบเงินในถุงเงินของ ดอกบ๊วยสิบสาม ขึ้นมา 10 ตำลึงเงินแล้วโยนให้กับ เฉิงโซวผิง “นี่ รางวัลของเจ้าสำหรับผลงานเมื่อครู่ที่ทำได้ไม่เลว”
“ขอบคุณ นายน้อย~” เฉิงโซวผิงลูบตำลึงเงินอย่างมีความสุข
“ไหนล่ะส่วนแบ่งของข้า?” ฉู่ฮวนเจา เหยียดมืออันเรียบเนียนของนางออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าเรียกร้อง
ซูอัน หัวเราะจากนั้นเขาก็โยนให้นาง 10 ตำลึงเงินเช่นกันซึ่งมันทำให้
ฉู่ฮวนเจา ขมวดคิ้วแน่นทันที “แค่นี้? นี่ท่านล้อข้าเล่นรึเปล่า ท่านเห็นข้าเป็นขอทานรึไงถึงให้ข้ามาแค่นี้?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของ เฉิงโซวผิง หยุดนิ่งทันที เขารู้สึกว่าตัวเขาเอง
เพิ่งกลายเป็นขอทานไปในทันที
ซูอัน รู้สึกปวดขมับทันทีเขาถามกลับด้วยสีหน้าหงุดหงิด “แล้วเจ้าต้องการเท่าไหร่?”
“อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง!” ฉู่ฮวนเจา ตอบกลับเสียงดัง
“ครึ่งหนึ่ง? นี่เจ้ากำลังจะปล้นข้ารึไงกัน!” ซูอัน กัดฟันกรอดด้วยสีหน้ามืดหม่น
“ฮึ่ม! ถ้าข้าไม่สนับสนุนท่านที่นั่น ท่านคิดว่าไอ้หัวล้านนั่น
จะเชื่อท่านง่าย ๆ งั้นเหรอ?” ฉู่ฮวนเจา พูดขึ้นพร้อมกับชูคางของนาง
ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “และอีกอย่างข้าอุตส่าห์อ้างชื่อตระกูลฉู่ ของเราลงไป
ด้วยเพื่อช่วยท่าน! ดังนั้นข้าคิดว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่ได้มามันเป็นราคา
ที่สมควรแล้ว!”
“สูงสุดที่ข้าให้ได้คือ 3 ใน 10 !” ซูอัน ตอบอย่างรวดเร็วพร้อมกับโยนตั๋วเงินมูลค่า 100 ตำลึงเงินให้นาง 2 ใบและก้อนตำลึงเงินอีกหลายก้อนให้กับ ฉู่ฮวนเจา
เมื่อได้รับเงินมา 3 ใน 10 ฉู่ฮวนเจา จึงยอมปล่อย ซูอัน ไปไม่ทักท้วงอะไรอีก นางนับเงินที่ได้มาด้วยแววตาเป็นประกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เฮ้ นี่เจ้าจำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ? ไม่ว่ายังไง เจ้าก็เป็นคุณหนูรองแห่งตระกูลฉู่! เงินแค่นี้เจ้าไม่เห็นจะต้องตื่นเต้นเลยสักนิด!”
ซูอัน มองนางด้วยสายตาประหลาดใจ
“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย นี่คือเงินก้อนแรกที่ข้าหามาได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ได้มาจากพ่อกับแม่ของข้า ดังนั้นถ้าจะดีใจมันจะผิดตรงไหน?”
ฉู่ฮวนเจา ตอบกลับด้วยสีหน้าเบิกบาน
เดี๋ยวนะ เด็กสาวคนนี้เข้าใจคำว่า ‘หาเงิน’ จริง ๆรึเปล่าเนี่ย? ถ้าพ่อแม่ของนางรู้ว่าเงินที่นางได้รับมาวันนี้มาจากไหน ข้าคงถูกถลกหนังทั้งเป็นแน่นอน!
แค่คิดถึงหน้าแม่เสือโคร่ง ฉินว่านหรู ก็เกินพอที่จะทำให้ ซูอัน ตัวสั่นด้วยความกลัว เขารีบคว้าแขนของ ฉู่ฮวนเจา และพูดกับนางด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ฮวนเจา เจ้าห้ามพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่ของเจ้าเด็ดขาดเจ้าเข้าใจไหม ไม่งั้นพวกเราซวยกันแน่ ๆ !”
“ทำไม? นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าหาเงินได้ด้วยตัวเอง พวกเขาควรจะมีความสุขกับผลงานของข้าสิ!” ฉู่ฮวนเจา กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสับสน
“เอ่อ…” ซูอัน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายเรื่องนี้กับนาง
จากอีกมุมมองหนึ่ง “ข้าจะอธิบายให้เจ้าคิดตามก็แล้วกัน เจ้าลองนึกถึงนิสัยของพ่อแม่เจ้าดูแล้วเจ้าลองคิดว่าพวกเขาจะอนุญาตให้เจ้าหาเงินด้วยวิธีนี้
หรือเปล่า?”
“เอ่อ…มันก็..จริงอย่างที่ท่านว่าแหะ ก็ได้ งั้นข้าจะไม่บอกพวกเขา
ก็แล้วกัน” ฉู่ฮวนเจา เก็บเงินทั้งหมดเข้าไปในเสื้อของนางอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตบไหล่ของ ซูอัน “อย่าลืมเรียกข้าอีกรอบนะหากท่านมีงานดี ๆ
แบบนี้ให้ข้าทำอีก!”
ซูอัน รู้สึกขบขัน สาวน้อยผู้นี้เป็นทรราชโดยกำเนิดอย่างนั้นหรือไง?
จากนั้นเมื่อพวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ฉู่ พวกเขาทั้งสองก็แยกทางกัน เพราะเรือนของพวกเขาตั้งอยู่คนละทิศกันเลย
เมื่อ ซูอัน กลับไปถึงเรือนหลังเล็กของตัวเอง เขาเรียก เฉิงโซวผิง
ให้เข้ามาในเรือนด้วยและเอ่ยถามว่า “ผิงผิงน้อย เจ้ารู้ไหมว่าบ้านหลัง
ขนาดเล็ก ๆ ในเมืองมีราคาประมาณเท่าไหร่?”
พูดตามตรง เขาไม่ได้สนุกกับชีวิตที่มีแต่คนดูถูกเหยียดหยาม
ในคฤหาสน์ฉู่ สักเท่าไหร่และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีใครบางคนในตระกูลฉู่ อยากจะเอาชีวิตของเขาอีกต่างหาก มันจะสะดวกและปลอดภัยกว่ามาก
ถ้าเขามีบ้านเป็นของตัวเองแทน
ต้องรู้ว่าตอนนี้เขามีเงินอยู่กับตัวหลายร้อยตำลึงเงินแถมยังมีหินพลังชี่อีก 7 ก้อน ด้วยทรัพย์สินขนาดนี้เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้ที่เขาน่าจะซื้อบ้านเป็นสักหลัง
เมื่อได้ยินคำถามนี้สีหน้าของ เฉิงโซวผิง เปลี่ยนสลดทันที เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง “นายน้อย ท่านกำลังจะทิ้งข้าไปงั้นเหรอ?”
“หยุดสร้างสถานการณ์ให้เหมือนกับว่าข้าเป็นคนไร้หัวใจที่พยายาม
จะทิ้งเจ้าเดี๋ยวนี้!” ซูอัน ตะคอกด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ข้าแค่อยากได้บ้าน
หลังเล็ก ๆ เอาไว้เพื่อจะได้มีที่ไปหากบรรยากาศของที่นี่ไม่เอื้ออำนวย
ให้ข้าอยู่อาศัย แต่ถ้าเจ้าต้องการติดตามข้าต่อไป ข้าก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ให้เจ้าไปอยู่ด้วย ว่าแต่เจ้ารู้รึเปล่าว่าการจะมีสาวใช้แสนสวยสักคนหนึ่ง
ข้าต้องจ่ายเท่าไหร่?”
เมื่อได้ยินซูอันพูดคำว่า ‘สาวใช้แสนสวย’ ดวงตาของเฉิงโซวผิงก็เปล่งประกายในทันที เขาเริ่มวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายของ ซูอัน ทันที “อืม…ถ้าเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ก็น่าจะมีราคาประมาณหลายร้อยตำลึงเงิน แต่ถ้าหากเลือกที่เก่า ๆหน่อยก็อาจจะซื้อได้ในราคาหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ส่วนสาวใช้แสนสวยนั้น ราคาค่อนข้างแพง ที่ตลาดมีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นตำลึงเงิน”
ซูอัน รู้สึกโล่งใจที่ราคาบ้านที่นี่ไม่ได้ไร้สาระเหมือนโลกก่อนของเขา มิฉะนั้น 1,000 ตำลึงเงินหรือประมาณ 180,000 หยวน ซึ่งมันเพียงพอ
ให้เขาซื้อได้แค่เฉพาะห้องน้ำเท่านั้นถ้าเป็นในย่านกลางเมือง
“ราคาของสาวใช้มีหลายราคามากเลยงั้นเหรอ?” ซูอัน รู้สึกประหลาดใจ “แล้วพวกสาวใช้ที่มีราคามากกว่าหนึ่งพันตำลึงเงินนี่เป็นยังไง ทำไมพวกนางถึงได้แพงขนาดนั้น?”
“สำหรับพวกสาวใช้แพง ๆ ข้าเคยได้ยินว่าพวกนางจะได้รับการฝึกสอน4 ทักษะเพื่อความบันเทิงมาให้เรียบร้อยซึ่งประกอบด้วย การเล่นพิณ หมากรุก ขับกลอน วาดภาพ และยิ่งไปกว่านั้นพวกนางทั้งหมดต่างมีหน้าตางดงาม
ราวกับเทพธิดา….”
ก่อนที่ เฉิงโซวผิง จะบรรยายเสร็จ ซูอัน ก็โบกมือขัดและพูดว่า
“พอแล้ว พอแล้ว ข้าไม่ได้วางแผนที่จะเปิดซ่องสักหน่อย ทำไมข้าถึงต้องมี
สาวใช้ที่มีความสามารถหลากหลายถึงขนาดนั้น? ข้าแค่ต้องการสาวใช้ที่ดูดี
สักหน่อยและมีนิสัยที่อ่อนโยน ส่วนไอ้เรื่องทักษะนั้นข้าไม่สนใจ!”
เฉิงโซวผิง พยักหน้าเงียบ ๆ ทำทีเป็นว่าเห็นด้วย แต่ในใจของเขากลับคิดอีกแบบ
‘ที่เจ้าอ้างว่าเจ้าไม่ต้องการสาวใช้ที่มีความสามารถก็เพราะว่าเจ้าไม่มีปัญญาจ่ายต่างหากละ ข้ารู้ทันเจ้าหรอก!’