ตอนที่ 151 กฎโผล่มาอีก!

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 151 – กฎโผล่มาอีก! 

 

นับถอยหลัง 62:00:00

กองร้อยสนามหมวด 1 กับหมวด 2 เกาะติดข้างหลังของชิ่งเฉินอยู่ตลอด พวกเขาเลี่ยงดงทุ่นระเบิดที่ตนเองวาง แล้วไล่ทันเด็กหนุ่มอีกครั้งด้วยความได้เปรียบมหาศาลของนักรบพันธุกรรมแรงก์ F 

เหล่าทหารรู้ว่าการประเมินของผู้บัญชาการเฉาเวยไม่ได้ผิดพลาด เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนธรรมดาจริง ๆ 

ตอนวิ่งเด็กหนุ่มเริ่มกระหืดกระหอบแล้ว ฝีเท้าไม่ได้แม่นยำขนาดนั้นอีก ร่างกายก็เริ่มตุปัดตุเป๋เพราะพื้นที่ขรุขระ 

แต่ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มที่มีสมรรถภาพทางกายธรรมดาเช่นนี้ เหล่าพลทหารกองร้อยสนามยังคงจิตใจหวาดหวั่น         

เพราะว่าตอนที่อีกฝ่ายเกาะกุมกฎเอาไว้มากกว่าก็เสมือนว่าสถานที่ต้องห้ามทั้งหมดกำลังช่วยอีกฝ่ายต่อสู้     

ทุกคนตกลงใจว่าจะต้องสังเกตการกระทำของเด็กหนุ่มคนนี้โดยละเอียด อีกฝ่ายทำอะไร พวกเขาจะทำอันนั้น ไม่สามารถเบี่ยงเบนไปโดยเด็ดขาด   

ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์ไมยราบฆ่าคนอย่างครั้งก่อนอาจจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง 

ขณะที่ทุกคนกำลังหวาดหวั่นกับกฎอย่างนี้ ตอนที่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าเดินผ่านพื้นที่แห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็ร้องขึ้นมาว่า “ใต้สะพานใหญ่หน้าประตู เป็ดฝูงหนึ่งว่ายผ่าน*……”

ทหารหมวด 1 หมวด 2 ที่กำลังไล่ล่าอยู่ข้างหลังมองหน้ากัน พวกเขาลังเลชั่วขณะ “ใต้สะพานใหญ่หน้าประตู เป็ดฝูงหนึ่งว่ายผ่าน รีบมานับเร็ว สองสี่หกเจ็ดแปด……”

บรรยากาศตึงเครียดของการไล่สังหารในป่าแต่เดิมกลายเป็นพิลึกพิลั่นขึ้นมาทันใด     

แต่ทว่าที่นี่เป็นพื้นที่บรรจบกับของ “ชั้นใน” กับ “ชายขอบ” ของสถานที่ต้องห้ามแล้ว         

พริบตานั้นเอง ในชั้นในจู่ ๆ มีต้นหลิวขนาดยักษ์หนึ่งต้นเหยียดกิ่งก้านและเถาวัลย์อันแข็งแกร่งออกมากวาดทหารหมวด 1 หมวด 2 ที่ร้องเพลงพวกนั้นทั้งหมดเข้าไปในชั้นใน 

กิ่งหลิวสีแดงเลือดพันรอบเอวทหารรอบแล้วรอบเล่า แล้วจู่ ๆ ก็รัดแน่น           

ผิวหนังบริเวณเอวของเหล่าทหารถูกรัดจนเลือดออก จากนั้นผิวหนังเริ่มปริแตกทีละนิด จนกระทั่งกิ่งหลิวนั้นรัดช่วงท้องของพวกเขาจนแตก ปล่อยให้เลือดและอวัยวะภายในรดลงบนรากต้นหลิว ให้ความชุ่มชื้นแก่พื้นดินทั้งผืน

ใต้ดินมีมดสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ออกมา

นี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ชิ่งเฉินทิ้งไว้ให้พวกเขา ของขวัญที่เรียกว่ากฎ

“ตอนที่คนอื่นร้องเพลง ไม่สามารถร้องตาม”

อันดับแรกชิ่งเฉินใช้กฎพิลึก “ไม่สามารถขับถ่ายเรี่ยราด” ฆ่าคน     

แล้วใช้ประโยชน์จากด้านที่น่ากลัวของไมยราบเก็บเกี่ยวชีวิตอย่างไร้ความปรานี

เขาใช้การมองการณ์ไกลที่ดุจดั่งพระเจ้าควบคุมจังหวะของทุกคน         

ถึงแม้ว่าเขาจะยังอ่อนแอมาก แต่เขากลับใช้ประโยชน์จากกฎจนแทบจะถึงขีดสุด         

ครูเคยถามเขาว่าเหตุใดต้องทำท่าปาดคอ         

ชิ่งเฉินตอบว่า: กลัวพวกเขาหนีไป   

แต่การกระทำนี้ของเขาอันที่จริงแล้วยังมีจุดประสงค์อีกอย่าง: สร้างภาพลักษณ์ที่มั่นใจและลึกลับ 

เขาต้องการให้อีกฝ่ายเชื่อว่าตนเองรู้ทุกอย่าง ยึดครองกฎทั้งหมดของสถานที่ต้องห้าม 

ทันทีที่ภาพลักษณ์นี้หยั่งลึกในใจของทุกคน เขาก็จะสามารถทำให้คนที่กำลังเฝ้าสังเกตเขาทุกคนเลียนแบบจากจิตใต้สำนึก! 

ครอบงำปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของพวกเขา!   

เปิดแผนที่เห็นมีด** 

เฉาเวยสามารถสั่งการหน่วยทหารดุจฝูงสุนัขป่าล่าเหยื่อ         

ชิ่งเฉินก็สามารถออกแบบเครื่องพันธนาการและหลุมพรางเป็นชั้น ๆ เช่นกัน         

พวกเขาสลับบทบาทของผู้ล่ากับเหยื่อไม่หยุดหย่อนเหมือนกับเกมเกมหนึ่ง แต่คนที่แพ้จะต้องตาย 

ขณะนี้ มีเพียงทหารสองนายที่รอดชีวิตอย่างโชคช่วย พวกเขาถูกฉากเหตุการณ์นี้ขู่จนขวัญหนีดีฝ่อ หมุนตัววิ่งออกจากนอกสถานที่ต้องห้าม 

ในช่องสื่อสาร เฉาเวยยังไม่ได้ขยับตัว เพียงสามารถได้ยินจากในหูฟังถึงเสียงของเหล่าทหารที่ปะปนระหว่างเสียงโหยหวน เสียงกรีดร้อง และเสียงเพลงเด็ก     

เขายืนตะลึงอยู่กับที่ เพราะระยะทางไกลเกินไป เฉาเวยและชิ่งไฮวถึงขนาดไม่อาจทราบชัดว่าเด็กหนุ่มนั่นสุดท้ายแล้วใช้กฎอะไรฆ่าทหารพวกนั้นตาย! 

ประหลาด

น่าสะพรึงกลัว

ชิ่งไฮวเพียงรู้สึกว่าความรู้สึกชนิดนี้ครอบงำหัวสมองของเขาเป็นครั้งแรก 

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่คนธรรมดา แต่อย่างกับภูตผีที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้มายาวนาน         

เฉาเวยยังคงรักษาความสงบนิ่ง เขาถามลงในช่องสื่อสารว่า “ยังมีคนมีชีวิตไหม รายงานผมมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น?!”

ทหารนายหนึ่งเอ่ยอย่างพรั่นพรึงว่า “ผู้บัญชาการครับ ผมคือจางจิ้ง พวกเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กหนุ่มนั่นจู่ ๆ เริ่มร้องเพลง พวกเราระแวงว่าเขาอยากใช้กฎฆ่าคนอีก ดังนั้นก็เลยร้องตาม ผู้บัญชาการครับ ตายหมดแล้ว นอกจากผมกับหลิวชุ่น ตายกันหมดแล้วครับ”

“เปลี่ยนไปใช้ช่องความถี่สื่อสารสำรอง มารวมพลกับพวกเราที่เขต A39” เฉาเวยกล่าว

ผ่านไปไม่ทันไร ทหารที่แตกตื่นขวัญเสียสองนายเดินมาถึงเบื้องหน้าผู้บัญชาการ

ชิ่งไฮวถามอย่างเย็นชาว่า “เขานำพวกคุณร้องเพลงอะไร ร้องให้ผมมาหนึ่งรอบ!”

ทหารจวนเจียนจะร้องไห้แล้ว “ผู้บัญชาการครับ ผมไม่กล้าร้อง ร้องแล้วคนก็ตายเลย!”

“คุณสองคนกับเด็กนั่นไม่ใช่ว่าไม่เป็นไรเหรอ” ชิ่งไฮวชักมีดออกมาจ่อที่ลำคอของทหาร “ร้องให้ผม! ร้องตายแล้วผมจะให้ค่าทำขวัญกับครอบครัวพวกคุณ!”

พลทหารร้องเพลงปนร้องไห้ว่า “ใต้สะพานใหญ่หน้าประตู เป็ดหนึ่งฝูงว่ายผ่าน……”

เฉาเวย “……”

ชิ่งไฮว “……”

พลทหารสองนายนี้ร้องน่ะร้องแล้ว แต่ว่าไม่มีสักท่อนที่ตรงคีย์ แล้วทั้งสองคนก็ไม่เป็นอะไรเลย 

เฉาเวยจู่ ๆ ตื่นรู้ขึ้นมา ที่แท้พลทหารสองนายนี้โชคดีรอดมาได้เพราะร้องเพลงเพี้ยน!

ชิ่งไฮวก็คิดถึงเหตุผลนี้แล้ว เขากับเฉาเวยสบตากัน ถึงกับไม่พูดไม่จาไปครึ่งค่อนวัน     

ใครจะคิดได้ว่ามีวันหนึ่งที่การร้องเพลงเพี้ยนก็สามารถช่วยชีวิต!

เวลานี้ เฉาเวยทิ้งของจิปาถะที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดในเป้เดินทางของตนเองลงพื้น จากนั้นกล่าวลงในช่องสื่อสารว่า “หมวด 7 กลับ A39 มารวมพลกับผู้บัญชาการชิ่งไฮว คุ้มครองเขาให้ดี”

พูดจบ เขากล่าวกับชิ่งไฮวว่า “ผู้บัญชาการครับ สังเวียนแห่งเงาสำคัญเหนือทุกอย่าง ผมเฉาเวยทราบว่าครั้งนี้ถ้าให้ท่านกลับไปมือเปล่า ภายหลังตัวผมเองก็ไม่มีวันพลิกฟื้นแล้ว แล้วในเวลาปกติท่านก็ปฏิบัติต่อผมไม่เลว ผมจะไปฆ่าเขาแทนท่าน หวังว่าคำสัญญาที่ท่านเคยบอกจะยังมีผล”

ชิ่งไฮวจับมือทั้งคู่ของเฉาเวยอย่างสนิทสนม “พี่เฉาเวย ได้โปรด คำสัญญาของผมจะมีผลตลอดไป”

“อืม” เฉาเวยหมุนตัว ก้าวยาว ๆ เข้าไปในป่าไม้         

สีหน้าของชิ่งไฮวค่อย ๆ เย็นชาลง เขาทราบชัดมากว่าเหตุใดเฉาเวยจนตอนนี้ถึงได้ยอมลงมือ 

ก่อนหน้านี้มือเก่าในกองทัพคนนี้ติดตามอยู่ในทีมอย่างไม่เร็วไม่ช้ามาโดยตลอด แม้แต่ตอนที่บังคับชิ่งเฉินเข้าเขตทุ่นระเบิด อีกฝ่ายก็สั่งการจากด้านหลังตั้งแต่ต้นจนจบ

นี่เป็นเพราะเฉาเวยรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นยึดกุมกฎเอาไว้มากกว่า ดังนั้นอยากจะใช้ทหารของกองร้อยสนามมาลองทดสอบเอากฎออกมาแล้วถึงเลือกจะลงมือ 

อย่างนี้จะปลอดภัยมากกว่า

ไม่อาจไม่พูดว่า การที่เฉาเวยสามารถรอดชีวิตในการล้อมปราบป่า 17 ครั้งไม่ใช่เหตุบังเอิญเด็ดขาด ทว่าเป็นเรื่องแน่นอนชนิดหนึ่ง 

นี่เป็นคนที่เฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง เพียงแต่ว่าเฉลียวฉลาดเกินไปหน่อย 

……

ณ ขณะนี้ ชิ่งเฉินกำลังหอบหายใจมองไปทางต้นหลิวใหญ่ต้นนั้น 

กระหายเลือด อำมหิต ทรงพลัง

นี่เป็นคำบรรยายทั้งหมดที่ชิ่งเฉินมีต่อต้นหลิวใหญ่ในใจ

แต่ไม่รู้เพราะอะไร เมื่อเขาเห็นฉากที่นองเลือดขนาดนี้กลับไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวสักเศษเสี้ยว         

อีกทั้ง เขาคล้ายจะไม่ได้หวาดกลัวต้นหลิวใหญ่ต้นนี้สักนิด แต่กลับเดินไปหามันทีละนิด หยิบหูฟังที่ตกอยู่ไม่ไกลจากมันมาฟังดู ในนั้นกลับไม่มีเสียงอันใดเลย   

ดูท่า อีกฝ่ายเปลี่ยนช่องสื่อสารไปอย่างรอบคอบแล้ว

ชิ่งเฉินโยนหูฟังนั้นทิ้งแล้วเหยียบให้แตก แล้วคุ้ยหาอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อื่น ๆ 

ตอนที่เขากำลังเตรียมจะเข้าไปสู่ความมืดมิดของสถานที่ต้องห้ามอีกครั้ง     

กิ่งหลิวกิ่งหนึ่งกลับมาสัมผัสไหล่ของเขาเบา ๆ 

………………………………..

* เป็นเพลงเด็กของจีน ชื่อเพลงว่า “นับเป็ด” เป็นเพลงแรกตามลิงก์นี้เลยค่ะ

**เปิดแผนที่เห็นมีด (图穷匕见) สำนวนมีที่มาจากยุคจิ๋นซี คือแคว้นเยี่ยนจะลอบสังหารจิ๋นซี แกล้งทำเป็นจะส่งทูตมาสวามิภักดิ์ ทูตเป็นนักฆ่า มีผู้ช่วยทูตซ่อนมีดไว้ในแผนที่ที่ถือมาสวามิภักดิ์ แต่ผู้ช่วยทูตดันทำตัวมีพิรุธ แผนเลยแตก

 

ตอนที่ 152 – ญาติผู้ใหญ่เว้นรุ่นจะสปอยล์เด็ก