ตอนที่ 144 อยากได้

คนทุกคน เรื่องทุกอย่าง เปลี่ยนจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง เพราะการลอบสังหารในคืนนั้น

มู่เทียนซิงลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว

เธอชูแขนขึ้นยืดเส้นยืดสาย พอขยับตัวก็เพิ่งเห็นว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของหลิงเล่มาตลอดทั้งคืน

ตาลุงนี่ จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ตื่นอีก!

สันกรามคมอยู่ระดับเดียวกับหน้าผากเธอพอดี

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ มือเล็กพลันยกขึ้นช้าๆลูบไล้ไปตามกรอบหน้าและคอเรียวโค้งงาม

อยู่ด้วยกันมาตั้งขนาดนี้ แถมอีกไม่นานก็จะหมั้นกันแล้วอีกต่างหาก เธอยังไม่เคยได้แต๊ะอั๋งเขาสักครั้งเลย

พลางลองคิดในใจ ถ้าแค่จุ๊บคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แค่แป๊บเดียวเท่านั้น

มู่เทียนซิงเม้มปาก ใจเต้นสั่นระรัว บนฝ่ามือมีเหงื่อผุดขึ้นเพราะความตื่นเต้น ทว่าก็ยังคงค่อยๆเคลื่อนตัวไปด้านหน้า ก่อนจะจุ๊บตรงคางเขาอย่างแผ่วเบา

“หึๆๆ”

เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างขบขัน ไม่เหมือนเสียงของคนที่เพิ่งจะตื่นนอนเลยสักนิด

ชายหนุ่มหลุบตามองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคนในอ้อมแขน ดวงตายิ่งฉายแววลุ่มลึกที่เด่นชัดขึ้น:”อยากจูบฉันเหรอ?”

เธอพยักหน้า ก่อนจะรีบส่ายหัวรัวๆเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

เขาหัวเราะ

แขนแกร่งโอบเอวบางของเธอ พลันช้อนตัวเธอขึ้นมาทับบนตัวเขา หญิงสาวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่เขากลับใช้มือดึงศีรษะเธอให้ริมฝีปากนุ่มประทับจุมพิตลงบนกลีบปากเขา

จนกระทั่งมู่เทียนซิงเริ่มทนไม่ไหวและดิ้นขัดขืน หลิงเล่จึงจะยอมปล่อยเธอไป

ภาพตรงหน้าของหญิงสาวที่กำลังหน้าแดงเผยอปากหายใจเข้าออกนั้นช่างดูงดงามและเย้ายวนในสายตาเขาเสียเหลือเกิน

ฝ่ามือใหญ่ยังคงคล้องเอวเธอไว้ พลันใช้แรงกดทับเข้าหาตัวเอง เธอสะดุ้งตกใจจนร้องเสียงอุทาน เพราะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างตรงช่วงล่าง

หลิงเล่หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกหงุดหงิดกับความใจอ่อนของตัวเองเล็กน้อย ทว่ากลับยังคงใช้น้ำเสียงอ่อนโยนถามเธอว่า:”เทียนซิง เราจะทำเรื่องนั้นกันเมื่อไหร่เหรอ?”

“แค่กๆ” ใบหน้าเธอแดงก่ำขึ้นกว่าเดิม พลางก้มศีรษะซุกลงบนอกแกร่ง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีก:”หลัง….หลังแต่งงานกันแล้ว…..”

เขาเอ่ยเสียงไม่พอใจทันทีว่า:”แต่ฉันอยากได้เธอตอนนี้เลย”

มู่เทียนซิงเงยหน้าขึ้นอย่างเขินอาย ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักว่า:”แต่….แต่ฉัน…..คือ….”

เธอจะบ้าตาย ขาเขาก็ดันขยับไม่ได้ด้วย ถ้าจะทำเรื่องแบบนี้ มันก็เลี่ยงขยับร่างกายกันไม่ได้อยู่แล้ว ฉวีซือพูดถูก วิธีเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็คือเธอต้องเป็นฝ่ายขึ้นเองแล้วล่ะ

แต่นี่มันครั้งแรกของเธอ ครั้งแรกมันก็เจ็บอยู่แล้วด้วย ยิ่งถ้าเธอต้องเป็นฝ่ายขึ้นอีก ไม่เจ็บจนตายก็แปลกเล่า!

มู่เทียนซิงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น นอกจากกลัวเจ็บที่สุดเลย!

เธอลุกตัวออกจากร่างแกร่งอย่างกุลีกุจอ ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปในห้องน้ำ

เธอรู้สึกปวดฉี่จริงๆ

หลิงเล่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างหมดแรง พลางจ้องมองเพดานห้องอย่างเซื่องซึม

แต่ก่อนเขาไม่เคยรู้สึกว่าต้องการใครในชีวิตขนาดนี้มาก่อนเลย ทว่าคนบางคน เมื่อได้พบเจอแล้ว ความคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนก็จะผุดขึ้นมาทันที

หลิงเล่นึกย้อนถึงเรือนร่างอ่อนนุ่มอย่างนึกเสียดาย นานมาแล้วที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมันเลย

ตอนที่มู่เทียนซิงเดินออกจากห้องน้ำ หลิงเล่ก็นั่งอยู่บนรถเข็นแล้ว จั๋วซียืนอยู่ข้างเขา ก่อนจะส่งยิ้มทักทายเธอว่า:”อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนูมู่”

มู่เทียนซิงมองหลิงเล่แวบหนึ่ง แล้วชี้นิ้วไปยังห้องน้ำ:”ลุงจะใช้ห้องน้ำไหม?”

หลิงเล่พยักหน้า

เธอขยับตัวออกให้เขา พลางเดินไปยังตู้เสื้อผ้าควานหาบางอย่างอย่างตั้งใจ เธอหยิบเสื้อออกมาตัวหนึ่ง แล้วเดินไปวางลงบนตักของหลิงเล่:”ด้านนอกฝนตกหนัก อากาศแปรปรวนบ่อย ใส่หนาๆหน่อยนะ”

เสื้อที่เธอหยิบออกมาเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาว

หลิงเล่พยักหน้าตอบ:”อืม เข้าใจแล้ว”

หลังจากที่จั๋วซีพาหลิงเล่เข้าไปแล้ว มู่เทียนซิงก็ไปหาเจินเจินต่อ เธอแหย่มันเล่นในห้องนั่งเล่นอยู่สักพัก ก็ยังไม่เห็นพวกหลิงเล่ออกมาเลย เธอจึงกลับเข้าไปในห้อง พร้อมจะชวนหลิงเล่ไปกินอาหารเช้าด้วยกัน

จังหวะที่เธอเดินไปใกล้หน้าห้องน้ำ จู่ๆก็พลันได้ยินเสียงพูดของจั๋วซีที่ดังมาจากด้านใน

“มีสามคนที่ยืนยันตัวตนแล้ว พวกเขาเป็นพลเมืองสามัญธรรมดาของ ประเทศฮัวฉี เคยเข้ากรมและเคยเป็นทหารมาก่อน ส่วนอีกคนเป็นคนของประเทศหนิง มีทั้งชื่อและบัตรประจำตัวประชาชน ตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่อาศัยได้ แต่มันกลับระบุเป็นบ้านใหม่ที่เขาเคยเช่าเมื่อห้าปีก่อนในเมืองหลวง ประวัติของเขาเมื่อห้าปีก่อนก็ไม่สามารถตรวจค้นออกมาได้เช่นกัน ประหนึ่งว่าจู่ๆก็โผล่ขึ้นมาทั้งอย่างนั้น”

“แล้วคุณชายหนีว่ายังไง”

“คุณชายหนีเองก็ไม่ทราบครับว่าตัวเองไปมีปัญหากับคนพวกนั้นตอนไหน แต่คุณชายท่านบอกมาครับว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทจะส่งคนไปตรวจสอบเอง ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”

“อืม” หลิงเล่เอ่ยต่อว่า:”รีบไปกันเถอะ อย่าปล่อยให้เทียนซิงได้รอนาน”

จั๋วซียังไม่ทันได้พาหลิงเล่เดินออกจากห้องน้ำ มู่เทียนซิงก็พุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียดเสียก่อนแล้ว:”ลุง! ลุงว่า มันจะมีคนจากประเทศที่สามจงใจวางแผนใส่ร้าย ประเทศฮัวฉี ไหม? เพราะอยากให้ประเทศหนิงกับ ประเทศฮัวฉี มีปัญหากัน”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” หลิงเล่ขมวดคิ้ว ท่าทางตื่นเต้นกระตือรือร้นของยัยเด็กน้อยช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง

“คิดง่ายๆเลยนะ ประเทศหนิงและ ประเทศฮัวฉี มี ป่าไม้ ที่กั้นพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศไว้ ความสัมพันธ์นี้ก็เหมือนจีนกับเกาหลีเหนือ ที่มี แม่น้ำยาลู่ คั่นกลางไว้นั่นแหละ ออกจะใกล้กันมากขนาดนั้น เพราะฉะนั้นมันก็ย่อมต้องพึ่งพิงอาศัยกันอยู่แล้ว ถ้าหนึ่งในนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น อีกฝ่ายหนึ่งก็จะพลอยโดนผลกระทบไปด้วย ลองคิดดูสิว่าถ้าประเทศหนิงกับ ประเทศฮัวฉี เกิดความขัดแย้งกัน คนที่ได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุดจะเป็นใครกันล่ะ?”

สิ้นเสียง ดวงตาคมของหลิงเล่ก็พลันเผยแววบางอย่าง

เขายกมือขึ้นดีดนิ้ว ก่อนจะเอ่ยกับจั๋วซีว่า:”ตอนเย็นนายต้องไปพบโม่หลินกับพ่อนายใช่ไหม?”

“ครับ” จั๋วซีพยักหน้า

มู่เทียนซิงอึ้งเล็กน้อย:”พ่อนายมาที่นี่เหรอ? แต่เขาเป็นราชเลขาของฝ่าบาทไม่ใช่หรือยังไง?”

“ฝ่าบาทก็มาเช่นกันครับ” จั๋วซีเอ่ยตอบยิ้มๆ:”เมื่อกี้โม่หลินโทรมาบอกผม ว่าคุณหญิงท่านหลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จก็ไม่มีงานอะไรต่อแล้ว สามารถไปเยี่ยมคุณชายหนีที่โรงพยาบาลได้ เปลี่ยนให้โม่หลินออกมาเจอกับพวกผมครับ”

“ฮ่าๆๆ ดีใจด้วยนะ!”

มู่เทียนซิงพูดจบ พลันหันไปมองหลิงเล่อย่างเป็นห่วง

ทุกคนต่างก็ออกไปสังสรรค์พบปะกับครอบครัว แต่เขากลับ…..

หลิงเล่ทำเป็นมองไม่เห็นสายตากังวลที่มู่เทียนซิงมองมา เขาหันไปออกคำสั่งกับจั๋วซีต่อว่า:”ตอนเย็นถ้าได้เจอกับโม่หลินและพ่อนายแล้ว อย่าลืมส่งต่อคำพูดเมื่อกี้นี้ของเทียนซิงให้พวกเขาด้วยนะ”

“ครับ”

มู่เทียนซิงพาหลิงเล่ลงไปกินอาหารเช้า หลังจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งพิงไหล่ซึ่งกันและกันเงียบๆอยู่บนโซฟา พลางจดจ้องดูข่าวที่ฉายในจอทีวี

ภาพตรงหน้าเป็นข่าวถ่ายทอดสดของคุณหญิงเยว่หยาที่เป็นตัวแทนของประเทศหนิงเข้าร่วมการประชุมเพื่อเยาวชนระดับนานาชาติในครั้งนี้ แต่ที่น่าฮือฮากว่านั้นคือ การประชุมในครั้งนี้ยังมีกษัตริย์เจปู้เข้าร่วมอีกด้วย!

มู่เทียนซิงจ้องมองทีวีตาไม่กระพริบ หลังจากที่คุณหญิงเยว่หยาขึ้นโพเดียมกล่าวสุนทรพจน์ คนที่อยู่ด้านล่างต่างก็แสดงอาการใจจดใจจ่อขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะกษัตริย์เจปู้ ดวงตาคู่นั้นของเขา ทุกครั้งที่ได้สบตากับคุณหญิง ก็จะเผยแววภาคภูมิและความสุขที่มีให้กับผู้หญิงคนนี้อย่างเต็มเปี่ยม