ตอนที่ 396 – มีคนเยี่ยมเยือน
ทั้งสองคนคุยกันพักหนึ่ง หัวข้อไหลไปไกลลิบ สุดท้ายระบุอย่างจนใจว่าจะใคร่ครวญก่อนสองวัน ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เร่งร้อน
ถัดจากนั้น ทั้งสองคนเริ่มแบ่งทรัพย์สิน การท่องหุบเขาไร้กังวล ถึงตัวมันเองจะไม่ได้รับสิ่งของดี ๆ อะไร แต่ในช่วงสุดท้าย หลังจากเถียนจือเชียนและหลิงอวิ๋นเฟยสองคนทรยศและถูกสังหาร หลิงอวิ๋นเฮ่อโยนกระเป๋าเอกภพของทั้งสองคนให้กับพวกนางเพื่อแสดงเจตนาที่จะตอบแทน
สองคนนี้ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักใหญ่ บนตัวค่อนข้างร่ำรวย กำไรโม่เทียนเกอกับเนี่ยอู๋ชางโดยแท้ สองคนปรึกษากัน นอกจากศิลาวิญญาณและพวกโอสถที่แบ่งเท่ากัน อาวุธเวทกับตำราโบราณจำนวนหนึ่งของพวกเขาต่างหยิบไปตามความจำเป็น
โม่เทียนเกอย่อมเลือกของเถียนจือเชียน ไม่พูดถึงตัวบุคคล ความสำเร็จด้านวิชาม่านพลังของเถียนจือเชียนไม่สามัญจริง ๆ หากมิใช่นอกจากวิชาม่านพลังแล้วไม่มีความเชี่ยวชาญอื่นใด เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่จัดการได้ยากมาก แต่น่าเสียดาย บางทีเขายืนอยู่ข้างหลังหลิงอวิ๋นเฮ่อจนชินแล้ว ตัวเองไม่ได้ถือครองวิธีการต่อสู้ที่ใช้ลงมือได้เอาไว้เลย
แบ่งทรัพย์สินเสร็จ ทั้งสองคนต่างคนต่างไปศึกษาวิชา นั่งสมาธิฝึกตน สองวันให้หลัง ทั้งสองคนเพิ่งจะฟื้นฟูจิตสมาธิ ยังไม่ทันมีเวลาจะปรึกษากันอีกรอบก็มีคนมาขอพบที่นอกเรือนแล้ว
เดิมทีนึกว่าเป็นเจ้าเมืองเหมยมีธุระ พอถามดูกลับเป็นผู้ฝึกตนอื่นที่ถูกเจ้าเมืองเหมยเชิญมาในจวนเช่นเดียวกัน
สำหรับเรื่องที่เจ้าเมืองเหมยไหว้วาน เนี่ยอู๋ชางโน้มเอียงไปในทางตกลง โม่เทียนเกออย่างไรก็ได้ แต่ทั้งสองคนล้วนรู้สึกว่ายังคงอย่าไปตัดสินใจง่าย ๆ จึงเป็นการดี ถึงอย่างไรเรื่องนี้พวกนางเพียงได้ฟังวาจาเหมยคนเดียว สิ่งที่รู้น้อยยิ่ง ขณะนี้มีผู้ฝึกตนอื่นมาถึงหน้าประตูกลับพอเหมาะพอดี
“สหายเต๋าทั้งสอง ยินดีที่ได้พบ ๆ!”
เห็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีที่เข้ามาในเรือนเฟิงเหอ โม่เทียนเกอกะพริบตา ประหลาดใจ “สหายเต๋ายง สหายเต๋าฉิว ถึงกับเป็นพวกท่าน?”
สองคนนี้พอดีเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องยงหรูอวี้กับฉิวเฉิงรั่วที่นางเคยมีชะตาได้พบหน้าที่เมืองเทียนเสวี่ย
ยงหรูอวี้และฉิวเฉิงรั่วคล้ายจะเพิ่งจำนางออก ใบหน้าเผยความตื่นตะลึงเช่นกัน “ท่านคือ……สหายเต๋าฉิน?”
โม่เทียนเกอผงกศีรษะให้พวกเขาสองคน ยิ้มเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าจากกันที่เมืองเทียนเสวี่ยไม่นาน ถึงกับจะได้พบกันใหม่ไกลถึงเมืองซิงลั่ว ข้ากับสหายเต๋าทั้งสองมีชะตาต่อกันโดยแท้”
“มิใช่หรอกหรือ” ฉิวเฉิงรั่วชิงตอบก่อน แล้วมองไปทางเนี่ยอู๋ชางอย่างใคร่รู้ “สหายเต๋าฉิน ท่านนี้คือ……”
“ท่านนี้คือสหายของจ้ายเซี่ย ฉายานามเทียนฉาน” โม่เทียนเกอแนะนำ
เนี่ยอู๋ชางท่าทางเรียบเฉย พยักหน้าให้พวกเขา “ยินดีที่ได้พบ”
“ที่แท้คือสหายเต๋าเทียนฉาน” ได้ยินโม่เทียนเกอแนะนำ ฉิวเฉิงรั่วมีท่าทางผิดหวังอย่างเลือนราง แต่ปกปิดไว้ได้ดีมาก ทักทายอย่างอบอุ่นทันที
ท่าทางของยงหรูอวี้ปกติกว่ามาก ยิ้มบาง ๆ พยักหน้าทักทายเนี่ยอู๋ชาง ทั้งไม่ขาดมารยาท แล้วก็ไม่ดูอบอุ่นจนเกินไป
ในใจโม่เทียนเกอทั้งจนใจทั้งรู้สึกตลก ฉิวเฉิงรั่วผู้นี้ยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงสักครึ่งส่วน ป้องกันสตรีอื่นอย่างกับเป็นโจรขโมย โชคดีที่เนี่ยอู๋ชางในขณะนี้แต่งกายเป็นบุรุษ ถ้าไม่อย่างนั้น นางจะต้องดึงยงหรูอวี้กลับไปเป็นแน่กระมัง?
“สหายเต๋าเทียนฉาน สหายเต๋าสองท่านนี้เคยมีชะตาได้พบหน้ากับข้าที่เมืองเทียนเสวี่ย นี่คือสหายเต๋ายง นี่คือสหายเต๋าฉิว พวกเขาทั้งสองเป็นผู้ฝึกตนของสำนักตานเสียหนึ่งในห้าสำนักใหญ่อาณาจักรตงถัง”
รอจนพวกเขาคารวะทักทายกันเสร็จเรียบร้อย โม่เทียนเกอจึงเชิญยงหรูอวี้และฉิวเฉิงรั่วเข้าไปในห้องโถงอย่างสุภาพ
“สหายเต๋าฉิน ทำไมบังเอิญขนาดนี้ ท่านก็มาที่เมืองซิงลั่วด้วย?” เพิ่งจะนั่งลงฉิวเฉิงรั่วก็ถามแล้ว
โม่เทียนเกอยิ้มบาง ตอบว่า “วันนั้นหลังแยกจากทุกท่าน ข้าเผอิญได้พบกับสหายเต๋าเทียนฉานที่เมืองเทียนเสวี่ย พวกเราพบกันอีกครั้งที่ต่างถิ่น ยินดีอย่างยิ่ง ก็เลยท่องเที่ยวไปด้วยกัน เดิมทีพวกเรามาถึงบริเวณนี้มีธุระอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าพอเข้าเมืองซิงลั่วก็ถูกเจ้าเมืองเชิญมา ไม่รู้ว่าสหายเต๋าทั้งสองท่านเป็นสถานการณ์อย่างไร”
“พวกเราก็ประมาณนั้น” ยงหรูอวี้เอ่ย “ข้ากับซือเม่ยเดินทางครั้งนี้เดิมเพื่อท่องเที่ยวหาประสบการณ์ ไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ตลอดทางจากเมืองเทียนเสวี่ยมาก็ไม่ได้คิดมาก เข้าเมืองซิงลั่วแล้วก็ถูกเจ้าเมืองเหมยเชิญมายังจวนเจ้าเมือง”
โม่เทียนเกอสายตาขยับวูบ “พูดอย่างนี้ สาเหตุที่พวกเรามายังจวนเจ้าเมืองก็เหมือนกันเลย”
“น่าจะมิผิด”
พูดอย่างนี้จบแล้ว สี่คนสองคู่แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้น โม่เทียนเกอยิ้มแล้วเอ่ยปากว่า “สหายเต๋าทั้งสอง จากกันที่เมืองเทียนเสวี่ย พวกเรามาพบกันอีกที่เมืองซิงลั่ว อีกทั้งยังมารวมตัวกันเพราะเรื่องอย่างหนึ่ง ก็นับได้ว่ามีชะตาต่อกันแล้ว อีกทั้ง พวกเราเป็นผู้ฝึกเต๋าระดับเดียวกัน ใกล้ชิดกันกว่าคนอื่น ๆ อยู่สักหน่อย วาจาบางอย่าง ข้าก็จะพูดตรง ๆ แล้ว”
นางหยุดไปนิดหน่อย เห็นยงหรูอวี้และฉิวเฉิงรั่วใบหน้าเจือรอยยิ้มบาง ๆ ไม่คัดค้านเลย จึงถามตรง ๆ ว่า “สำหรับคำเชิญของเจ้าเมืองเหมย ไม่ทราบสหายเต๋าทั้งสองคิดเห็นเช่นไร ตอบตกลงไปแล้วหรือไม่”
โม่เทียนเกอพูดจบ ฉิวเฉิงรั่วหันหน้าไปมองยงหรูอวี้ทันที ถึงนางจะควบคุมบงการทุกเรื่องราว ทว่าในเรื่องจริงจังกลับล้วนให้ยงหรูอวี้คิดอ่าน
ยงหรูอวี้พึมพำกับตัวเองครู่หนึ่ง สายตาวนไปบนร่างของโม่เทียนเกอกับเนี่ยอู๋ชาง กล่าวว่า “สหายเต๋าฉินตรงไปตรงมาเช่นนี้ จ้ายเซี่ยก็ยากจะปิดบัง มิผิด ข้ากับซือเม่ยตอบรับคำเชิญของเจ้าเมืองเหมยแล้ว”
เนี่ยอู๋ชางขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “หรือสหายเต๋าทั้งสองไม่กลัวว่าในนี้มีเรื่องลับอื่นอีก”
ได้ยินคำถามนี้ ฉิวเฉิงรั่วปิดปากหัวเราะ กล่าวว่า “สหายเต๋าเทียนฉาน ท่านกับสหายเต๋าฉินจิตมีนอแรดเชื่อมสัมพันธ์โดยแท้ นิสัยระมัดระวังรอบคอบนี้ช่างคล้ายคลึงกันจริง ๆ”
กลิ่นอายล้อเลียนในวาจานี้ชัดเจนมาก โม่เทียนเกอจนใจ เอ่ยอย่างจริงจังว่า “สหายเต๋าฉิว อันที่จริงข้ามีคู่เต๋าแต่แรกแล้ว ถึงท่านจะเพียงพูดเล่น แต่วาจาอย่างนี้ ภายหลังยังคงได้โปรดอย่าพูดอีกเลย”
ฉิวเฉิงรั่วฟังคำแล้วประหลาดใจอยู่บ้าง จากนั้นตีหน้าจริงจัง คารวะอย่างเคร่งขรึม “ขออภัย ก่อนหน้านี้ล่วงเกินอยู่บ้าง สหายเต๋าฉินโปรดอย่าได้ขุ่นเคือง”
โม่เทียนเกอยิ้มแล้วโบกมือ แสดงออกว่าไม่ถือสา เอามาพูดอย่างนี้เลยก็ดี จะได้เลี่ยงไม่ให้สตรีนางนี้ถือนางเป็นศัตรูในจินตนาการอยู่ตลอดเวลา หากพูดกับซือเกอนางมากไปสักคำสองคำก็ต้องทำทุกวิถีทางตักเตือนอยู่ด้านข้าง ยามปกติก็ช่างเถิด เวลาที่คุยเรื่องจริงจัง การกระทำเยี่ยงนี้มันรำคาญตาอยู่บ้างจริง ๆ
“สหายเต๋าทั้งสอง พวกท่านไม่กลัวว่าในวาจาของเจ้าเมืองเหมยมีเรื่องลับอื่นหรือ” เนี่ยอู๋ชางถามอีกรอบ
ยงหรูอวี้ยิ้ม กล่าวว่า “สหายเต๋าเทียนฉาน ข้ากับซือเม่ยถึงจะพูดอย่างไรก็เป็นศิษย์สำนักใหญ่ อีกทั้งล้วนเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน มิใช่ศิษย์สร้างฐานพลังที่หายไปแล้วสำนักก็จะไม่ถามมากความพวกนั้น ถึงเจ้าเมืองเหมยผู้นี้จะเป็นผู้ครองเมืองแห่งหนึ่ง แต่เขาก็ล่วงเกินสำนักตานเสียไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จะมีอะไรต้องกลัวเล่า”
คำตอบนี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของโม่เทียนเกอเลย หลายวันมานี้ นางค้นพบแล้วว่า ผู้ฝึกตนของอวิ๋นจงกำลังขวัญใหญ่โตมาก สาเหตุอาจจะเป็นเพราะว่าผู้ฝึกตนหลากหลายสายของพวกเขาคลุกคลีอยู่ด้วยกันอย่างสันติไร้เรื่องราวมาหลายหมื่นปีแล้ว
ยงหรูอวี้พูดจบ มองสีหน้าของโม่เทียนเกอกับเนี่ยอู๋ชาง กล่าวต่อว่า “สหายเต๋าทั้งสองยังไม่ได้ตัดสินใจหรือ อันที่จริงเรื่องนี้ขอเพียงวาจาเจ้าเมืองเหมยเป็นความจริง สำหรับพวกเรามีประโยชน์แต่ไร้โทษ ยังไม่ต้องพูดว่าสามารถได้รับอะไร สถานที่ลับโบราณกาล ทุกวันนี้เสาะหาได้ยากจริง ๆ พวกเราสามารถเข้าไปรับการทดสอบหนึ่งรอบ สำหรับความแข็งแกร่งของตนเองก็มีผลดีอย่างมาก ไม่แน่ว่าจะเข้าใจณานศักดิ์สิทธิ์โบราณกาลบางส่วน สามารถตระหนักรู้ไปอีกขึ้น ถึงเวลาระดับการฝึกตนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด นั่นจึงเป็นเรื่องดีอันยิ่งใหญ่”
โม่เทียนเกอกับเนี่ยอู๋ชางฟังวาจานี้แล้วล้วนตะลึงไป มิผิด ที่ยงหรูอวี้พูดไม่ผิดสักนิด นี่จึงเป็นผลดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้ฝึกตนของอวิ๋นจงถึงกับมีจิตใจอย่างนี้ มองเห็นสาระสำคัญได้ในแวบเดียว ความหมายของสถานที่ลับโบราณกาลประเภทนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่จับต้องได้อะไรเลย ทว่าเป็นการพบเห็นณานศักดิ์สิทธิ์โบราณกาล บรรลุความเร้นลับของฟากฟ้าจรดแดนดิน
“ทำไม สหายเต๋าทั้งสองไม่คิดอย่างนี้หรือ” ยงหรูอวี้เห็นพวกนางสองคนล้วนไม่พูดไม่จาจึงถามอีกคำ
โม่เทียนเกอถอนหายใจยาว ๆ คำหนึ่ง มองยงหรูอวี้ เอ่ยด้วยใบหน้าจริงจังว่า “ไม่ วาจาของสหายเต๋ายงมีเหตุผลมาก สำหรับพวกเราคนที่ฝึกเต๋า นี่เป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจริง ๆ”
ยงหรูอวี้สีหน้าผ่อนคลายลง ยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายเต๋าทั้งสองยังลังเลอะไร”
โม่เทียนเกอไม่ได้ตอบทันที มองยงหรูอวี้ แล้วมองฉิวเฉิงรั่วอีก ไม่ตอบแต่กลับถามว่า “เหตุใดสหายเต๋าทั้งสองถึงหวังให้ข้ากับสหายเต๋าเทียนฉานตอบตกลงขนาดนี้เล่า หรือว่าเรื่องนี้กับสหายเต๋าทั้งสองมีความเกี่ยวข้องอะไร”
ฉิวเฉิงรั่วฟังแล้วยิ้มเอ่ยว่า “สหายเต๋าฉินอย่าเข้าใจผิด เมืองซิงลั่วเป็นแดนมาร ผู้ที่มาอยู่ก็มีผู้ฝึกมารเป็นหลัก ผู้ฝึกเต๋าไม่มากจริง ๆ สหายเต๋าทั้งสองน่าจะเคยได้ยินกระมัง สถานที่ลับนี้เป็นสถานที่แห่งการทดสอบ ตัวมันเองไม่อันตรายถึงชีวิต แต่หากมีคนสังหารจากด้านหลังกลับไม่อาจไม่ป้องกัน”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” โม่เทียนเกอพยักหน้า “พูดอย่างนี้ ทั้งสองท่านเสาะหาพวกเรามาเป็นพวกพ้องแล้ว?”
ยงหรูอวี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มิผิด ข้ากับซือเม่ยมาเยี่ยมเยือนถึงประตูครานี้ เดิมทีก็มีความคิดนี้อยู่ เมื่อพบสหายเต๋าทั้งสอง พวกเราล้วนรู้สึกว่าไม่ต้องครุ่นคิดมากความแล้ว ถึงพวกเรากับสหายเต๋าฉินเพียงมีชะตาพบหน้าหนึ่งครั้ง แต่จะว่าไปแล้ว สหายเต๋าฉินยังน่าเชื่อถือกว่าคนอื่นมาก”
“นี่ต้องขอบคุณความไว้วางใจของสหายเต๋าทั้งสองมาก” โม่เทียนเกอยิ้มเอ่ย “แต่ว่าเรื่องนี้ข้ากับสหายเต๋าเนี่ยทราบไม่มาก ไม่อาจตอบรับท่านทั้งสองได้ชั่วคราว”
“นี่ง่ายดายนัก” ฉิวเฉิงรั่วกระตือรือร้นยิ่ง “ข้ากับซือเกอมาถึงที่นี่ได้หลายวันแล้ว แทบจะเข้าใจเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว สามารถบอกกับสหายเต๋าทั้งสองโดยละเอียด”
“เช่นนั้นหรือ” นี่กลับเป็นข่าวดีชิ้นหนึ่ง โม่เทียนเกอเอ่ยว่า “เช่นนั้นรบกวนสหายเต๋าฉิวแล้ว”
จากนั้น ยงหรูอวี้และฉิวเฉิงรั่วพูดออกมาทีละอย่าง ที่แท้ สถานที่ลับประเภทนี้ที่อวิ๋นจงไม่ได้ลึกลับมากเลย ถึงจะไม่มาก แต่สำนักใหญ่แต่ละแห่งส่วนมากทราบอยู่ที่สองที่ บางส่วนอยู่ในกำมือพวกเขา ใช้เพื่อขัดเกลาศิษย์ ดังนั้น ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่ถูกเจ้าเมืองเหมยผู้นั้นเชิญมาพอฟังแล้วล้วนรั้งอยู่โดยไม่ระแวงแต่อย่างใด
พวกเขาล้วนรู้ว่าสถานที่ลับประเภทนี้ยากเสาะหา ผ่านพ้นไปไม่กี่วันก็จะถูกสำนักใหญ่ต่าง ๆ ล่วงรู้ ถึงเวลาอยากจะเข้าสถานที่ลับก็จะต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง มิสู้ช่วยเจ้าเมืองเหมยในเรื่องนี้ เข้าไปเร็วหน่อยก็จะสามารถได้รับผลประโยชน์มากกว่า
สำหรับสถานที่ลับนั่น พวกเขาก็ไปหาผู้ฝึกตนก่อเกิดตานของเมืองซิงลั่วเพื่อทำความเข้าใจมาแล้ว การผ่านด่านถึงจะยาก แต่ความเร้นลับแห่งณานศักดิ์สิทธิ์ในนั้นกลับเห็นได้อย่างชัดแจ้ง ถึงขนาดที่ว่าในนั้นยังมีทักษะลับของสายมารจำนวนหนึ่งด้วย นี่สำหรับผู้ฝึกมารแล้ว พลังดึงดูดไม่สามัญเลย เพราะในยุคโบราณกาลก็เป็นผู้ฝึกเซียนจำนวนมาก ผู้ฝึกมารน้อยนิด ดังนั้นค้นพบสถานที่ลับโบราณกาลอะไร ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ฝึกเซียนได้รับผลประโยชน์เสียมาก ทว่าสถานที่ลับโบราณกาลแห่งนี้ ถึงกับมีทักษะลับของสายมาร หาได้ยากยิ่งจริง ๆ
เสียเวลาไปกว่าครึ่งวัน พูดเรื่องราวอย่างคร่าว ๆ ไปหนึ่งรอบ ยงหรูอวี้ถามอีกว่า “สหายเต๋าทั้งสอง สิ่งที่พวกเราสอบถามมาก็คือเรื่องพวกนี้ ไม่ทราบพวกท่านรู้สึกอย่างไร”
โม่เทียนเกอกับเนี่ยอู๋ชางสบตากัน เอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้ากับสหายเต๋าเทียนฉานเข้าใจแล้ว ขอบคุณสหายเต๋าทั้งสองมาก แต่ว่า เรื่องนี้ข้ายังต้องปรึกษากับสหายเต๋าเทียนฉาน ผ่านไปอีกหน่อยค่อยให้คำตอบกับทั้งสองท่าน เป็นอย่างไร”
ยงหรูอวี้ฟังแล้วยิ้ม “นี่ย่อมแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ากับซือเม่ยก็ขอลาไปก่อน เวลามีไม่มาก หากสหายเต๋าทั้งสองมีการตัดสินใจ โปรดตอบโดยเร็วที่สุด”
………………..
ตอนที่ 397 – ชีวิตของคนอื่น