ตอนที่ 166 มีลูกหนี้ก็ต้องมีเจ้าหนี้

หลินหนานก้าวเดินไปข้างหน้าเพียงลําพัง..

แต่ละย่างก้าวของเขานั้น ทั้งหนักแน่นและมั่นคง เสียงฝีเท้าตึกๆ ที่ดังขึ้นในแต่ละก้าวที่ย่ลงไปบนพื้นประหนึ่งเสียงหัวใจที่กําลังเต้นแรง

หนักแน่น และทรงพลัง!

เสี่ยวจือฉีที่อยู่ด้านหลังของหลินหนานเวลานี้ ร่างทั้งร่างของเขาได้พิ่งลงบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรงดวงตาทั้งคู่หรี่ปรือราวกับคนเมา และไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ละอองพิษก็เริ่มออกฤทธิ์ และเมื่อนั่นเป็นการยืนยันว่า ชายแซ่เยวี่ยผู้นี้ไม่ได้โกหกหลินหนาน และเวลานี้เขาก็เพียงแค่ยืนรอให้ถึงคราที่หลินหนาจะต้องเป็นอัมพาตบ้าง

แต่สิ่งที่ทําให้ชายแซ่เยวี่ยรู้สึกประหลาดใจก็คือ เสียงลมหายใจของหลินหนานเวลานี้ กลับยังคงเป็นปกติและไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าผิดปกติไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยหลังจากที่ได้สูด ดมเอาเกสรพิษเข้าไป

นี่ไม่ถูกต้อง!

“ฉันคงจะประเมินเธอต่ําไปสินะ? ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าเธอทําแบบนี้ได้อย่างไร แต่ฉันก็มั่นใจว่า เธอจะไม่โชคดีตลอดไปแน่!”

หลังจากที่ตระหนักถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ชายแซ่เยวี่ยก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ําเสียงเย็นชา พร้อมกับร่างที่ เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับภูติผีนั้น ก็ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลินหนานในทันที

ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา..

หลินหนานได้เห็นอย่างชัดเจน จู่ๆ ฝ่ามือของชายแซ่เยวี่ยก็ได้ปรากฏกลุ่มควันสีเขียวพวยพุ่งออกมาห่อหุ้มไว้กลิ่นเหม็นของมันนั้น เพียงพอที่จะทะลวงเข้าสู่รูจมูกของหลินหนาน และทําให้เขาไม่สามารถหายใจออกได้

หลินหนานเริ่มรู้สึกวิงเวียนศรีษะ แต่ด้วยสัญชาติญาณ เขาจึงก้าวถอยหลังหลบฝ่ามือของชายแซ่เยวี่ยที่ฟาดเข้าใส่ร่างอย่างรวดเร็ว

“หึ! หมอกพิษแดนใต้รุนแรงกว่าเกสรพิษหลายร้อยเท่านัก ครั้งนี้แกไม่รอดแน่!”

สีหน้าของชายแซ่เยวี่ยบ่งบอกถึงความมั่นอกมั่นใจยิ่ง จากนั้น ร่างของเขาก็พุ่งทะยานตามร่างของหลินหนานไปอีกครั้ง และเวลานี้ ไม่เพียงแค่ฝ่ามือของชายแซ่เยวี่ยเท่านั้น ที่ปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกสีเขียวแต่กลับกลายเป็นว่า มันได้ปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขาไว้แล้ว

“อะไรกัน?! นี่ร่างทั้งร่างของเขาได้ปกคลุมไปด้วยหมอกพิษทั้งหมดเลยงั้นรึ?”

หลินหนานได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยสีหน้า และแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ปลายเท้าของเขายังคงพาร่างเคลื่อนที่ถอยหลังหนีได้อย่างรวดเร็ว

หมอกพิษสีเขียวจากร่างของชายแซ่เยวี่ยเวลานี้ รุนแรงกว่าเกสรพิษก่อนหน้านับร้อยเท่า แม้แต่คนแข็งแกร่งอย่างหลินหนานยังต้องพยายามถอยหนีให้ห่างมากที่สุดเท่าที่จะทําได้

แต่มีหรือที่ชายแซ่เยวี่ยจะปล่อยให้หลินหนานหนีรอดไปได้? เขาเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้นแล้วร่างที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวภูติผีปีศาจนั้นก็ได้พุ่งทะยานเข้าฟาดฝ่ามือใส่ร่างของหลินหนานจนได้

แม้ดวงตาของชายแซ่เยวี่ยจะไม่สามารถมองเห็นอะไร แต่ประสาทหูของเขานั้น กลับรับรู้เสียงได้อย่างว่องไวจึงสามารถตรวจจับตําแหน่งของเป้าหมายได้อย่างแม่นยํา และในที่สุดฝ่ามือของเขาก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกของหลินหนานจนได้

เพียงแค่ฝ่ามือของชายแซ่เยวี่ยสัมผัสเข้าร่างของหลินหนาน ก็มีควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ทันที หมอกพิษสีเขียวจากฝ่ามือของชายแซ่เยวี่ย มีฤทธิ์กัดกร่อนทําให้เสื้อบริเวณหน้าอกของหลินหนานกลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เผยให้เห็นผิวเนื้อแข็งแกร่งที่อยู่ด้านใน

“พ่อหนุ่ม.. เธอควรต้องรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติ ที่ได้ตายภายใต้เงื่อมือของฉัน และที่สําคัญฉันเองเพิ่งจะฝึกวิชาหมอกพิษแดนใต้สําเร็จ แล้วเธอก็เป็นคนแรกที่ถูกฉันสังหารด้วยวิชานี้!”

ร่างของชายแซ่เยวี่ยที่มีกลุ่มหมอกสีเขียวปกคลุมทั่วร่างนั้น อ้าปากหัวเราะเสียงดังด้วยความภูมิใจยิ่งเวลานี้เขาก็มั่นใจอย่างมากว่า ผู้ใดก็ตามที่ถูกหมอกพิษแดนใต้ของเขาเข้าไปต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ก็ยากที่จะมีชีวิตรอดได้ แล้วนับประสาอะไรกับหลินหนานที่ยังอ่อนต่อโลกเล่า!

แต่น่าเสียดายที่ชายแซ่เยวี่ยตาบอด จึงไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้าของหลินหนานเวลานี้ไม่เพียงใบหน้าของเขาจะฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มแต่ดวงตาของเขายังสงบนิ่งยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

สภาพของหลินหนานเวลานี้ดูไม่เหมือนคนที่ถูกพิษเลยแม้แต่น้อย!

“ว่ายังไงล่ะพ่อหนุ่ม? นี่ถึงกับหวาดกลัวจนพูดไม่ออกเชียวรี? ฉันขอแนะนําว่า มีอะไรจะสั่งเสียก่อนตายก็รีบๆพูดออกมาซะ! เพราะอีกไม่กี่อึดใจ เธอก็จะเหลือเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจแล้ว!”

ชายแซ่เยวี่ยเอ่ยบอกหลินหนาน พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว..

“ควรจะเป็นแกต่างหากล่ะ ที่จะต้องรีบสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพิษของแกทําอะไรฉันไม่ได้แน่!”

และทันทีที่ชายตาบอดได้ยินคําตอบของหลินหนาน เขาก็โกรธจนสั่นสะท้าน พร้อมกับร้องคํารามออกไป

“ได้! ในเมื่อกล้าอวดดีขนาดนี้ ฉันก็จะให้แกลิ้มรสของหมอกพิษแดนใต้อีกครั้ง!”

จากนั้น หมอกสีเขียวที่ห่อหุ้มร่างของชายแซ่เยวี่ยนั้น ก็ได้เคลื่อนไปรวมกันที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาเพียงจุดเดียวเขาจําต้องให้บทเรียนกับหลินหนานที่บังอาจดูถูกหมอพิษอย่างเขา!

บูม!

เสียงพลังปราณอันทรงพลังจากร่างของหลินหนาน ปะทะเข้ากับฝ่ามือพิษของชายแซ่เยวี่ยดังสนั่นขึ้น..

พลังปราณจากจุดตันเถียนของหลินหนาน โคจรเข้าสลายกลุ่มควันสีเขียวบริเวณหน้าอกแล้วจึงพุ่งทะยาน ออกไปปะทะเข้ากับฝ่ามือของชายแซ่เยวี่ย ประหนึ่งมังกรที่โกรธเกรี้ยว

พลังปราณที่แข็งแกร่งของหลินหนาน ได้สลายหมอกพิษสีเขียวที่ห่อหุ้มฝ่ามือของชายแซ่เยวี่ยและเมื่อฝ่ามือทั้งสองของพวกเขาปะทะกัน ร่างของชายแซ่เยวี่ยก็กระเด็นลอยละลิ่วออกไปไกลราวสามถึงสี่เมตรส่วนหลินหนานก็กระโดดถอยหลังกลับออกมา

ชายแซ่เยั่วยถึงกับกระอักเลือด พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“อ๊าก!!”

ในคืนที่เงียบสงัดเช่นนี้ เสียงกรีดร้องโหยหวนที่ดังไปทั่วทั้งบริเวณบ้าน ยิ่งทําให้เหตุการณ์ดูน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ร่างของชายแซ่เยวี่ยร่วงลงกระแทกกับพื้นแล้ว เขาก็ได้แต่กลิ้งไปมาอยู่บนพื้น พร้อมกับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ซึ่งเกิดจากแขนทั้งสองข้างที่หักในทันที

“ห์! นับจากนี้ไป หมอพิษอย่างแกคงต้องกลายเป็นขอทานตามข้างถนน ที่เที่ยวขออาหารประทั้งชีวิตไปวันๆสินะ!”

หลินหนานก้าวเท้าเข้าไปหาชายแซ่เยวี่ย ที่กําลังนอนจมกองเลือดอย่างช้าๆ สายตาของเขาที่จ้องมองนั้นไม่มีวี่แววของความสงสารเห็นใจอยู่เลยแม้แต่น้อย

“แก!! แกมันไม่ใช่มนุษย์!”

ชายแซ่เยวี่ยที่นอนจมกองเลือดอยู่นั้น เงยหน้าขึ้นมองหลินหนาน พร้อมกับร้องตะโกนออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่งในขณะที่เสี่ยวจือได้แต่จ้องมองร่างของอาจารย์เยวี่ยด้วยความรู้สึกที่ท้อแท้และสิ้นหวัง

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที อาจารย์ทั้งสามที่เสี่ยวจือฉีเชิญมา ก็ได้ลงไปนอนกองกับพื้นอย่างหมดสภาพและไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อกรกับหลินหนานได้อีก

หลินหนานเองก็ได้แต่ยืนมองชายแซ่เยวี่ยด้วยแววตาเย้ยหยัน พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสนุกนาน

มาถึงตอนนี้ ชายแซ่เยวี่ยได้ตระหนักแล้วว่า หลินหนานคือยอดฝีมือที่ยากจะหาใครเปรียบได้จริงๆเขาไม่ได้ โอ้อวดตัวจนเกินจริงเลยแม้แต่น้อย และความจริงที่ปรากฏอยู่ในเวลานี้ก็เป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด!

“เธอ.. เธอคงจะฝึกบ่มเพาะพลังด้วยสินะ? ฉันผิดเองที่ประเมินเธอต่ําไป! ช่วย.. ช่วยฆ่าฉันทีฉันคงจะมี ความสุขมากกว่าที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อ!”

ชายแซ่เยวี่ยใช้เวลาอยู่นานถึงห้านาที กว่าที่จะสามารถรวบรวมกําลังพูดกับหลินหนานได้อีกครั้งและเวลานี้ เขาก็กําลังนอนมองหน้าหลินหนานด้วยแววตาอ้อนวอน

หลินหนานได้แต่ตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ให้ฉันฆ่าแกทิ้ง เท่ากับให้แกได้พบจุดจบที่สบายเกินไปน่ะสิ!แล้วคนบริสุทธิ์อีกสองคนที่แกวางยาพวกเขาล่ะ?”

สภาพของชายแซ่เยวี่ยเวลานี้ หลินหนานจะฆ่าหรือไม่ฆ่า ก็คงไม่ต่างกัน เพราะเขาจะไม่สามารถใช้วิชามารของตนเอง ไปทําร้ายคนอื่นได้อีกแล้ว..

“หึ! ถึงเธอจะไม่ช่วยสังหารฉันตามคําขอ ฉันก็สามารถปลิดชีพตัวเองได้!”

เยวี่ยเทียนผู้ฝึกการใช้พิษมาทั้งชีวิตอย่างชํานิชํานาญ แต่ท้ายที่สุดกลับต้องมาตายด้วยพิษของตนเอง

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น หลินหนานก็รีบพุ่งฝ่ามีออกไปเพื่อยับยั้งไว้ แต่เยวี่ยเทียนก็อ้าปากคายยาพิษที่ซ่อนไว้ออกมา ก่อนจะกลืนลงท้องไปอย่างรวดเร็ว พิษจึงได้แพร่กระจายเข้าสู่อวัยวะภายในของเขาทันที

และเพียงแค่หนึ่งนาที.. เลือดก็ได้ไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของเยวี่ยเทียนจนสิ้นใจตาย!

“ทําไมถึงได้คิดสั้นขนาดนี้นะ? ต่อให้ไม่สามารถใช้พิษได้อีกตลอดชีวิต ก็ใช่ว่าจะต้องไปเป็นขอทานเลี้ยงชีพอย่างเดียวนี่”

หลินหนานได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียดาย พร้อมกับยื่นมือออกไปช่วยปิดเปลือกตาของเยวี่ยเทียนลง

จากนั้น เขาก็หันมองไปทางเสี่ยวจือฉี!

ความจริงแล้ว หลินหนานมาที่นี่ก็เพื่อมาจัดการกับเสี่ยวจือฉีคนเดียวเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเกินเลยไปมากขนาดนี้ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเสี่ยวจือฉีคนเดียว เขาคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด!

จินหนานไม่มีทางปล่อยให้ตัวต้นเหตุลอยนวลได้แน่ และใน

นี้ ก็ต้องมีเจ้าหนี้!