ตอนที่ 167 คําตอบคือ..ไม่!

“หลินหนาน ฉันผิดไปแล้ว นายอยากได้อะไรก็บอกฉันมาเลย ฉันยินดีที่จะหามาให้นายทุกอย่างแต่ได้โปรดปล่อยฉันไปเถิดนะ!”

เสี่ยวจือฉีจ้องมองหลินหนานที่กําลังย่างกรายเข้ามาหาตนเองอย่างช้าๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

แต่สถานการณ์เช่นนี้ ยากนักที่เขาจะสามารถขับไล่เสือร้ายอย่างหลินหนานออกไปได้!

และหากไม่ใช่เพราะเขาเป็นอัมพาตเพราะเกสรพิษแล้วล่ะก็ ป่านนี้เขาคงจะวิ่งหนีไปตั้งนานแล้วแต่ตอนนี้เขาทําได้เพียงแค่ยืนมองหลินหนานที่ดูประหนึ่งปีศาจร้ายค่อยๆคืบคลานเข้ามาหาตนเองโดยที่ไม่สามารถทําอะไรได้

หนีก็ไม่ได้ และจะต่อสู้ป้องกันตัวก็ไม่ได้..

เสี่ยวลือนี้นับว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจอย่างผิดๆ เพราะต่อให้เขาไม่ได้เป็นอัมพาตอยู่ในเวลานี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินหนานอยู่ดีเพราะแม้แต่ชายร่างอ้วนแซ่หว่ยังไม่สามารถรับมือหลินหนานได้ แล้วคนอย่างเสี่ยวจือจะทําได้อย่างไรกัน

หลินหนานจ้องมองใบหน้าตื่นตระหนกของเสี่ยวจือฉี พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ฉันอยากได้อะไรน่ะเหรอ? ก็น่าจะเป็นเงินเพราะฉันชื่นชอบเงินมากกว่าอะไรทั้งหมด!”

“ได้ๆ นายต้องการเงินเท่าไหร่ก็บอกฉันมาได้เลย ฉันยินดีที่จะจ่ายให้ตามที่นายขอ!” ร่างแข็งที่อของเสี่ยวคือฉีเวลานี้ดูเหมือนเริ่มจะมองเห็นแสงรําไร

“หึ! ความจริงถ้าแกเล่นงานฉันเพียงคนเดียวครั้งนี้เงินทองก็อาจจะช่วยแกได้! แต่นี่แกกล้าแตะต้องเย่เข่อ เอ่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันไม่สามารถให้อภัยได้!”

หลินหนานพูดต่อทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เสี่ยวลือนี้ได้มีโอกาสอ้อนวอนร้องขอ “เพราะแม้แต่ฉันยังไม่กล้าดุด่าหรือแตะต้องเธอเลยแม้แต่น้อยแต่นี่แกกลับกล้าจับเธอเป็นตัวประกันและใช้เป็นเหยื่อล่อให้ฉันมาพบฉันชื่นชมในความบ้าดีเดือดของแกมากจริงๆ!และตอนนี้ก็ได้เวลาที่แกจะต้องชดใช้ให้กับความบ้าดีเดือดของตัวเองแล้ว!”

หลังจากพูดจบ ใบหน้าของหลินหนานก็เปลี่ยนเป็นขถึงทิ้งขึ้นมาทันที เขาจัดการยกร่างของเสี่ยวจือฉีที่นอนแข็งที่ออยู่บนโซฟาขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียว

“หลินหนาน อย่าลืมว่าฉันเป็นทายาทตระกูลเสี่ยวนะ! ถ้านายฆ่าฉันตายก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดอยู่ในเจียงไฮวได้อีกต่อไปเลย!”

เสี่ยวจือฉีร้องตะโกนบอก พร้อมกับดิ้นรนไปมาอยู่กลางอากาศ ในช่วงเวลาที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้มีเพียงต้องอ้างอํานาจอิทธิพลของตระกูลเสี่ยวเท่านั้นจึงจะรอดได้

หลินหนานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา พร้อม

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ฆ่าแกตายแน่!”

หลังจากที่ได้ยินคําตอบของหลินหนาน เสียวจือฉีก็ถึงกับแอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วจึงบอกกับหลินหนานว่า

“นับว่านายยังฉลาดพอ! ที่รู้ตัวว่าต่อให้ตัวเองจะเก่งกาจขนาดไหน แต่ถ้ากล้าทําให้ตระกูลเสี่ยวระคายเคืองใจแล้วล่ะก็นายก็ยากที่จะอยู่ในเมืองเจียงไฮวได้ เอาล่ะ.. ถ้านายยอมปล่อยฉันไป ฉันก็จะไม่ยุ่งกับนายหรือหาเรื่องนายอีก!” เสี่ยวจือฉีรีบร้องบอกหลินหนานทันที

เขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้มาเกือบสามสิบปีแล้ว แต่ยังไม่เคยถูกใครข่มเหงรังแกขนาดนี้มาก่อนเลย แล้วมี หรือที่เขาจะยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆอย่างที่ปากพูด เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้บีบให้เขาต้องเอาตัวรอดไปจากที่ นี่ให้ได้เสียก่อน หลังจากนั้นเขาจะต้องคิดหาวิธีจัดการกับหลินหนานใหม่แน่!

นี่เรียกว่าการถอยเพื่อก้าวต่อ!

แต่แล้วเสี่ยวจือฉีก็ถึงกับต้องประหลาดใจ เมื่อจู่ๆหลินหนานก็หัวเราะออกมา พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน

“ฮ่าๆๆๆ คนอย่างฉันไม่เคยใส่ใจ หรือเกรงกลัวตระกูลเดี่ยวของแกเลยแม้แต่น้อย!”

“นี่หมายความว่า..”

หลังจากที่ได้เห็นรอยยิ้ม และได้ยินเสียงหัวเราะประหนึ่งปีศาจของหลินหนาน หัวใจของเสี่ยวจือฉีก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

หลินหนานจ้องมองเสี่ยวจือฉีด้วยแววตาชวนขนลุก พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงสงบนิ่ง “ที่ฉันบอกว่าจะไม่ฆ่าแกไม่ใช่เพราะความเกรงกลัว แต่เป็นเพราะคนอย่างแกไม่คู่ควรที่จะตายด้วยน้ํามือของฉันต่างหากล่ะ!”

หลังจากที่ได้ยินคําพูดเย้ยหยันของหลินหนาน ใบหน้าของเสี่ยวจือฉีก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ําด้วยความโกรธอย่างที่สุดเขาเกือบจะร้องตะโกนถามหลินหนานออกไปว่า ทําไมคนอย่างเขาถึงไม่คู่ควร?

แต่นับว่ายังโชคดี ที่เขากลืนคําพูดเหล่านั้นกลับลงไปได้ทันเวลา!

แม้แต่หมอพิษที่เก่งกาจอย่างเยวี่ยเทียน ยังต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาแบบนั้น มีหรือที่เสี่ยวจือฉีจะกล้าเล่นตลกกับชีวิตตัวเอง!

“ฉันจะบอกอะไรให้ แต่แกจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม.. คนที่ตายด้วยน้ํามือของฉันแต่ละคนนั้น ล้วนแล้วแต่มีฐานะที่สูงส่งกว่าแกนับร้อยนับพันเท่า”

“เพราะฉะนั้น ถ้าฉันลงมือฆ่าแกด้วยตัวเอง ไม่เพียงมือทั้งสองข้างของฉันจะแปดเปื้อนแต่ยังจะเป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่นๆ ที่ตายด้วยน้ํามือของฉันด้วย!”

ในฐานะของหัวหน้าหน่วยมังกรซ่อนกาย ผู้ที่ตายด้วยน้ํามือของเขานั้น หากไม่ใช่บุคคลสําคัญระดับประเทศก็ต้องเป็นยักษ์ใหญ่แห่งสถาบันการเงิน หรือแม้แต่คนระดับเชื้อพระวงศ์

เพราะฉะนั้น การที่หลินหนานบอกว่า เสี่ยวจือฉีไม่คู่ควรที่จะตายด้วยน้ํามือของเขานั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่เกินจริงแต่อย่างใด และหากเป็นเมื่อก่อน เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้คงไม่ต้องถึงมือเขาลูกน้องในหน่วยมังกรซ่อนกายของเขาย่อมสามารถจัดการได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ําไป

แต่ตอนนี้ หน่วยมังกรซ่อนกายเหลือเพียงแค่หลินหนานคนเดียวเท่านั้น เขาจึงต้องทําทุกอย่างด้วยตัวเอง!

“ใช่ๆ นายพูดได้ถูกต้อง! ฉันไม่คู่ควรที่จะตายด้วยน้ํามือของนายจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยฉันไปเถิดนะและนับจากนี้ไปฉันรับปากว่าน้ําบ่ออย่างฉัน จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับน้ําคลองอย่างนายอีก!” เสียวจือฉีร้องบอกเสียงเบา

แต่หลินหนานกลับส่ายหน้าไปมา พร้อมกับตอบไปว่า “จะทําอย่างนั้นได้ยังไงกันเล่า? เป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเสี่ยวแต่กลับไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ การที่ฉันไม่ฆ่า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยแกไปง่ายๆ”

เสี่ยวจือฉีกัดฟันกรอด พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล “หลินหนาน ตกลงแกจะเอายังไงกับฉันแน่?”

“ง่ายๆ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!”

“แกสั่งให้อาจินหักขาของฉันทิ้ง เพราะฉะนั้น ตอนนี้ฉันก็จะหักขาของแกทิ้งบ้าง แต่ฉันจะยอมหักขาของแกแค่ข้างเดียวและจะให้แกเป็นคนเลือกเองว่า จะให้ฉันหักขาข้างซ้าย หรือว่าข้างขวา?”

หากไม่ใช่เพราะเวลานี้ร่างของเสี่ยวจือฉียังคงห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ เขาคงจะคิดว่าหลินหนานกําลังพูดเรื่องตลกอยู่แน่!

แล้วก็น่าเสียดาย ที่มันไม่ใช่แค่เรื่องตลก!

และเมื่อใดที่เสี่ยวจือฉีเลือกได้แล้ว หลินหนานก็พร้อมที่จะหักขาของเขาอย่างไม่ลังเล!

เมื่อคิดว่าตนเองจะต้องกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต เสี่ยวจือฉีก็ได้แต่นึกเสียใจเป็นอย่างมาก!เขาไม่น่าไปมีเรื่องกับหลินหนานตั้งแต่แรก และนึกเสียใจที่ดันไปมั่นใจในความแข็งแกร่งของอาจารย์ทั้งสามคนมากจน เกินไป

“ถ้าแกเลือกไม่ได้ ฉันก็จะเป็นคนเลือกให้เอง!”

หลินหนานพูดขึ้น พร้อมกับยื่นมือข้างที่เหลือออกไปจับขาข้างขวาของเสี่ยวลือนี้ไว้ทันที..

ทําไมต้องเป็นขาข้างขวาน่ะหรือ?

ก็เพราะมันอยู่ใกล์มือหลินหนานมากที่สุด ทําให้สามารถหักได้อย่างง่ายดายน่ะสิ

และเวลานี้ เสี่ยวจือฉีก็หวาดกลัวจนปัสสาวะราด!

“หลินหนานหยุดก่อน!”

ในระหว่างที่เสี่ยวจือฉีกําลังหมดหวังอย่างสิ้นเชิงนั้น จู่ๆ เสียงร้องตะโกนของใครบางคนก็ดังขึ้นมาแต่ไกล

เสี่ยวจือฉีรีบเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตูบ้าน และพบว่าเสี่ยวหลิงหลงน้องสาวของเขานั้นกําลังวิ่งตรงเข้าที่ห้องรับแขกมาอย่างรีบร้อน

“ขอบคุณพระเจ้า! ในที่สุดเธอก็มาช่วยพี่แล้ว รีบบอกให้เขาปล่อยพี่เร็วเข้า!”

เสี่ยวจือฉีที่มองเสี่ยวหลิงหลงน้องสาวเป็นศัตรู และหนามตําใจมาโดยตลอดนั้น เวลานี้กลับกลายเป็นนางฟ้านางสวรรค์ขึ้นมาทันที เขารู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงน้องสาวของเขาเท่านั้นที่จะสามารถเกลี้ยกล่อมหลินหนานได้

“คิดจะหยุดผมงั้นเหรอ? อย่านึกว่าจะทําได้ เว้นแต่ว่าคุณจะมีเหตุผลที่ดีพอ..”

หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเสี่ยวหลิงหลงดังขึ้น หลินหนานก็ได้ตอบกลับ โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง

แม้กระทั่งเสี่ยวหลิงหลงมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง หลินหนานก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยเสี่ยวจือฉีไปเลยแม้แต่น้อยแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เห็นตระกูลเสี่ยวอยู่ในสายตาอย่างที่พูดจริงๆ!

“เพราะเขาเป็นพี่ชายของฉัน! เหตุผลแค่นี้เพียงพอมั้ย?”

เสี่ยวจือหลงตอบหลินหนานกลับไปด้วยน้ําเสียงกระวนกระวายใจ เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่า พี่ชายของตนเองจะ โง่เขลาได้ถึงเพียงนี้

ทันทีที่หลินหนานก้าวเท้าออกจากบ้านตระกูลเสี่ยว ก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าเย่เข่อเอ๋อถูกลักพาตัวไปทันทีแล้วมีหรือที่หลินหนานจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของคนตระกูลเสี่ยว?

และที่สําคัญ คนอย่างหลินหนานสามารถฆ่าเสี่ยวจือฉีตายได้ในพริบตาเดียว!

หากเธอมาถึงช้าไปเพียงแค่ก้าวเดียว พี่ชายของเธอคงต้องตายไปแล้วแน่ๆ!

“เสียใจด้วย! นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ!”

จากนั้น หลินหนานก็ได้ย้อนถามเสี่ยวหลิงหลงกลับไปว่า “ถ้าคุณมาถึงที่นี่ได้ แสดงว่าคุณเองก็คงต้องรู้แล้วว่าพี่ชายของคุณได้ทําอะไรลงไปบ้าง และถ้าคุณเป็นผม คุณยังจะไว้ชีวิตของเขาอีกมั้ย?”

เสี่ยวหลิงหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดริมฝีปากของเธอก็ขยับ “หลินหนาน ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงทํายิ่งกว่านาย!แต่ครั้งนี้ฉันขอร้องเถิดนะ เห็นแก่ฉันสักครั้ง ได้โปรดปล่อยพี่ชายของฉันไปอย่าทําอะไรเขาเลยนะ!”

ถึงแม้เสี่ยวหลิงหลงจะโกรธเกลียดพี่ชายของเธอมากเพียงใด แต่เธอก็ไม่โหดเหี้ยมพอที่จะทนเห็นพี่ชายตัวเองถูกหักขาจนกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตได้

และที่สําคัญ หากเสี่ยจือฉีต้องกลายเป็นคนพิการไปจริงๆ ตระกูลเดี่ยวของเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ไม่เพียงแค่นั้น หลินหนานเองก็จะต้องกลายเป็นศัตรูกับตระกูลเสี่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอเองก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น..

หลินหนานหยุดนิ่ง และทําท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ และตอบกลับไปด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย

“คําตอบของผมคือ.. ไม่!”