อา? ซูสุ่ยเลี่ยนมองเซเวี่ยลี่ตาค้าง เขา…ก็คือบิดาสามีนาง ที่พูดเมื่อครู่ความหมายเหมือนที่นางเข้าใจหรือไม่ จะจับคู่ให้เซียงหลันกับเจี้ยนเหิง
“ทำไม เจ้าว่าไม่เหมาะ?” เซวี่ยลี่มองปฏิกิริยาซูสุ่ยเลี่ยนอย่างนึกขำพลางย้อนถาม
“ไม่ใช่…แต่พวกเขา…พบหน้ากันวันแรก” หากพวกเขายอม นางย่อมไร้วาจาจะกล่าว เพราะหากสาวใช้มีวาสนาได้คู่ครองแต่งงานดี นางย่อมดีใจแทนพวกนาง
นางมาจากตระกูลซูยุคสาธารณรัฐ การได้แต่งงานกับอาเย่าเป็นการแต่งงานที่นางเลือกด้วยตนเอง มีชีวิตที่มีความสุขเพียบพร้อม นางไม่อยากให้คนข้างกายนางถูกบังคับแต่งงาน แม้เป็นเพียงแค่สาวใช้ผู้ช่วยเช่นนางก็ตาม เหมือนกับชุนหลัน นางอยากให้สาวใช้และคนงานชายในจวนพักตากอากาศมีชีวิตแต่งงานที่งดงามสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องมากมีเงินทอง ขอเพียงแค่สามีภรรยารักใคร่ปรองดอง ยอมรับกันและกัน นางก็ย่อมให้การสนับสนุน
แต่ว่าหากเพียงแค่บิดาสามีนางอยากคิดจับคู่สองคน เจ้าตัวยังไม่ได้ถูกใจอีกฝ่าย เช่นนี้ใช่ว่าเป็นการรวบรัดสองคนมาแต่งงานหรือ งานแต่งงานเช่นนี้จะสมบูรณ์แบบและมีความสุขหรือ
นางสงสัยอย่างมาก
“ง่ายมาก ก็ให้พวกเขาได้คุยกันมากๆ ก็ได้นี่ พวกเราอยู่ที่นี่อีกราวครึ่งเดือนกว่า เพียงพอให้พวกเขาสานสัมพันธ์” เซวี่ยลี่แสดงท่าทางว่าขอเพียงซูสุ่ยเลี่ยนรับปาก เขาก็จะเร่งสัมพันธ์เซียงหลันกับเจี้ยนเหิงสองคนให้ได้
ซูสุ่ยเลี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเซียงหลันได้ลงนามขายตัวเป็นสาวใช้จวนอ๋องจิ้งแล้ว ตอนนี้สัญญาอยู่ในมือนาง แต่ไม่ได้หมายความว่า นางจะจัดการการแต่งงานของเซียงหลันได้
“ความหมายท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้ว ขอให้ข้าได้คุยส่วนตัวกับเซียงหลันสักครู่ก่อนได้ไหม หากนางยินยอม ข้าย่อมไม่มีข้อโต้แย้ง ต้องจัดการแต่งงานให้นางแน่นอน ให้นางได้แต่งงานอย่างมีเกียรติ แต่หากเซียงหลันไม่ยินยอม อย่างั้น…”
“อย่างนั้นงั้นข้าก็ไม่บังคับให้นางเห็นด้วย” เซวี่ยลี่รบคำอย่างไม่ลังเล “แต่ทว่า…” เขาเปลี่ยนแนวใหม่ “ตอนนี้ไม่ใช่ไปตามนางมาคุย แต่ควรหาโอกาสให้พวกเขาได้มีโอกาสอยู่กันลำพัง ให้เข้าใจและได้ปฏิสัมพันธ์กันก่อน ข้าว่านิสัยเจี้ยนเหิงแม้ว่าเงียบขรึม แต่ย่อมเป็นสามีที่ดี ขอเพียงเป็นสตรีฉลาด ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้”
“…ได้” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย ให้ได้ปฏิสัมพันธ์กันพักหนึ่งแล้วค่อยถามความเห็นเซียงหลันก็ดี อย่างน้อยนางก็มีช่วงเวลาได้ลองคุยกันก่อน จะได้คิดให้รอบคอบสักหน่อย
“เพียงแต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ หาก…เซียงหลันยินยอม ก็จะแต่งไปเซวี่ยหมิงหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยน แอบกลัดกลุ้ม เซียงหลันเป็นผู้ช่วยฝีมือดีมาก แม้ว่ามาจวนพักตากอากาศได้แค่เพียงครึ่งปี แต่งานที่นางรับผิดชอบล้วนจัดการได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้โยกย้ายนางไปยังตำแหน่งอื่น นางก็ยังทำได้อย่างดี น่าจะกล่าวได้ว่าตอนนี้บ้านของนางกับอาเย่าและบ้านพวกซือเล่าล้วนอยู่ในการจัดการของชุนหลันกับพวกเซียงหลันที่มาใหม่ จัดการได้เรียบร้อยดีมาก หากแต่งสาวใช้ไปคนก็จะขาดผู้ช่วยไปคนหนึ่ง นางกับชุนหลันจะจัดการดูแลจวนพักตากอากาศขนาดใหญ่โตนี้ได้อย่างไร!
“เรื่องนี้…ข้าก็ยังไม่ได้คิด เอาอย่างนี้แล้วกัน ขอเพียงพวกเขายินยอม ไปอยู่ที่ไหนก็ได้” เจี้ยนเหิงอายุไม่น้อยแล้ว ไม่อาจจะยืดเยื้อต่อไปอีก ขอเพียงมีสตรีที่ดียอมแต่งเป็นภรรยาของเขา ท่านพ่อของเขาในปรภพย่อมวางใจ ตนเองขาดผู้ช่วยฝีมือดีไปสักคนแล้วจะอย่างไร อย่างมากก็ให้หลงอีเลือกคนจากกองทหารโลหิตมาแทนที่
“ในเมื่อท่านพ่อยืนยันเช่นนี้ หากข้าค้านอีกก็คงใช้ไม่ได้แล้ว ก็ตามแต่ท่านพ่อต้องการก็แล้วกัน ให้พวกเขาได้คุยกันก่อน อีกพักข้าค่อยตามเซียงหลันมาคุย” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นเซวี่ยลี่ดึงดันจะเป็นพ่อสื่อให้ได้ ก็ไม่อาจหาคำอ้างมาปฏิเสธ จะว่าไป ก็ยังไม่ได้รู้ความคิดเซียงหลัน หากเซียงหลันมีใจต่อเจี้ยนเหิง นางปฏิเสธก็เหมือนพรากคู่รักจากกัน ดูพวกเขาพัฒนาสัมพันธ์แล้วกัน
เซวี่ยลี่เห็นซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้าเห็นด้วยก็หรี่ตายิ้ม ในใจแอบวางแผนหาโอกาสให้เจี้ยนเหิงกับเซียงหลัน เฟิ่งรั่วเอ๋อร์แอบขำพลางส่ายหน้า วางถ้วยชาลงดึงซูสุ่ยเลี่ยนมาคุยเรื่องในบ้านทั่วไป ตั้งแต่จากกันที่ฉีอวิ๋นซานมาก็สี่เดือนกว่าแล้ว นางอยู่วังเซวี่ยหมิงก็คิดถึงครอบครัวลูกชายมาก
“หากท่านแม่ไม่เหนื่อย ไปดูเซียวเอ๋อร์และหลงเอ๋อร์กับข้าดีไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนย่อมเข้าใจจิตใจแม่สามี แม้ว่ากล่อมอาเย่าให้นั่งลงคุยกับบิดามารดาเขาไม่ได้ แต่ทารกแฝดล้วนเป็นนางตัดสินใจนะ
“ดีแน่นอน ข้าน่ะ อยากเห็นพวกเขาจะตาย อยากจะเห็นพวกเขาทุกวัน” เฟิ่งรั่วเอ๋อร์ได้ยินข้อเสนอซูสุ่ยเลี่ยน พูดโดนใจนางพอดี รีบพยักหน้าอย่างยินดี
สองนางเห็นเซวี่ยลี่กำลังปวดหัวคิดว่าจะเป็นแม่สื่ออย่างไรก็ไม่สนใจเขา จูงมือกันไปที่สระบัว
ว่ากันว่าตั้งแต่ถูกซือเล่าพาไปนั่งเรือในสระบัวแล้ว ตอนนี้ทารกแฝดทุกครั้งก็จะเอะอะจะไปเล่นที่สระบัว หลินหลงใจกล้ามาก ถึงกับคลานล้มลุกคลุกคลานจะลงไปเล่นในน้ำ
ทำเอาไป๋เหอกับเหลียงหมัวมัวต่างตกใจ ได้แต่กอดนางไว้แน่น กลัวว่าไม่ทันระวัง คุณหนูตัวน้อยจะลงไปเล่นน้ำเอง
ดีที่ตอนบ่ายอากาศไม่เย็น ทารกแฝดยังชอบเล่นแถวสระบัว พวกเหลียงหมัวมัวก็เลยมากางเตียงนุ่มกันที่ริมสระเสียเลย บนเตียงมีของเล่นมากมายให้ทารกแฝดคลานเล่นกันอิสระ
“สุ่ยเลี่ยน…จ้านเอ๋อร์เขา…ข้าหมายถึงอาเย่า เขายังเคืองข้าที่เป็นแม่ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แม่หรือ” ตลอดทางไปสระบัว เฟิ่งรั่วเอ๋อร์อยากจะพูดแต่พูดไม่ออกหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็กล้าพูดความในใจกับลูกสะใภ้
ไม่อาจตำหนินางที่คิดมาก นางกับเซวี่ยลี่มาถึงเมืองฝานฮัวได้สองวันแล้ว นอกจากเมื่อวานเพิ่งเดินทางมาถึงเหน็ดเหนื่อย ลูกชายมีเหตุอ้างไม่มารบกวนพวกนาง แต่วันนี้ล่ะ ทำไมยังไม่เห็นเขา ไม่คิดอยากเจอหน้าพวกนางจริงหรือ
“…ท่านแม่…” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็กุมมือเฟิ่งรั่วเอ๋อร์ น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบใจว่า “อาเย่าเขาไม่ใช่คนที่ แสดงออกทางวาจา ข้าเชื่อว่าเขาใส่ใจพวกท่านจริงๆ เช้าวันนี้ก่อนขึ้นเขายังสั่งการเหลียงหมัวมัวเป็นพิเศษ ให้ ห้องครัวทำอาหารแบบทางเหนือ กลัวว่าพวกท่านกินอาหารทางใต้จะไม่ชิน อีกเรื่องหนึ่ง การจัดการที่พักเมื่อวานก็เป็นเขาที่เสนอให้พวกท่านเข้าพักที่เรือนสวนไผ่ จะได้ใกล้กับพวกเราหน่อย ให้เวลาเขาหน่อย ค่อยเป็นค่อยไป…” คิดถึงตอนแรกที่นางเพิ่งแต่งงานกับอาเย่าก่อนหน้านี้ เขาก็พูดน้อยจนนับคำได้ แลดูน่าสงสารมากไม่ใช่หรือ เพียงแต่เพราะว่านางไม่ใช่คนพูดมาก จึงไม่ได้รู้สึกไม่ชินอะไรตรงไหน ขอเพียงเขาเป็นเพื่อนนางเงียบๆ ก็พอใจมากแล้ว
นางเชื่อว่าในใจอาเย่าให้อภัยบิดามารดาตนเองแล้ว จัดให้พักที่เรือนสวนไผ่แม้ว่าเป็นการเลือกที่ไม่ได้เลือก แต่อาหารเช้าเป็นการจัดการของเขาจริงๆ แม้ว่าเพียงแค่สบถเสียงเย็นว่า “อย่านำข้าวผัดไปให้พวกเขา”เพราะว่าชาวเซวี่ยหมิงชอบกินอาหารพวกแผ่นแป้งมากกว่า
“อืม…แม่เชื่อ…” เฟิ่งรั่วเอ๋อร์ยิ้มบ้างพลางพยักหน้า อาหารเช้าวันนี้เทียบกับเมื่อคืน เหมาะกับพวกเขามาก ที่แท้ลูกชายได้สั่งการให้ห้องครัวเตรียมเป็นพิเศษเพื่อพวกนาง ดังนั้นกล่าวได้ว่า ลูกชายแท้จริงก็ใส่ใจพวกนางที่ไม่ได้ทำหน้าที่บิดามารดาด้วย
พอคิดเช่นนี้ เฟิ่งรั่วเอ๋อร์ก็สบายใจขึ้นมาก ก็ไม่ได้คิดถึงว่าลูกชายจะมาเยี่ยมเยือนพวกเขาตอนไหน จะมาถามพวกเขาว่าอยู่ชินแล้วหรือยัง กินอาหารได้ไหมด้วยตนเองหรือไม่ เพราะว่าเขาใช้การกระทำแสดงถึงความในใจของเขาแล้ว