ตอนที่ 169 ยินดีทําทุกอย่าง

ในยามค่ําคืนที่มืดมิด และเงียบสงัดบนเขาฟูหลง..

ท่ามกลางฟากฟ้าที่มืดมิดในยามราตรี ดาวตกสองสามดวงที่ปรากฏขึ้น ทําให้สถานที่แห่งนี้ยิ่งดูลี้ลับมากขึ้น

“คุณชายหลิน ที่นี่เป็นสถานที่ที่เฒ่าเยวี่ยใช้เป็นที่หลอมกลั่นยา ไม่ว่าจะเป็นแมลงมีพิษ หรือสมุนไพรแปลกๆ ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่หมด!”

หลินหนานเดินตามผิงอี้เฉินกับหวี่ฝังซูไปตามถนนขึ้นเขาอยู่นาน หลังจากที่เดินวนรอบเขาอยู่นานหลายรอบ ในที่สุดทั้งหมดก็ไปถึงถ้ําแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ลับสายตาผู้คน

และทันทีที่หลินหนานก้าวเท้าเข้าไปภายในถ้ําลึกลับแห่งนี้ เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างมาก นั่นเพราะภายในถ้ําแห่งนี้นอกจากจะเงียบสงบแล้ว ยังมีพลังวิญญาณที่หนาแน่นมากอีกด้วย

“ภายในถ้ําแห่งนี้มีพลังวิญญาณหนาแน่นกว่าด้านนอกมากจริงๆ มิน่าล่ะ เยวี่ยเทียนถึงได้เลือกที่จะมาฝึกบ่มเพาะพิษ และหลอมกลั่นยาที่นี่!”

หลินหนานสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณเข้มข้นที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของตน ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข นั่นเพราะเขาเฝ้าเสาะหาสถานที่สําหรับหลอมกลั่นยามาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมเลยสักแห่ง จนกระทั่งกลายเป็นปัญหาที่ทําให้เขารู้สึกหนักใจอย่างมาก

แต่ตอนนี้ เขากลับพบสถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่น และเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้ถ้ําแห่งนี้ เป็นสถานที่สําหรับหลอมกลั่นยาของตนเอง

หลินหนานหันไปสั่งให้หวี่ฝังซูกับผิงอี้เฉินทําการฝังศพของเยวี่ยเทียนให้เรียบร้อยโดยเร็ว จากนั้นตัวเขาเองก็ได้เดินสํารวจไปรอบถ้ํา และที่เขาต้องทําเช่นนี้ ก็เพื่อให้ตนเองคุ้นเคยกับถ้ําแห่งนี้ให้มากขึ้นนั่นเอง

ในเมื่อได้ตัดสินใจที่จะใช้สถานที่แห่งนี้ทําการหลอมกลั่นยาแล้ว หลินหนานจึงจําเป็นที่จะต้องทําความรู้จักกับภูมิทัศน์ภายในให้ดียิ่งขึ้น เพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ซึ่งเกิดจากความประมาทเลินเล่อของตนเองในระหว่างที่หลอมกลั่นยา

ถึงแม้ว่าภายในถ้ําจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก แต่พื้นที่ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอลเลยทีเดียว หลินหนานพบว่าภายในถ้ํานั้น ได้มีการนําหินมาวางเรียบรายสร้างเป็นห้องขึ้นสองห้อง

ห้องแรก.. เป็นห้องที่ใช้เก็บสมุนไพรหลากหลายชนิด แต่หลังจากที่ได้สํารวจดูแล้ว หลินหนานก็พบว่า ทั้งหมดล้วนเป็นสมุนไพรพื้นๆทั้งสิ้น และไม่พบว่ามีสมุนไพรล้ําค่าที่จัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะเลยแม้แต่น้อย

แต่เมื่อคิดได้ว่า ยาอายุวัฒนะนั้นเป็นโอสถล้ําค่ามาตั้งแต่โบร่ําโบราณ และเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยาก หรือแทบจะไม่มีโอกาสได้พบเห็นด้วยซ้ํา หลินหนานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง..

สิ่งใดที่พบเจอได้ทั่วไป ย่อมมิใช่สิ่งล้ําค่าอีกต่อไป!

ด้วยเหตุนี้ แม้จะไม่พบสมุนไพรล้ําค่า แต่หลินหนานก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เขาจึงได้เดินเข้าไปสํารวจในห้องศิลาห้องที่สองต่อไป

ภายในห้องศิลานี้ นอกจากเตียงไม้สําหรับนอนหลับพักผ่อนแล้ว ก็มีเพียงแค่ชั้นวางหนังสือ และบนชั้นก็มีหนังสือเก่าๆวางเรียงรายอยู่มากมาย หลินหนานจึงลุ่มหยิบหนังสือสองสามเล่มขึ้นมาเปิดดู และพบว่าหนังสือทั้งหมดล้วนเป็นอักษรเบรลล์ทั้งสิ้น

หลินหนานได้แต่คิดสงสัยว่า เยวี่ยเทียนตาบอดได้อย่างไร?

นอกเหนือจากหนังสืออักษรเบรลล์เก่าๆแล้ว หลินหนานก็ยังพบว่า บนชั้นหนังสือนั้นยังมีกล่องไม้ซึ่งทําจากไม้จันทร์แดงวางอยู่ด้วยหนึ่งกล่อง

แต่ถึงแม้จะอยากรู้มากเพียงใด หลินหนานก็ไม่ได้ผลีผลามรีบแตะต้องกล่องไม้นั้นในทันที เขารวบรวมลมปราณในร่างมาไว้ที่ฝ่ามือทั้งสอง ก่อนจะยื่นฝ่ามือนั้นออกไปจับกล่องไม้ที่ตรงหน้าขึ้นมา

สิ่งของยิ่งล้ําค่ามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีการป้องกันที่มากขึ้นเท่านั้น!

การระมัดระวังตัวและไม่ประมาทเป็นสิ่งสําคัญ และหลินหนานเองก็ไม่ต้องการที่จะจบชีวิตลง เพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง

หลังจากเปิดกล่องไม้ออกดู เขาก็พบลูกแก้วใสที่มีขนาดเท่าเม็ดลําใยวางอยู่ด้านใน..

“หรือว่า.. นี่จะเป็นลูกแก้วที่ได้ยินมา?”

หลังจากที่สํารวจดูลูกแก้วใสนี้อยู่ครู่หนึ่ง หลินหนานก็ถึงกับต้องพึมพําออกมาด้วยความสงสัย พร้อมกับยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจ

เขาค่อยๆ เอื้อมมือออกไปหยิบลูกแก้วใสในกล่องไม้จันทร์แดงขึ้น และน้ํามันวางไว้บนฝ่ามือของตนเองอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่หลินหนานได้โคจรลมปราณไปทั่วร่าง ความมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น..

ลูกแก้วใสไร้สี พลันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอําพันขึ้นมาทันที แต่ก็เพียงแค่สองสามวินาทีเท่านั้น ก็กลับกลายไปเป็นลูกแก้วใสไร้สีดังเดิม

“เหมือนอย่างที่ท่านอาจารย์บอกไว้ไม่มีผิด ลูกแก้วนี้ไม่เพียงสามารถดูดพิษได้ แต่ยังมีพลังวิญญาณอยู่ภายในด้วย มิน่าล่ะ! เยวี่ยเทียนถึงได้กลายเป็นหมอพิษที่เก่งกาจ และไม่เกรงกลัวพิษใดๆทั้งสิ้น เพราะเขามีลูกแก้ววิเศษที่สามารถป้องกันพิษทุกชนิดอยู่ในมือนี่เอง!”

และนี่คือลูกแก้วสยบพิษ!

ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นของวิเศษที่สามารถใช้ป้องกันและสลายพิษได้ จึงนับเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่ง สําหรับผู้ที่เป็นหมอเลยทีเดียว!

หากจะพูดว่า มีลูกแก้ววิเศษนี้อยู่ในมือ หลินหนานก็ย่อมสามารถก่าจัดพิษของเยวี่ยเทียนได้ไม่ยาก ก็คงจะไม่เกินจริงนัก!

แต่ก็ใช่ว่าลูกแก้วสยบพิษจะสามารถใช้ได้ในทุกกรณี เพราะหากคนผู้นั้นถูกพิษที่ออกฤทธิ์สังหารในทันทีเข้าไป แม้แต่ลูกแก้ววิเศษนี้ ก็คงยากที่จะช่วยได้!

แต่ถึงอย่างนั้น ลูกแก้วสยบพิษก็สามารถใช้บรรเทา และยับยั้งพิษเรื้อรังได้ดี แม้พิษที่เยวี่ยเทียนใช้จะค่อนข้างเป็นอันตรายอย่างมาก แต่ลูกแก้วสยบพิษนี้ก็จะสามารถดูดพิษเหล่นั้นได้

“คิดไม่ถึงว่าการมาที่นี่ จะได้ประโยชน์อย่างมากมายขนาดนี้!”

หลินหนานยิ้มออกมาด้วยความพอใจ หลังจากได้ลูกแก้วสยบพิษมาแล้ว หลินหนานก็เดินออกจากห้องศิลาไปทันที..

ในระหว่างที่หลินหนานสํารวจห้องศิลาทั้งสองห้องอยู่นั้น ทั้งผิงอี้เฉินและหวี่ฝังซู ต่างก็ทําภารกิจที่ได้รับคําสั่งจากหลินหนานจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเวลานี้ทั้งสองคนก็กําลังนั่งหายใจเหนื่อยหอบ และเหงื่อไหลโทรม ตัวอยู่

หลินหนานหันไปสํารวจผลงานของคนทั้งคู่ และพบว่าพื้นดินบริเวณที่ใช้ฝังร่างของเยวี่ยเทียนนั้น แบนเรียบเป็นอย่างดี มีแม้กระทั่งไม้ดอกที่เพิ่งถูกนํามาปลูกพรางตาไว้ จึงยากที่จะมีคนมองออกว่ามันคือหลุมฝังศพ

“เอาล่ะ ในเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว ฉันก็จะกลับก่อนล่ะ!” หลินหนานหันไปบอกกับชายทั้งสองคน

“คุณชายหลิน.. นี่คุณจะไปแล้วเหรอครับ?”

หวี่ฝังซูกับผิงอี้เฉินถึงกับหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองหลินหนาน และร้องถามออกไปด้วยความ

งุนงง

หลินหนานเห็นสีหน้าประหลาดใจของคนทั้งคู่ เขาจึงได้แต่กรอกตาไปมา พร้อมกับย้อนถามกลับไปว่า “ถ้าฉันไม่กลับ.. จะให้อยู่เฝ้าที่นี่ตลอดทั้งคืนหรือยังไง?”

“พวก.. พวกเราไม่ได้หมายความแบบนั้นครับคุณชายหลิน! คือพวกเราแค่อยากจะรู้ว่า คุณชายหลินจะปล่อยพวกเราสองคนไปจริงๆเหรอครับ?”

“เฮ้อ.. นอกจากเรื่องของตระกูลเสี่ยว ผมกับพวกคุณสองคนก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันไม่ใช่เหรอ?”

หลินหนานหันไปยิ้มอย่างไม่มีพิษมีภัยให้กับชายทั้งสอง ก่อนจะพูดต่อว่า “แม้แต่เยวี่ยเทียนเอง ผมก็ไม่ได้คิดที่จะฆ่าเขา แต่เขากลับเลือกที่จบชีวิตตัวเองแบบนั้น เป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่คาดคิด! คนอย่างผม.. ชอบการเจรจามากกว่า!”

ชอบการเจรจางั้นเหรอ? ใครจะไปเชื่อ?

ถ้าเธอชอบการเจรจาจริง เสี่ยวจือฉีคงไม่ต้องถูกหักขาแบบนั้นแน่!

หวี่ฝังซูได้แต่บ่นอิดออดอยู่ในใจ หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหลินหนาน พร้อมกับยิ้มกว้างให้ “ยอดฝีมือสูงส่ง แต่กลับถ่อมเนื้อถ่อมตัวแบบคุณชายหลิน ช่างหาได้ยากยิ่งนัก!”

“นั่นน่ะสิ! คุณชายหลินไม่เพียงเป็นคนถ่อนเนื้อถ่อมตัว แต่ยังเป็นคนที่มีจิตใจเมตตามากอีกด้วย!”

โอ้โห! ถึงกับต้องประจบประแจงฉันขนาดนี้เลยเหรอ?!

แม้แต่คนหน้าหนาอย่างหลินหนาน ยังถึงกับหน้าแดงกับคําประจบประแจงของชายทั้งสอง เขารีบยกมือขึ้นโบกห้ามปราม “พอได้แล้ว.. เลิกพูดจาประจบประแจงได้แล้ว!”

“วันหน้าหากคุณชายหลินต้องการจะเรียกใช้พวกเราสองคน พวกเราจะยินดีเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าฝีมือของพวกเราจะไม่ได้สูงส่งอะไรนัก แต่ก็เชื่อว่าจะพอมีประโยชน์ต่อคุณชายหลินบ้างไม่มากก็น้อย..” ผิงอี้เฉินร้องบอกหลินหนานด้วยความจริงใจ

“ขอบใจพวกคุณทั้งสองคนมาก เอาเป็นว่าพวกคุณสองคนจะอยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้ เหตุการณ์เพิ่งจะสงบลง ทางที่ดีพวกคุณอย่ารีบออกไปปรากฏตัวก็ดี!”

“เอาล่ะ ผมต้องไปก่อนแล้ว วันหน้าวันหลังหากต้องการความช่วยเหลือ ผมจะบอกกับพวกคุณสองคนเอง!” หลินหนานเอ่ยตอบกลับไป

“ครับคุณชายหลิน!”

ผิงอี้เฉินและหภู่ผังซูโน้มตัวลงประสานมือเข้าหากัน โน้มตัวไปข้างหน้า และตอบหลินหนานกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกัน

หลังจากลงจากเขาฟูหลงแล้ว หลินหนานก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านตระกูลเย่ในทันที แต่กลับไปที่ห้องเช่าในถนนหอู่หลงก่อน

เมื่อจัดการอาบน้ําเปลี่ยนเสื้อผ้าจนรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวแล้ว หลินหนานก็ได้นํากล่องใส่ลูกแก้วสยบพิษที่หยิบกลับมาด้วยนั้น ไปวางไว้ในที่เดียวกับกริชสามง่าม และเมื่อเขาจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นทันที

“ฮัลโหล!” หลินหนานกดรับสายทันที

จากนั้น หลินหนานก็ได้ยินเสียงของหลิวเฉียนดังขึ้นจากปลายสาย..

“หลินหนาน.. ฉันผู้จัดการหลิวนะ! ฉันมาคิดใคร่ครวญอย่างละเอียดดูอีกที่แล้ว ไม่เห็นด้วยกับการลาออกของนาย และไม่อนุมัติใบลาออก เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้นายต้องกลับเข้ามาทํางานที่บริษัทต่อ!”

“เสียใจด้วย! ผมลาออกแล้ว คุณจะอนุมัติ หรือไม่อนุมัติก็เรื่องของคุณ อย่าหวังว่าจะมาตามผมกลับไปทํางานได้อีก! แล้วก็ลาก่อน..” หลินหนานตอบกลับไปอย่างไม่แยแส และกําลังจะกดวางสาย

“เดี๋ยวก่อนหลินหนาน! นี่น้องชาย.. ถ้านายยอมกลับมาทํางานที่บริษัท ฉันสัญญว่าจะยอมทําทุกอย่างที่นายต้องการ ขอเพียงแค่นายยอมกลับมาทํางานที่นี่เหมือนเดิมก็พอ!”

หลิวเฉียนรับร้องตะโกนบอกหลินหนานไปอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าเขาจะตัดสายทิ้งก่อน และน้ําเสียงของหลิวเฉียนในครั้งนี้ ก็ออกไปในทางอ้อนวอนมากกว่าจะออกคําสั่ง

“ยอมทําทุกอย่างงั้นเหรอ?” หลินหนานพึมพําออกมา พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์