บทที่ 134 เจียงจือหวยสำนักหลัวซา

เทียบกับท่านป้าที่เอาชนะคนในบ่อน ทางฝั่งจี้จือฮวนกลับสงบกว่ามากทีเดียว

จ้านอิ่งได้ไปกินหญ้าอยู่ในคอกม้าของเค่ออวิ๋นไหล ทว่าเมื่อม้าของเค่ออวิ๋นไหลเห็นมันก็สั่นสะท้านขึ้นมา ไม่มีตัวไหนกล้าเข้าไปแย่งอาหารกับมัน

จี้จือฮวนยกไหที่ปกป้องมาตลอดทางขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

เต้าหู้ที่ถูกแช่ไว้ในไหตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อน เป็นเต้าหู้ที่นางทำเอง และตอนนี้ก็กำลังจมอยู่ในน้ำสีดำ

ตามหลักการทำอาหารรสเลิศของจี้จือฮวนก่อนหน้านี้ แม่ครัว พ่อครัวของเค่ออวิ๋นไหลรวมทั้งฮวาเซียงเซียงต่างก็ตั้งตารอกันเป็นอย่างมาก เวลานี้ทุกคนต่างก็ถูมือไปมา

จนกระทั่งจี้จือฮวนเปิดฝาไหออก

“แหวะ” ทุกคนในห้องครัวต่างก็หมุนตัวและส่งเสียงอยากจะอาเจียนออกมา

สีหน้าของเผยยวนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

“ฮี่!” จ้านอิ่งก็ส่งเสียงร้องดังออกมาจากในคอกม้าเช่นกัน ถุย! ผู้ใดเอาอึใส่เข้าไปในหญ้า คิดจะแว้งกัดข้าอย่างนั้นหรือ?!

จี้จือฮวนเลียริมฝีปาก จากนั้นก็เทน้ำมันลงในหม้อด้วยท่าทางปกติ และใช้ตะเกียบยาวคีบลงไปในไห ก่อนจะตั้งใจเลือกเต้าหู้เหม็นสีดำออกมา

ฮวาเซียงเซียงเกือบจะเป็นลมและหมดสติอยู่รอมร่อแล้ว นางบีบจมูกแล้วเอ่ยขึ้นมา “นี่มันอะไรกัน?”

“ขุมทรัพย์ของโลก เต้าหู้เหม็น”

“แหวะ เต้าหู้เหม็น ของแบบนี้ใครจะกินกัน”

ฟ้าดินรู้ดีว่าตั้งแต่จี้จือฮวนรู้ว่าในนิยายเล่มนี้ไม่มีเต้าหู้เหม็นอยู่นางดีใจมากเพียงใด! และนางก็เริ่มทำตั้งแต่วันนั้นแล้ว

“ยิ่งเหม็นเวลากินก็จะยิ่งมีรสชาติ!” จี้จือฮวนตบบ่าของฮวาเซียงเซียง “เจ้าคอยดูก็แล้วกัน”

เมื่อน้ำมันร้อน จี้จือฮวนก็โยนเต้าหู้เหม็นสีดำลงไป

เพื่อหมักเต้าหู้เหม็นนี้ นางได้ผสม ‘ของดี’ ลงไปไม่น้อย หนึ่งไหเต็ม ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า

ครั้งนี้เป็นการทดสอบอาหาร ดังนั้นจี้จือฮวนจึงทำเต้าหู้เหม็นหลากหลายรูปแบบ

เต้าหู้เหม็นเมื่อนำมาทอดกรอบก็จะทำให้มีรสชาติเข้มข้นมากขึ้น จนกลิ่นลอยออกไปถึงด้านนอก บางคนทนไม่ไหวถึงกับวิ่งออกจากครัวไปแล้ว

จี้จือฮวนเทน้ำหมักเต้าหู้เหม็นเล็กน้อย ตามด้วยน้ำจิ้มงาและน้ำเปล่าอีกนิดหน่อยลงบนเต้าหู้เหม็นที่ทอดแล้ว ก่อนจะคนให้เข้ากันตามด้วยพริกไทยป่น ผงยี่หร่า น้ำจิ้มพริก งา ราดด้วยน้ำมันร้อน ๆ ที่ทำเอาไว้ในช่องว่างมิติ ต้นหอม กระเทียม และสมุนไพรสับ จากนั้นก็ยื่นให้ฮวาเซียงเซียง “ลองชิมดู?”

ฮวาเซียงเซียงมีสีหน้าลำบากใจ ไม่ใช่ว่านางไม่อยากกินนะ แต่กลืนไม่ลงจริง ๆ

จี้จือฮวนจึงคีบให้ตัวเองด้วยสีหน้าสบาย ๆ เผยยวนที่อยู่ข้าง ๆ จึงก้มลงมาเล็กน้อย

บนร่างของเขามีกลิ่นหอมสะอาด และยังมีกลิ่นแดดที่ติดบนเสื้อผ้า เขาเอ่ยออกมาพร้อมสายตาอ่อนโยน “ข้าขอชิมเป็นคนแรกได้หรือไม่?”

พวกเขาต่างก็ไม่อยากกินของที่ฮวนฮวนทำ นางต้องเสียใจมากแน่ ๆ

เผยยวนไม่อยากเห็นนางเสียใจ

แน่นอนว่าจี้จือฮวนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ความจริงแล้วที่อาฉือเป็นคนอบอุ่นเช่นนี้ ก็คงเป็นเพราะซึมซับมาจากเผยยวนกระมัง

จี้จือฮวนจึงคีบให้เขาหนึ่งชิ้น

เผยยวนกินไปคำหนึ่งพร้อมสีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไป ทันใดนั้นรสชาติอันรุนแรงหลายอย่างก็กระจายอยู่ในปากของเขา

ยิ่งกินยิ่งหอม ยิ่งกินยิ่งติดใจ

หนุ่มหล่อกับสาวสวยเดิมก็เจริญหูเจริญตาอยู่แล้ว แต่เมื่อมาอยู่รวมกันย่อมดูดีขึ้นไปอีก ทว่าหากเป็นกลิ่นที่หอมกรุ่นก็คงจะยิ่งดี

“เป็นอย่างไรบ้าง!” จี้จือฮวนรอคำตอบจากเผยยวน

เผยยวนดวงตาเป็นประกาย “อร่อยมาก”

ฮวาเซียงเซียงคิดว่าเผยยวนรักน้องฮวนฮวนจนเสียสติไปแล้ว คำพูดที่เกินจริงเช่นนี้ก็ยังพูดออกมาได้

แต่น่าเสียดายที่นางก็ไม่อาจขัดขืนได้อีก เมื่อจี้จือฮวนยัดเต้าหู้เหม็นใส่ปากนางไปหนึ่งชิ้น

“อื้อ ข้าไม่กิน…หืม?!!!”

หลังจากที่ฮวาเซียงเซียงเคี้ยวไปสองที ทันใดนั้นก็ปิดปากและพูดกับพ่อครัวแม่ครัวด้านหลัง “ลองชิมดู ๆ!”

พวกพ่อครัวแม่ครัวจึงคีบขึ้นมาคนละหนึ่งชิ้น พลางคิดว่าเป็นไงเป็นกัน จากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก มือก็คีบชิ้นที่สองขึ้นมาติด ๆ

“แม่นางจี้ ของสิ่งนี้ทำเช่นไรอย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงได้หอมเพียงนี้!”

“ใช่แล้ว เต้าหู้นี่หอมมากเลย”

จี้จือฮวนกำลังยุ่งอยู่กับการทำเต้าหู้เหม็นแบบอื่น ๆ อยู่ จึงให้พวกเขาจินตนาการกันไปก่อน

เต้าหู้เหม็นหมาล่า เต้าหู้เหม็นเผ็ดหวาน เต้าหู้เหม็นจี่กระทะ เต้าหู้เหม็นยัดไส้ กินคู่กับผักดอง รสชาตินั้นทั้งหอมทั้งอร่อย

หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็กินจนปากเหม็นกันถ้วนหน้า

และข่าวที่ว่าจี้จือฮวนวางแผนจะขายเต้าหู้เหม็น ก็ทำให้ทุกคนตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก

“เจ้าสิ่งนี้ขอเพียงได้ลองกินก็จะหยุดไม่ได้! พวกเราลองขายดูก่อน”

“ใช่ วิธีการทำก็ไม่ได้ยาก”

พวกพ่อครัวแม่ครัวต่างก็คิดว่าสิ่งนี้จะสามารถทำเงินได้

หลังจากพวกฮวาเซียงเซียงนำไปให้แขกในร้านลองชิมดู จี้จือฮวนจึงได้หันมาเอ่ยกับเผยยวนพร้อมรอยยิ้ม “รอหาเงินได้มากกว่านี้อีกหน่อย ข้าก็จะสามารถซื้อภูเขาด้านหลังได้แล้ว ดังนั้นต้องเก็บเงินให้ได้มาก ๆ”

เผยยวนเกิดความคิดขึ้นมา หากต้องการเงินล่ะก็…

ขณะเดียวกันเผยยวนก็เห็นแสงสะท้อนบนพื้น นั่นเป็นสัญญาณลับจากพวกซูอิ่ง

เผยยวนกระแอมเล็กน้อย “ข้าจะไปดูผลตอบรับของลูกค้าที่หน้าร้าน”

เมื่อเห็นเขาไม่ทำตัวติดกับนางอีก จี้จือฮวนก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมปล่อยเขาไป “อืม”

เผยยวนออกไปจากเค่ออวิ๋นไหล มองหาตรอกเล็ก ๆ ที่ไกลออกไปตรอกหนึ่ง จากนั้นพวกซูอิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ

“นายท่านขอรับ”

เผยยวนเห็นร่างกายพวกเขากลับมาแข็งแรงดีแล้ว ดูเหมือนว่าอยู่ทางนั้นพวกเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ทว่ากลับเป็นพวกซูอิ่งที่พูดไม่ออกแทน เมื่อครู่พวกเขาแอบมองนายท่านอยู่นาน คิดไม่ถึงว่าลับหลังเขาจะทำตัวราวกับสาวน้อยคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาทนมองไม่ได้จริง ๆ

“เลิกคิดเอาเองได้แล้ว อยากถามอะไรก็ถามมา”

หลังจากที่พวกซูอิ่งมองหน้ากันก็เอ่ยถามออกมา “สตรีนางนั้นคือ?”

“ภรรยาของข้า” เผยยวนเอ่ยถึงตรงนี้ใบหน้าก็พลันแดงเรื่อ และรอดูปฏิกิริยาของพวกซูอิ่ง

เป็นอย่างไร? ภรรยาข้า เก่งหรือไม่ รีบชมเร็วเข้า!

พวกซูอิ่งตกใจมากจริง ๆ นายท่านแต่งงานตั้งแต่เมื่อใดกัน?

เผยยวนสลบไปอย่างกะทันหัน ผู้ที่อยู่บนบัลลังก์มังกรไม่มีทางให้เขามีหน้ามีตาอย่างแน่นอน ราชโองการพระราชทานสมรสนั่นก็ออกมาแบบส่ง ๆ และคนทั้งใต้หล้าก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเผยยวนไปรักษาตัวอยู่ที่ใด

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จี้จือฮวนผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับเผยยวนเลย

“พูดสั้น ๆ ข้าออกมานานไม่ได้ เรื่องที่ให้พวกเจ้าไปตรวจสอบเป็นเช่นไรบ้าง?”

“ตรวจพบแล้วขอรับ พี่น้องของเราบางส่วนถูกส่งไปใช้แรงงานที่เหมือง เมื่อพวกเขารู้ว่านายท่านปลอดภัยต่างก็ดีใจกันมาก ยังมีบางส่วนถูกส่งไปที่ค่ายอื่นแต่ไม่ได้รับความสำคัญขอรับ”

สถานการณ์เช่นนี้เผยยวนคิดเอาไว้อยู่แล้ว

“นายท่านขอรับ ท่านให้พวกเราไปอยู่สำนักหลัวซา เจียงจือหวยประมุขสำนักหลัวซาจะมีข้อต่อรองกับท่านหรือไม่ขอรับ?”

เผยยวนได้ยินก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ไม่”

แต่พวกซูอิ่งก็ยังไม่วางใจ ว่ากันว่าสำนักหลัวซาเป็นกลุ่มคนที่น่ากลัวมาก ในนั้นมียอดฝีมือมากมาย และมีเพียงผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดเท่านั้นที่สามารถดำรงตำแหน่งประมุขได้ นายท่านไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

เรื่องบางเรื่องเผยยวนก็ไม่สะดวกที่จะบอกพวกซูอิ่ง

“เจียงจือหวยไม่มีทางทำร้ายพวกเจ้าและไม่มีทางหักหลังข้า หากข้ามีเรื่องและไปหาเขา เขาต้องช่วยอย่างแน่นอน”

บุญคุณความแค้นของเขากับสำนักหลัวซา เขาเองก็ไม่อยากหวนกลับไปคิดถึงมันอีก ส่วนเจียงจือหวยคงรอให้เขาไปหามานานแล้ว

จะว่าไปแล้วก็น่าขัน ใครจะไปคิดว่าเทพสงครามที่มีชื่อเสียงของต้าจิ้นอย่างเผยยวนจะเป็นศิษย์ของสำนักหลัวซา ส่วนเจียงจือหวยพูดง่าย ๆ ก็นับเป็นอาจารย์ของเขา ตอนนั้นหลังจากที่ท่านพ่อตาย จวนโหวไร้ที่พึ่งพิง จู่ ๆ เจียงจื่อหวยก็สอนศิลปะการต่อสู้ชั้นยอดให้กับเขา และเริ่มแตกหักกันตอนที่เขาไปสนามรบในตอนนั้น

เพียงเพราะเจียงจือหวยพูดกับเขาว่า ‘เจ้าไม่ควรออกรบเพื่อเผยเกอกับเซี่ยฉงฟาง ชีวิตของเจ้ามีค่ามากกว่าที่เจ้าคิด ขอเพียงเจ้าตกลง สำนักหลัวซาจะเป็นของเจ้า’

แน่นอนว่าเผยยวนไม่สามารถให้เขามาดูถูกเหยียดหยามพ่อแม่ของตัวเองได้ แต่เจียงจือหวยกลับพูดขึ้นว่า ‘สักวันเจ้าจะต้องเสียใจ และข้าจะรอเจ้าอยู่ที่สำนักหลัวซา’

คิดไม่ถึงว่าคำพูดนั้นจะเป็นจริง เพราะเขาต้องกลับไปหาเจียงจือหวยจริง ๆ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาตอนที่อยู่ในเมืองหลวง เจียงจือหวยคงจะรู้ดีแต่ก็ไม่ได้มาหาเขา คงเพราะต้องการจะบีบให้เขาหมดหนทางและให้เขาเป็นฝ่ายไปขอร้องให้ช่วย

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัยเรื่องที่ตนเองอาจไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเซี่ยฉงฟาง แต่เพราะเผยเกอเป็นพ่อที่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่านั่นจะเป็นเรื่องโกหก แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้มา เพื่อทวงคืนทุกสิ่งที่เป็นของเขา เขาจึงยอมอ่อนข้อให้กับเจียงจือหวย

และเขาเองก็อยากรู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใครกันแน่