บทที่ 136 กับดักในเรือนหลังเล็ก

ตอนกลางคืน พวกเหล่าเติ้งได้กลับกันไปนานแล้ว

จี้จือฮวนอาศัยแสงเทียน ตรวจหนังสือสำนึกผิดที่ทั้งสามคนเขียน

ตัวหนังสือของท่านป้านับว่าใช้ได้ แต่อาอินกับอาชิงนั้นเขียนราวกับงูเลื้อย ทนมองไม่ได้จริง ๆ

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป เวลาพี่ใหญ่ฝึกเขียนพวกเจ้าก็ต้องฝึกด้วย” จี้จือฮวนเก็บหนังสือสำนึกผิดลง “ก่อนที่ข้าจะเห็นการสำนึกผิดอย่างจริงใจของพวกเจ้า จะไม่อนุญาตให้ไปในตำบลเด็ดขาด”

ทั้งสามคนคอตกทันที และเตรียมที่จะออกไปข้างนอก

“ช้าก่อน” จี้จือฮวนล้วงกระดาษวาดภาพออกมาปึกหนึ่ง

มองไปทางทุกคนที่อยู่ในที่นี้ พร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “ในเมื่อตอนนี้ในบ้านมีแค่พวกเรา และเหลือแค่ห้องเก็บของเท่านั้น การใช้งานบางอย่างข้าอยากให้ทุกคนจำใส่ใจเอาไว้”

จี้จือฮวนแจกพิมพ์เขียวของที่ตั้งกลไกให้พวกเขาหนึ่งแผ่น

สามทหารเสือแห่งบ่อนการพนันย่อมมองไม่เข้าใจ แต่เผยจี้ฉือกับเผยยวนแค่มองแวบเดียวก็รู้ได้ทันที และรู้สึกประหลาดใจมากที่พบว่าสิ่งที่วาดไว้บนพิมพ์เขียวเหล่านี้ถูกฝังอยู่ในผนังบ้าน

สาเหตุที่บ้านหลังนี้มีราคาสูงก็เพราะสร้างด้วยอิฐทั้งหลัง จึงมีความแข็งแรงมาก

แต่ไม่มีใครนึกออกว่าการที่จี้จือฮวนนำชิ้นส่วนเหล่านี้มาประกอบกันจะสามารถสร้างอะไรเช่นนี้ได้

แม้แต่พวกเหล่าเติ้ง เพราะพิมพ์เขียวที่เขาได้รับก็เป็นแค่แบบร่างสำหรับสร้างบ้านเท่านั้น ไม่ได้รู้ถึงจุดประสงค์ของร่องและรูที่ต้องสร้างทิ้งไว้

“ทั้งหมดนี้เป็นกับดักที่ข้าคิดขึ้นมา อาจจะดูเรียบง่ายและหยาบไปสักหน่อย แต่พวกมันสามารถปกป้องชีวิตเราในช่วงเวลาคับขันได้ เมื่อใดก็ตามที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ก็สามารถใช้กับดักเหล่านี้ได้”

จี้จือฮวนอธิบายให้พวกเขาฟัง พร้อมกับแสดงให้ทุกคนดู

ตัวอย่างเช่น ดวงตาทั้งสองข้างของเด็กน้อยในภาพวาดปีใหม่ตรงประตู สะกิดปุ๊บตาข่ายขนาดใหญ่ก็จะร่วงลงมาจากหลังคาทันที

แจกันที่ประดับอยู่ในห้องโถงมีสลักอยู่ เพียงแค่หมุนที่จับด้านซ้ายสามครั้ง ก็จะสามารถปล่อยก๊าซพิษได้ และเพื่อเป็นการป้องกันหากมีคนในหมู่บ้านคนใดไปแตะต้องมันเข้า

และที่สำคัญที่สุดนางยังได้ติดตั้งกลไกพิเศษเอาที่หัวเตียงของแต่ละคนอีกด้วย

เมื่อเกิดอันตรายขึ้นให้กดร่องที่อยู่ด้านซ้ายของหัวเตียง กระดานบนเตียงจะแยกออกเป็นสองส่วนทำให้คนตกลงไปด้านล่าง ด้านในเชื่อมต่อกับห้องเก็บของซึ่งมีอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงเครื่องนอน สามารถอยู่ในนั้นได้สักระยะหนึ่ง

รอซื้อภูเขาด้านหลังได้แล้ว นางยังจะขุดอุโมงค์อีกด้วย

มีเพียงการอาศัยอยู่ในห้องเช่นนี้ จี้จือฮวนจึงจะรู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นบ้าง

เห็นได้ชัดว่าคนในครอบครัวต่างตกใจกันเป็นอย่างมากที่รู้ว่าในห้องของตนมีกลไกเล็ก ๆ เหล่านี้อยู่ แต่จี้จือฮวนกลับไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด

อยู่ด้วยกันนานเข้า ย่อมต้องมีความรู้สึกผูกพันกันเป็นธรรมดา นางทำทางหนีทีไล่เอาไว้ให้พวกเขา ภายภาคหน้าหากว่าเนื้อเรื่องในนิยายยังคงดำเนินไปตามเดิม อย่างน้อยนางก็สามารถปกป้องพวกเขาได้

คนที่นางปกป้องในยุคปัจจุบันนางทำเพื่อค่าตอบแทน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีสิ่งที่อยากจะปกป้องจริง ๆ ดังนั้นจี้จือฮวนจึงอยากจะพยายามอย่างเต็มที่

พวกเด็ก ๆ ต่างก็ไปศึกษากลไกเล็ก ๆ ในห้องของตนเองตามพิมพ์เขียวด้วยความตื่นเต้น แม้แต่ในลานบ้านก็มีกลไกติดตั้งไว้เช่นกัน มีเพียงเผยยวนเท่านั้นที่จ้องมองจี้จือฮวนไม่วางตา

เขาอยากรู้จริง ๆ ว่านางผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้กลัวมากขนาดนี้ แม้แต่ยามนอนก็ยังต้องระวังตัวเป็นพิเศษถึงเพียงนี้

แต่ในขณะเดียวกันมือของเขาก็ถือภาพของกลไกเหล่านั้นเอาไว้แน่น และรู้สึกทึ่งอย่างมาก

หากจวนจี้กั๋วกงรู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาผลักไสคนเช่นไรออกมา เกรงว่าภายหน้าจะต้องรู้สึกเสียใจเจียนตายเป็นแน่

ดวงตาของเผยยวนเป็นประกาย และไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด

จี้จือฮวนเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ ราวกับว่าเขามีเรื่องที่อยากจะถาม “เจ้าอยากถามอะไรหรือ?”

“เรื่องพวกนี้เจ้าไปเรียนมาจากที่ใดหรือ?”

“ข้าเรียนรู้มาจากในองค์กร ตามความเข้าใจของเจ้าก็คือคนที่ทำงานให้ราชสำนักอย่างลับ ๆ เจ้าหน้าที่พิเศษด้านความมั่นคงของชาติ ความลับทางทหาร การเมือง อะไรทำนองนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน แตกต่างจากคนที่เปิดเผยหน้าตาและทำงานในที่ว่าการ”

เผยยวนเข้าใจได้ทันที “องครักษ์ลับ?”

“เข้าใจเช่นนั้นก็ไม่ผิดนัก มีหลายสิ่งที่พวกเราต้องเรียนรู้ เช่น ภาษาของประเทศอื่น จิตวิทยา การต่อสู้ ขนบธรรมเนียมของแต่ละพื้นที่ การสะกดรอยตามและการอำพรางร่องรอยไม่ให้ศัตรูสะกดรอยตามได้ การจัดตั้งและการจัดการเครือข่ายข่าวกรอง ความจริงแล้วก็ไม่แตกต่างจากองครักษ์ลับข้างกายพวกเจ้ามากนัก

ตอนที่เราออกไปทำภารกิจ ต้องชำนาญเรื่องการซ่อนตัวและปลอมตัว จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย”

ดังนั้นเมื่อจี้จือฮวนมาที่นี่ ก็ไม่คิดที่จะปกปิดความเชี่ยวชาญของตนเอง นางไม่ใช่คนที่ชอบทำให้ตัวเองลำบาก ในโลกของนิยายเทียบกับการต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้ว ไม่สู้อยากทำอะไรก็ทำยังจะดีเสียกว่า

สำหรับตัวตนและที่มาของนาง นางก็ไม่คิดที่จะโกหกเผยยวน

เห็นได้ชัดว่าเผยยวนเป็นผู้ฟังที่ดีเป็นอย่างมาก

คำแปลกประหลาดที่พูดออกมารวมถึงวิธีการแสดงออกของนาง เขาสามารถยอมรับมันได้

นอกเรือน ในที่สุดมือสังหารทั้งสองก็หาร่องรอยขององค์หญิงใหญ่เจออีกครั้ง และพวกเขากำลังมุ่งหน้ามาที่บ้านของครอบครัวเผย

อาชิงน้อยกำลังทำตามคำแนะนำบนพิมพ์เขียว ดึงเชือกป่านข้างห้องครัวลง

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

เข็มพิษหลายเล่มพุ่งออกมาจากช่องว่างของรั้ว และปักใส่ร่างของมือสังหารสองคนนั้นพอดี

หลังจากส่งเสียงครวญครางอู้อี้ออกมา มือสังหารทั้งสองคนก็ล้มลงกับพื้นและหมดสติไป

“หืม? ทำไมเหมือนได้ยินเสียงแปลก ๆ” อาชิงเกาหัวเล็กน้อย

ไม่สนใจแล้ว ข้าไปอาบน้ำดีกว่า~

ตกดึกเผยยวนมักจะเป็นคนอาบน้ำคนสุดท้ายทุกครั้ง หลังจากรอให้เทียนในห้องของจี้จือฮวนดับลง เขาจึงรีบเข้าไปในตำบลฉาซู่

เรือนพักตากอากาศซีซานที่อยู่ไม่ไกลจากตำบลฉาซู่

เอี๋ยนเฉาได้รับจดหมายจากเมืองหลวง และกำลังคิดที่จะไปห้องหนังสือเพื่อตอบกลับ ทว่าเพิ่งจะเปิดประตูก็ถูกคนจับกดลงกับพื้นทันที

เอี๋ยนเฉาต่อให้ตายไปแล้ว ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าบุกเข้ามาในเรือนพักตากอากาศของเขา! อยากรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ

เขาเงยหน้ามองขึ้นไปตามรองเท้าสีดำตรงหน้า ชายหนุ่มร่างสูง ขายาว นั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขาด้วยท่าทางสง่างาม และกำลังเล่นพู่กันในห้องหนังสือของเขาอยู่

ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นทำให้ดวงตาของเอี๋ยนเฉาเบิกโพลง

“ผะ เผย เผย…เผยยวน!”

เขาออกไปรักษาตัวที่นอกเมืองหลวง และอยู่ได้อีกไม่นานแล้วไม่ใช่หรือ! เหตุใดใบหน้ายังดูอิ่มเอิบและมีเวลามาหาเขาอีกเล่า?

เผยยวนที่นั่งอยู่ตรงหน้าได้ยินก็เงยหน้าขึ้น และมองเอี๋ยนเฉาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“ไม่พบกันนานเลยนะ”

เอี๋ยนเฉาฉีกยิ้มที่ดูน่าเกลียดออกมา “มาได้อย่างไร เหตุใดถึงไม่บอกก่อนล่วงหน้าเล่า พากันมามากมายเช่นนี้ จะทำให้คนเขากลัวรู้หรือไม่?”

นิ้วมือเรียวยาวของเผยยวนเคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ มุมปากโค้งขึ้นและเผยรอยยิ้มที่ไม่แยแสออกมา “บอกเจ้าก่อน เจ้าจะไม่หนีไปอย่างนั้นหรือ เอี๋ยนเฉา บัญชีที่ครอบครัวของพวกเจ้ายักยอกเสบียงกองทัพทหารเกราะเหล็กของข้าไป ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าในวันนี้ นี่ถือว่าข้าให้เกียรติเจ้ามากแล้ว”

เผยยวนเอ่ยถึงตรงนี้ ก็ดีดนิ้วขึ้นมา

แขนข้างหนึ่งของเอี๋ยนเฉาก็ถูกดึงจนหลุดในทันที

“เผยยวน เจ้า เจ้า เจ้ามีอะไรก็พูดกันดี ๆ อย่าใจร้อนสิ” เอี๋ยนเฉาเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว ทำได้เพียงกัดฟันขอพรให้ตัวเองมีชีวิตรอด

มีใครที่ตอนเด็กไม่เคยถูกเผยยวนตีบ้าง

แม่ทัพหนุ่มนั่งบนหลังม้าพร้อมดาบยาว ทำให้พวกเขาที่เป็นลูกผู้ลากมากดีในสายตาของคนทั่วไปไม่พอใจอย่างยิ่งยวด เพราะมีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นเหมือนเผยยวน?

เมื่อคนล้มย่อมมีคนซ้ำเติม แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของเอี๋ยนเฉาเพียงคนเดียว

“เงินสองแสนตำลึง หากขาดไปแม้แต่เหวินเดียว ข้าจะเอาชีวิตคนตระกูลเอี๋ยนหนึ่งคน แต่หากขาดไปหนึ่งตำลึง ข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งตระกูลเสีย” เผยยวนสะบัดพู่กันในมือออกไป เสียบเข้าที่เป้าของเอี๋ยนเฉาพอดี ทำให้เขาตกใจจนหนังตากระตุก

ในลานบ้านด้านนอกมีเสียงร้องไห้ของอนุที่กำลังตั้งครรภ์ของเอี๋ยนเฉาดังขึ้นมา เผยยวนลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินมานั่งยอง ๆ และตบที่หน้าของเอี๋ยนเฉาเบา ๆ “ทำตัวดี ๆ หน่อย คายสิ่งที่เจ้ากลืนไปออกมา เจ้าก็จะสามารถหายใจต่อไปได้”

เอี๋ยนเฉากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยน้ำตา

หากเขารู้ว่าคนผู้นี้ยังไม่ตาย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่อมของไปแน่นอน!