ตอนที่ 173 ใครหล่อกว่ากัน?

งานทําความสะอาดห้องน้ําเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน ที่ทําหน้าที่ดูแลความสะอาดในบริษัททั้งเป็นงานสกปรกและไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีในสายตาของคนอื่น

การที่หลินหนานสั่งให้หลิวเฉียนไปล้างห้องน้ําเป็นเวลาหนึ่งเดือนนั้น ความจริงแล้ว เขาเพียงแค่ต้องการให้บทเรียนกับหลิวเฉียนเท่านั้น

“แต่ว่า.. การที่ฉันจะไปทําความสะอาดห้องน้ําแบบนั้น จะไม่เป็นการทําลายภาพพจน์ และความน่าเชื่อถือของผู้จัดการฝ่ายขายงั้นเหรอ?” หลิวเฉียนอิดออด

หลินหนานเบ้ปาก พร้อมกับตอบไปว่า “ถ้าคุณไม่อยากล้างห้องน้ํา ก็ต้องไปวิ่งแก้ผ้า แต่ถ้าไม่ยอมทําอะไรสักอย่างก็เตรียมตัวตกงานได้เลย!”

“ตะ.. ตกลง! ฉันยอมล้างห้องน้ํา ยังไงก็ดีกว่าการวิ่งแก้ผ้า…”

หลิวเฉียนกัดฟันกรอด

มาก็ต้องเลือกที่จะล้างห้องน้ําอยู่ดี เพราะถึงแม้จะกระทบต่อความน่าเชื่อ ถือ แต่ก็ยังดีกว่าต้องไปวิ่งแก้ผ้าหลายเท่านัก

“ดี! ถ้าอย่างนั้นคุณก็เข้าไปรายงานเรื่องนี้ให้ประธานเย่ทราบด้วย เพราะผมคงไม่มีเวลามานั่งเฝ้าคุณขัดห้องน้ําทุกวันได้!” หลินหนานยังคงยั่วโมโหหลิวเฉียนต่อ

หลิวเฉียนถึงกับห่อเหี่ยวใจขึ้นมาทันที เพราะหลินหนานไม่เปิดโอกาสให้เขาหลบเลี่ยงได้เลยหลิวเฉียนได้แต่เดินคอตกเข้าไปรายงานเรื่องนี้ให้เยจิงเฉิงรู้

เยจิงเฉิงถึงกับต้องกลั้นหัวเราะ และถามหลิวเฉียนไปว่า “นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยผู้จัดการหลิว? คุณจะทํา หน้าที่ล้างห้องน้ําบริษัทเป็นเวลาหนึ่งเดือนจริงๆน่ะเหรอ? แล้วใครจะดูแลฝ่ายขาย?”

หลิวเฉียนได้แต่ตอบกลับไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ผมคิดว่าหลินหนานน่าจะเหมาะสมที่สุดอีกอย่าง.. ที่ป ระธานเยู่ให้ผมตามเขากลับมา ก็เพราะเห็นว่าเขามีความสามารถที่จะมาแทนที่ตําแหน่งของผมได้ไม่ใช่เหรอครับ?”

“ใครบอกคุณว่าฉันคิดแบบนั้นกัน?!” เยจิงเฉิงขมวดคิ้วเข้าหากันทันที

“ห้ะ?! ไม่ใช่เหรอครับ?” หลิวเฉียนถึงกับนิ่งอึ้งไป

เขาคิดมาตอลดว่า เยจิงเฉินเรียกหลินหนานกลับมาทํางาน เพราะต้องการสนับสนุน และให้เขาขึ้นมาแทนที่ตนเอง

“เอาล่ะ.. ฉันอนุมัติเรื่องที่คุณจะไปทําความสะอาดห้องน้ํา! ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญออกไปได้”เยจิงเฉิงบอกกับผู้จัดการหลิว

หลังจากที่ได้ยินคําพูดของประธานเย่ หลิวเฉียนก็เดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกโล่งอกในขณะที่เจิงเฉิงก็หันไปมองเหลียงซวี่ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความปวดหัว

“เฮ้อ.. ดูท่าหลิวเฉียนคงจะเอาเขาไม่อยู่! เลขาเหลียง คุณคงต้องช่วยฉันหาวิธีรับมือกับหลินหนานแล้วล่ะไม่อย่างนั้น บริษัทของฉันคงจะวุ่นวายไปมากกว่านี้แน่!”

และคําๆเดียวที่จะสามารถอธิบายการกระทําของหลินหนานในเวลานี้ได้ก็คือคําว่า.. ตัวปัญหาเพราะแม้แต่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างหลิวเฉียนยังไม่สามารถรับมือกับคนกะล่อนอย่างหลินหนานได้!

เหลียงซี่อู่ทําสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็ขยิบตาให้กับเยจิงเฉิง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คุณเย่คะ.. ทําไมถึงไม่ย้ายหลินหนานมาทํางานใกล้ๆคุณล่ะคะ?”

“นี่เลขาเหลียง คุณก็รู้ดีว่าแค่ฉันเจอหน้าเขาที่บ้าน ก็หงุดหงิดมากพออยู่แล้ว ยังจะให้เขามาวนเวียนอยู่รอบๆตัวฉันตลอดทั้งวันอีกงั้นเหรอ?” เยจิงเฉิงย้อนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจกับข้อเสนอแนะของเหลี่ยงซื่อ

“ฉันไม่เห็นด้วย!”

แต่เหลียงซวีอีกลับยิ้มอย่างใจเย็น พร้อมตอบกลับไปว่า “คุณเย่คะ.. ที่หลินหนานไม่กลัวใครในบริษัทเลยก็เพราะฐานะพิเศษที่เป็นอยู่ของเขา แต่ถ้าคุณเย่เอาเขามาอยู่ใกล้ๆตัวเขาก็จะไม่กล้าสร้างปัญหาอะไรมากนัก..”

แววตาของเยจิงเฉิงเป็นประกายขึ้นมาทันที “อืมม.. เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน! เอาล่ะ.. ถ้าอย่างนั้นในช่วงที่ฉันจะต้องไปเจรจาธุรกิจที่กวงหลิง ก็ให้หลินหนานมาทําหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับฉันก็แล้วกัน!”

ถึงตอนนั้น หลินหนานก็จะไม่สามารถไปสร้างเรื่องสร้างราวอะไรได้อีก!

วันเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ และหลินหนานก็ได้ใช้ชีวิตยุ่งบ้างว่างบ้าง ในแบบของพนักงานออฟฟิศมาตลอดทําให้ชีวิตของเขาเริ่มมีสาระขึ้นมาบ้าง

แล้ววันเสาร์ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว!

ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้หลินหนานยังคงนั่งรถประจําทาง ไปที่โรงเรียนมัธยมหนานชูเป็นปกติเช่นเดิม

“พี่หลินหนานฉันอยู่นี่!”

ทันทีที่หลินหนานก้าวเท้าลงจากรถประจําทาง เฉิงซินเยวก็รีบวิ่งออกมาจากประตูโรงเรียนอย่างรวดเร็วและในระหว่างที่วิ่งผ่านกลุ่มนักเรียนชายในโรงเรียนไปนั้น แต่ละคนก็หันไปจ้องมองเด็กสาวกันเป็นตาเดียว

แม้เฉิงซินเย่วจะแต่งตัวพื้นๆธรรมดา และใบหน้าก็ไร้เครื่องสําอาง แต่ทั้งความสวย ความบริสุทธิ์ใสซื่อและผลการเรียนของเธอนั้นก็ทําให้เด็กสาวได้กลายเป็นหญิงสาวในฝันและเป็นที่หมายปองของบรรดานักเรียนชายในโรงเรียน

แต่ดูเหมือนเฉิงซินเยวจะคุ้นเคยกับสายตาเหล่านี้เป็นอย่างดีเธอจึงไม่ได้รู้สึกสนใจ หรือตื่นเต้นอะไรกับมันนักและเมื่อไปถึงจุดที่หลินหนานยืนอยู่เธอก็รีบยิ้มหวานให้กับเขาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“พี่หลินหนาน ขอโทษที่ฉันมาไม่ทันขึ้นรถประจําทางอีกแล้ว!”

หลินหนานตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไม่เป็นไร ต่อให้ต้องยืนคอยเธอนานกว่านี้ พี่ไม่ได้ลําบากอะไรไม่ต้องกังวลใจไป!”

เฉิงซินเยวพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงกระซิบถามหลินหนานไปว่า“นี่พี่หลินหนาน คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่?

ในระหว่างที่ยืนรอรถประจําทางคันใหม่นั้น จู่ๆ เฉิงซินเย่วก็ถามถึงเรื่องในคืนนั้นขึ้นมา หลินหนานหันไปมองหน้าเด็กสาวพร้อมกับย้อนถามด้วยความสงสัย

“ทําไมจู่ๆถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมา? หรือว่าโม่อชิงเล่าอะไรให้เธอฟัง?”

เฉิงซินเยวทําสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ พร้อมตอบหลินหนานกลับไปว่า “ไม่นะ! อว์ชิงไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังเพียงแต่.. ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกรําคาญเธอมาก เพราะเธอเอาแต่ถามถึงเรื่องของพี่แล้วก็บอกให้ฉันชวนพี่ออกมาพบเธอ..”

“ต๊ะ?! อยากให้พี่ออกมาพบ! โอ้โห.. คิดไม่ถึงว่าเสน่ห์ของพี่จะแรงขนาดนี้ ทั้งเด็กทั้งสาวแก่พากันติดใจกัน หมด!”

หลินหนานแกล้งทําเป็นพูดตลกไปอย่างนั้นเอง เขารู้เหตุผลที่โม่อรี่ชิงอยากพบตนเองดีเธอก็แค่ต้องการให้เขาสอนวรยุทธให้นั่นเอง!

หลังจากที่ได้ฟังคําตอบของหลินหนาน เฉิงซินเยวก็ได้แต่ถามออกไปว่า “พี่หลินหนานพี่ชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอ?”

“ไม่รู้สิ! แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างโม่อชิงแน่นอน! รถมาพอดี รีบขึ้นรถได้แล้ว!”

หลินหนานหันไปตอบเฉิงซินเยวยิ้มๆ และเดินนําเธอขึ้นไปบนรถประจําทาง ทําให้หลินหนานไม่ทันได้สั่งเกตเห็นแววตาโล่งอกของเด็กสาว

เมื่อไปถึงถนนหลงหวี่แล้ว หลินหนานก็ยังคงพาเฉิงซินเย่วไปกินบะหมี่ร้านลุงซานเหมือนเช่นเคย แต่ที่ทําให้หลินหนานประหลาดใจมากก็คือ หลังจากที่ฉันเพิ่งซื้อกิจการต่อจากลุงซานแล้วไม่เพียงลูกค้าไม่ลดลงแต่ดูเหมือนจะขายดิบขายดีมากกว่าเดิมด้วย..

และตอนนี้ลูกค้าที่มารอซื้อบะหมี่ก็ยืนเรียงแถวกันเป็นทางยาว ที่สําคัญ.. คนที่ยืนรอนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่! เมื่อเห็นแถวที่ยาวเหยียดแบบนั้น หลินหนานก็เปลี่ยนใจไม่คิดที่จะกินบะหมี่อีกเขาจึงพาเฉิงซินเย่วไปกินเกี้ยวที่ร้านฝั่งตรงข้ามแทน

“น่าแปลก! ลุงซานให้สูตรเด็ดอะไรกับฉินเฟิง เขาถึงได้ขายดีเป็นเทน้ําเทท่าแบบนั้น?!”

หลังจากที่สั่งเกี่ยวน้ําให้กับเฉิงซินเย่วแล้ว หลินหนานได้แต่พูดเปรยออกมาด้วยความสงสัย เฉิงซินเยวที่นั่งอยู่ข้างๆจึงได้พูดขึ้นว่า

“พี่หลินหนาน เจ้าของร้านบะหมีคนใหม่หน้าตาหล่อมากเลย ฉันว่าที่คนแห่มาอุดหนุน ก็เพราะหน้าตาที่หล่อเหมือนดาราของเขามากกว่า”

หลินหนานตอบกลับอย่างไม่เห็นด้วยทันที “หมอนั่นนี่นะหล่อ?! ฉินเฟิงอาจจะดูหน้าตาดีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ ถึงกับหล่อจนสามารถดึงดูดคนให้มากินบะหมี่ได้แน่! เธอก็พูดเกินไป..”

แต่เมื่อเห็นหลินหนานปฏิเสธไม่ยอมรับ เฉิงซินยวจึงได้แต่ย้อนถามกลับไปว่า “พี่หลินหนาน แล้วถ้าเปลี่ยนจากเถ้าแก่ฉันเป็นหญิงสาวที่สวยระดับดาราพี่จะไปยืนเข้าแถวรอกินบะหมี่มั้ย?”

“แน่นอนอยู่แล้ว! เป็นผู้ชายก็ต้องชอบมองผู้หญิงสวยๆเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นจะแปลก!”

เฉิงซินเย่วหัวเราะคิกคักพร้อมกับยกมือขึ้นป้องปาก “นั่นน่ะสิพี่หลินหนาน ในเมื่อผู้ชายยังชอบมองผู้หญิงสวยๆก็ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะชอบมองผู้ชายหล่อๆ”

หลินหนานฟังแล้วก็ได้แต่เบะปาก พร้อมกับถามเด็กสาวไปว่า “จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน?!นี่ซินเย่ว.. ถามจริงๆ หมอนั่นกับพี่ใครหล่อกว่ากัน?”

“เอ่อ..” เฉิงซินเยวได้แต่อึ้ง เห็นชัดว่าเธอกําลังรู้สึกลําบากใจที่จะตอบคําถามของหลินหนาน

“นี่! ถ้าเธอไม่คิดให้ดีก่อนตอบ วันนี้ก็ไม่ต้องกินเกี้ยวน้ําชามนี้!”

หลินหนานยกมือขึ้นดึงชามเกี่ยวน้ําของเฉิงซินเย่วเข้ามาหาตัว และสีหน้าท่าทางของเขาก็กําลังรอฟังคําตอบอย่างใจจดใจจ่อ

ใครหล่อกว่ากันงั้นเหรอ?

แล้วฉันจะตอบไปตามความจริงได้ยังไงกันล่ะพี่หลินหนาน?