ตอนที่ 136 คำนับปีใหม่ เปลี่ยนสถานการณ์ (2)
ผู้ที่มุ่งหวังในการเอาชนะเช่นเขา จะทนรับได้อย่างไร เขาไม่กล้าไปเยี่ยมพวกเขา ทั้งยังไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขา
ถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ก็ต้องออกเรือน แม้จะเป็นใบ้ ทว่าสติสมประกอบ ไม่มีผู้ใดกล้าหัวเราะเยาะ แต่ว่า ในฐานะบุตรชายเพียงคนเดียวของถงเหล่า ทายาทเพียงคนเดียวของถงเหล่า มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่านายท่านฝากความหวังไว้ที่คุณชายมากน้อยเพียงใด
ดังนั้น ถงเหล่าจึงซ่อนตัวคุณชายเอาไว้ ขังคุณชายเอาไว้
เขากลัวผู้อื่นจะรู้ ว่าเขามีบุตรที่โง่เขลาเบาปัญญา กลัวผู้คนจะรู้ว่าตระกูลถงไร้ผู้สืบทอดตระกูลแล้ว สิ่งที่เขากลัวยิ่งกว่าคือเขากลัวแววตาของผู้คนที่มองมาที่เขาเมื่อได้รู้ความจริง
ความกดดันนี้ ภายใต้ศักดิ์ศรีนี้ ถงเหล่าจึงออกจากเมืองหลวง แล้วปลีกวิเวกมาอยู่ที่นี่
นายท่านเป็นผู้ปราดเปรื่อง ทว่าเมื่อเขานำความคิดมาใช้กับคุณชายก็จะว้าวุ่นไปหมด นี่น่าจะเป็นความเป็นห่วงนำพาสู่ความโกลาหลที่ผู้อื่นมักจะพูดกันกระมัง
แม้นายท่านจะเสียใจที่เข้มงวดกับคุณชาย รอให้คุณชายกลับมา แต่เมื่อพบเจอกันขอเพียงคุณชายไม่เชื่อฟัง นิสัยแย่ๆ และความหัวร้อนของผู้เป็นนายก็จะกำเริบ ไม่แม้แต่จะควบคุมเอาไว้ได้
“พ่อบ้าน วันนั้นจิ้งเอ๋อร์โยนถ้วยนั้น ก็เพื่อให้ข้าดู ให้ข้าฟัง ความเป็นจริงนี้ ข้ารู้ดี” ถงเหล่าพูดด้วยความหมายลุ่มลึก บุตรชายเรียนรู้ที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมแล้ว แต่เล่ห์เหลี่ยมแรกของบุตรชายกลับใช้กับตน เขาไม่รู้ว่าควรดีใจหรือควรเสียใจ
“นายท่าน นายท่านอย่าคิดมากขอรับ คุณชายหายดีแล้ว นี่คือเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือขอรับ รอให้คุณชายรู้ว่าทั้งหมดที่นายท่านทำก็เพื่อเขา คุณชายย่อมเปลี่ยนใจแน่นอนขอรับ”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ถงเหล่าสีหน้าหม่นหมอง ต่อหน้าผู้คน เขาเป็นหัวหน้าตระกูล เป็นถงเหล่าที่ยิ่งใหญ่ เบื้องหลังนั้น เขาเป็นชายชราทั่วไปคนหนึ่ง ชายชราโดดเดี่ยวที่น่าสงสาร
……
ถงจื่อจิ้งกลับมาเร็วเช่นนี้ ทั้งอยู่ในความคาดหมายของมั่วเชียนเสวี่ย และอยู่เหนือความคาดหมายของนาง นางคิดว่า เมื่อกลับไปถึงเรือนตระกุลถง ถงเหล่าย่อมเป็นผู้ดูแล อย่างน้อยถงเหล่าต้องให้เขาอยู่เรือนจนถึงวันที่สิบห้าแล้วจึงจะอนุญาตให้เขาออกมา
เดิมทียายาและซีซีเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานที่ลานหน้าเรือน เมื่อเห็นถงจื่อจิ้อ ยายาทำหน้าบึ้ง จับมือซีซีเข้าไปเล่นที่ห้องของพวกนาง นางไม่อยากสนใจท่านอาประหลาดใจร้ายนั่น
สำหรับแววตาเขืองขุ่นของเด็กน้อยทั้งสองคน ถงจื่อจิ้งกลับทำเหมือนมองไม่เห็น ในสายตาของเขามีเพียงมั่วเชียนเสวี่ย ขอเพียงมั่วเชียนเสวี่ยไม่เกลียดเขาก็พอแล้ว ผู้อื่นจะมองเช่นไร ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
แน่นอน ยังมีอีกคนหนึ่งที่ห้ามเกลียดเขา คนคนนั้นก็คือหนิงเซ่าชิง
ด้วยเหตุนี้ หลังจากเข้ามาในเรือน เขาคอยติดตามอยู่ด้านหลังมั่วเชียนเสวี่ย เข้าไปในห้องด้วยความเชื่อฟัง ตอนที่เห็นหนิงเซ่าชิง ร้องเรียกพี่เขยเสียงหวาน ทั้งยังน้อมทำความเคารพคำนับปีใหม่
ในตอนนั้นหนิงเซ่าชิงกำลังอ่านตำราในห้อง ได้ยินเสียงถงจื่อจิ้งพูดคุยอยู่ด้านนอก คิ้วของเขาเลิกขึ้นกะทันหัน ความโมโหปะทุขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
อยากจะให้อาซานและอาอู่ลากตัวถงจื่อจิ้งออกไปในทันที ไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ออกจากเรือนตระกูลหนิง ทว่า สุดท้ายเขากลับพ่ายแพ้ให้กับคำว่าพี่เขย พ่ายแพ้ให้กับรอยยิ้มบนดวงหน้ามั่วเชียนเสวี่ย ทำได้เพียงยุติความขุ่นเคือง แต่ว่า พ่ายแพ้ก็ส่วนพ่ายแพ้ เขายังคงตัดสินใจที่จะเสวนากับจี้ซวี่เหยา สำหรับเรื่องการเรียนของถงจื่อจิ้ง
……
วันที่ห้า มั่วเชียนเสวี่ยขึ้นรถม้านั่งไปยังจวนเจี่ยน
เจี่ยนเหล่าไท่จวินส่งคนมาคำนับปีใหม่นางแล้ว แม้จะเป็นสตรีสองนางที่ไม่ได้เรื่อง แต่ว่า นั่นก็เป็นมารยาทของเจี่ยนเหล่าไท่จวิน นางที่เป็นผู้น้อยไม่อาจที่จะไม่ทำตามธรรมเนียมประเพณี แสร้งโง่แล้ววางตัวเชื่อฟังดีกว่า
ดังนั้น จึงจำต้องคำนับปีใหม่ตอบเจี่ยนเหล่าไท่จวิน
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีภารกิจติดตัว
ปีนี้เจี่ยนชิงโยวอายุสิบแปดแล้ว งานวิวาห์ของนางเป็นเรื่องที่ต้องรีบเร่งแล้ว
ปีนี้มั่วเชียนเสวี่ยต้องพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ให้ได้ แม้จะไม่อาจทำตามปรารถนาของเจี่ยนชิงโยวได้ในทันที ก็ต้องเลื่อนงานวิวาห์ที่ใกล้จะกำหนดออกไปให้ได้
มั่วเชียนเสวี่ยคำนับปีใหม่เหล่าไท่จวิน หลังจากให้ของกำนัล ก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องทั่วไป
ครั้งแรกที่มา เหล่าไท่จวินหมดสติ ตอนมาครั้งที่สอง นางคิดอยากจะเอ่ยถึงหมอประหลาด ทว่ากลับถูกเหล่าไท่จวินเชิญออกไป
ดังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยไม่เคยเสวนากับเจี่ยนเหล่าไท่จวินจริงจังมาก่อน
เจี่ยนเหล่าไท่จวินเกิดในตระกูลผู้ดี แม้ตอนเป็นสาวจะเคยออกท่องยุทธภพเหมือนผู้อื่นอยู่บ้าง แต่ก็พาสาวใช้ไปด้วย พูดให้ถูกก็คือ ไปท่องเที่ยว เคยกังวลกับเงินทองเสียที่ไหน ความลำบากที่เคยพบเจอ ก็ไม่ใช่ความลำบากที่แท้จริงในยุทธภพ
ตอนนี้ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยเล่าให้ฟังว่าตอนที่นางเพิ่งตื่นขึ้นมา ท่านอาจารย์หนิงสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง นางเกือบจะถูกขายเป็นทาส หลังจากนั้นทำงานหนักต่างๆ ทั้งปลูกผัก แล้วก็ทำเต้าหู้ อดไม่ได้ที่จะสงสารนาง ได้ยินนางเล่าเรื่องเปิดร้าน สร้างบ้าน จ้างคนมาทำงาน ในเวลาเดียวกันที่รู้สึกแปลกใหม่ ก็ทำให้เหล่าไท่จวินรู้สึกว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่ธรรมดา
ไม่เพียงมีความรู้และประสบการณ์มากมาย ทั้งยังพูดจามีไหวพริบ สามารถรับมือกับปัญหาด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นคนหนักแน่น มีความทระนง มีความแข็งแกร่งที่ยากจะเห็นจากสตรีอื่น
เมื่อเห็นแววตาชื่นชมของเหล่าไท่จวิน มั่วเชียนเสวี่ยร้องไชโยในใจ อยากจะให้ผู้อื่นตอบรับในความต้องการของตน เช่นนั้นต้องให้ผู้อื่นยอมรับตนเองเสียก่อน หากผู้อื่นยอมรับตนเองแล้ว เช่นนั้นสิ่งที่นางจะทำจึงจะเปลืองแรงน้อยผลพลอยได้มาก
เจี่ยนเหล่าไท่จวินชื่นชมมั่วเชียนเสวี่ยว่าไม่ธรรมดา มั่วเชียนเสวี่ยกลับยื่นมือไปหยิบกล่องอาหารที่นำมาขึ้น
“ท่านย่าเจี่ยน นี่คือขนมที่เชียนเสวี่ยตั้งใจทำมาให้ท่าน ท่านย่าลองทานสิเจ้าคะว่ารสชาติเป็นเช่นไร”
มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มแล้วเปิดกล่องอาหารจากนั้นเหลือบมองเจี่ยนชิงโยว เอ่ยพูด “หลังวันปีใหม่ อากาศอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ให้ชิงโยวไปอยู่กับเชียนเสวี่ยและเรียนไม่กี่วัน รับประกันว่าหลังจากนี้ท่านย่าเจี่ยนอยากจะกินเมื่อใดย่อมได้กินเมื่อนั้น”
เจี่ยนเหล่าไท่จวินมองขนมทั้งสามสี พอใจยิ่งนัก “เชียนเสวี่ยมีใจแล้ว!”
“แต่ถึงอย่างไรหลานชิงโยวก็ต้องออกเรือน วันข้างหน้าชิงโยวทำเป็นแล้ว คนที่จะได้กิน ก็คือแม่ยายของนาง หญิงชราเช่นข้าไม่มีวาสนานี้แล้ว หลังจากนี้ ยังต้องรบกวนหนิงเหนียงจื่อ ทำมาให้ข้ามากหน่อย”
เจี่ยนเหล่าไท่จวินกินขนม พร้อมกับพูดหยอกเย้าเจี่ยนชิงโยว
“ท่านย่า ชิงโยวยังไม่อยากออกเรือนเจ้าค่ะ” ขณะเขินอายเจี่ยนชิงโยวฉวยโอกาสออดอ้อน
“สตรีเติบใหญ่ไม่อาจรั้งเอาไว้ได้ นานวันเข้าจะไม่ดี โยวเอ๋อร์วางใจเถอะ แม้ตระกูลวั่นจะไม่ใช่ตระกูลขุนนางอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แต่คู่ควรเหมาะสมกับตระกูลเจี่ยนของเรา ได้ยินว่า คุณชายวั่นเป็นคนดี เป็นบุรุษรูปงาม สง่าผ่าเผยมากความสามารถ ทั้งยังเป็นคนมีคุณธรรม”
เจี่ยนชิงโยวฟังเหล่าไท่จวินชื่นชมบุรุษอื่น ภายในใจรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก “ท่านย่า…”
เจี่ยนเหล่าไท่จวินคิดว่าเจี่ยนชิงโยวออดอ้อนคิดว่านางเขินอาย ด้วยเหตุนี้จึงยิ้มแล้วพูด “ได้ ย่าไม่พูดแล้วก็ได้”
เจี่ยนชิงโยวตัดสินใจหนักแน่น คุกเข่าลงบนพื้น “ท่านย่า ความเป็นจริง ความเป็นจริงชิงโยวมี…”
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดแทรก “ความเป็นจริงชิงโยวอยากจะเรียนทำขนมกับเชียนเสวี่ยเสียตั้งแต่ตอนนี้ใช่หรือไม่” เห็นชัดว่าเจี่ยนเหล่าไท่จวินประทับใจคุณชายวั่น ทั้งยังพอใจกับชาติตระกูลของเขา
เวลานี้เจี่ยนชิงโยวพูดออกไปว่าตนมีคนในใจแล้ว เจี่ยนเหล่าไท่จวินต้องโมโหเป็นแน่ เมื่อโมโหขึ้นมา ไม่แน่อาจจะให้รีบหมั้นหมายกับตระกูลวั่นทันทีก็ย่อมได้