บทที่ 138 ยอมเป็นคนเทสิ่งปฏิกูล จะไม่ขอเป็นมือสังหารอีกแล้ว

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 138 ยอมเป็นคนเทสิ่งปฏิกูล จะไม่ขอเป็นมือสังหารอีกแล้ว

จี้หมิงซูถูกยอดฝีมือเหล่านั้นจับโยนลงเขาด้วยสภาพสะบักสะบอม และด้วยเท้าที่ยังยืนไม่มั่นคง จึงได้ล้มลงมาจากบันไดขั้นสุดท้ายมาตรงหน้ารถม้า

ชุดที่งดงามราคาแพงเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ท่าทางมีชีวิตชีวาก่อนที่นางจะขึ้นเขาไปดูหมดสภาพลงทันที

นับตั้งแต่จี้หมิงซูกลับชาติมาเกิด เคยเจอความอัปยศอดสูเช่นนี้ที่ไหนกัน?

ทันใดนั้นนางก็ยกชายกระโปรงขึ้นก่อนจะมุดเข้าไปในรถม้า และสิ่งที่ตามมานั้นคืออาการสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ล้มเหลวได้อย่างไร ล้มเหลวได้อย่างไร! นางรอมานานเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่สามารถควบคุมได้?

มันไม่ควรเป็นเช่นนี้นี่นา! แผนการควรอยู่ภายใต้การควบคุมของนางไม่ใช่หรือ? หลังจากวันนี้นางก็จะกลายเป็นคนโปรดของไท่ซ่างหวง ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่แม่ขององค์ชายรองเลย แม้แต่พ่อของนางรวมทั้งขุนนางอื่น ๆ ในเมืองหลวง ตลอดจนกระทั่งฮ่องเต้ก็ต้องมองนางเปลี่ยนไปจึงจะถูก

ลู่อวิ๋นเซียงไม่ได้ตามขึ้นไปบนเขาด้วย แต่นางเลือกที่จะรออยู่ในรถม้า เมื่อเห็นจี้หมิงซูกลับมาด้วยสภาพสะบักสะบอม ในใจก็นึกอยากจะหัวเราะ แต่สุดท้ายลู่อวิ๋นเซียงก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น อย่างไรเสียนางก็ยังเป็นคุณหนูของจวนกั๋วกงอยู่

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้? ไท่ซ่างหวงเล่า?”

หากนางไม่พูดถึงไท่ซ่างหวงก็ยังไม่เท่าไร แต่พอเอ่ยถึง จี้หมิงซูก็รู้สึกเสียหน้าขึ้นมา นางสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “ไท่ซ่างหวงทรงแข็งแรงดี เพียงแต่จู่ ๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระ เจ้าบอกว่าจี้จือฮวนอยู่ที่ตำบลฉาซู่ใช่หรือไม่? ข้าจะส่งคนไปล้างแค้นให้เจ้าเป็นอย่างไร?”

ลู่อวิ๋นเซียงดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “ดีสิ สาวชาวบ้านนั่นชอบอวดตัว ข้ารู้ว่าเจ้าต้องช่วยข้าอยู่แล้ว”

จี้หมิงซูแค่นหัวเราะในใจ นางไม่ได้ทำเพื่อช่วยลู่อวิ๋นเซียง แต่เมื่อครู่นางคิดถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ต่างหาก

เรื่องทั้งหมดเริ่มตั้งแต่ที่จี้จือฮวนฝากสาวใช้มาบอกนาง ในเมื่อนางยโสโอหังเพียงนี้ บอกให้นางรอ อีกทั้งยังฆ่าแม่นมฟาง และโยนความผิดมาให้จวนจี้กั๋วกง เช่นนั้นนางก็จะให้จี้จือฮวนได้ถึงรู้ความร้ายกาจของนาง และยังทำให้คนโง่อย่างลู่อวิ๋นเซียงคิดว่าทำเพื่อนางอีกด้วย

เรื่องยิงปืนครั้งเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้ จี้หมิงซูเคยทำมาหลายครั้ง จนชำนาญเสียแล้ว

นางเรียกองครักษ์ข้างกายมา “เจ้าไปหาคนมาสักสองสามคน ส่งไปที่ภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลในตำบลฉาซู่และพังที่นั่นซะ จากนั้นก็ถามหาที่อยู่ของจี้จือฮวน รู้ใช่หรือไม่ว่าควรทำเช่นไร?”

องครักษ์ได้ยินชื่อจี้จือฮวน ก็เข้าใจได้ในทันที “ขอรับ”

จี้หมิงซูปิดม่านรถม้า ไม่เป็นไร ยังสามารถแก้ไขได้ นางกลับมาเกิดใหม่ นางไม่เชื่อหรอกว่าจะมีสิ่งใดที่จะหลุดรอดจากการควบคุมของนางไปได้

จี้จือฮวนมองดูดินสีเหลืองในขวดใส และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “การทดสอบดินผ่านแล้ว อาอินลงมือได้เลย”

จี้จือฮวนเทดินสีเหลืองในขวดออกมา ถึงเวลาล้างให้สะอาดยังมีประโยชน์อยู่ นี่เป็นของที่เซียวเย่เจ๋อให้คนเอามาส่งเมื่อเช้านี้ บอกว่านี่เป็นขวดแก้วชุดแรกที่เผาในเตาเผาของตระกูลเซียว จึงนำมาให้นางลองใช้ก่อนใคร

จี้จือฮวนช่วยเขาหาเงินได้ไม่น้อย ของเพียงเท่านี้นางจึงรับไว้ได้อย่างสบายใจ

เครื่องแก้วถูกขุดพบตั้งแต่ในยุคจ้านกั๋ว นางยังคิดว่าในโลกนิยายจะไม่มีใครใช้กันเสียอีก เช่นนี้ดูเหมือนว่าการค้าของตระกูลเซียวจะไม่ธรรมดาจริง ๆ นางดูบ่อเงินบ่อทองเอาไว้ไม่ผิด สามารถร่วมมือกันในระยะยาวได้

“ท่านแม่เจ้าคะ ขุดดินมากเท่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ?” อาอินเงยหน้าขึ้นถาม

จี้จือฮวนมองถังสองใบที่เต็มไปด้วยดินเหลือง “ต้องใช้ยี่สิบถัง”

นางตั้งใจที่จะทำเตาอบที่บ้าน เพื่อจะได้เอาไว้ทำขนมปังชิ้นเล็ก ๆ อะไรพวกนั้น เมื่อไม่มีซีเมนต์ก็ทำได้เพียงต้องใช้สิ่งนี้แทน

อาอินสะบัดแขนเล็กน้อยและเริ่มทำงานทันที เผยยวนก็มาช่วยโกยดินเหลืองด้วย ทั้งสามคนช่วยกันทำงานไม่นานก็รวบรวมดินเหลืองในจำนวนที่ต้องการได้

อาชิงและท่านป้ามีหน้าที่เก็บหญ้าแห้ง และเอาหญ้าแห้งไปสับ ก่อนจะเติมน้ำผสมลงในดินเหลือง

เผยยวนกับอาอินรับผิดชอบการผสมดินเหลือง จี้จือฮวนและอาชิงรับผิดชอบในการก่ออิฐดินเหลืองขึ้นมา อาชิงน้อยชอบเล่นดินโคลนเป็นอย่างมาก พร้อมประทับรอยมือเล็ก ๆ หลายรอยเอาไว้บนฐานสี่เหลี่ยมที่จี้จือฮวนก่อขึ้นมา

เมื่อความสูงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จี้จือฮวนก็นำอิฐที่เหลือจากการสร้างบ้านมาทำเป็นประตูของเตา

“ท่านป้า ช่วยไปหยิบเกลือในห้องครัวมาโรยบนดินเหลืองทีเจ้าค่ะ” เช่นนี้ก็จะได้ไม่แตกร้าวง่าย ๆ

เตาอบขนมปังใช้ความร้อนจากตัวเตาเผาเพื่ออบอาหาร แบ่งออกเป็นชั้นความร้อนของดินและทราย ชั้นรักษาอุณหภูมิขวดแก้วเปล่า และชั้นโครงสร้างคือดิน ทราย และหญ้าแห้งผสมกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะขวดแก้วของเซียวเย่เจ๋อลังนี้ นางคงไม่สามารถสร้างเตาเผาดี ๆ เช่นนี้ได้

หลังจากทำโครงได้แล้ว จี้จือฮวนก็เติมกรวดในบ้านที่ใช้ไม่หมดลงไป

“เหตุใดถึงใส่หินไปด้วยเจ้าคะ?” อาอินถามด้วยความสงสัย

“อากาศสามารถชะลอการสูญเสียความร้อน และที่ใช้ขวดแก้วก็เพื่อรักษาความร้อนเช่นกัน ระหว่างหินก็มีอากาศ โพรงด้านในของหญ้าแห้งก็มีอากาศ ซึ่งจะสามารถป้องกันไม่ให้ดินแตกร้าว นี่จึงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องจิ้มให้เป็นรูหลังจากทำเตาชั้นในเสร็จ”

อาอินเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง และขั้นตอนต่อไปคือการรอให้เตาเผาแห้งเองตามธรรมชาติ ระหว่างนี้พวกเขาจึงไปล้างมือเพื่อเตรียมกินข้าว

ไป๋จิ่นนอกจากเวลาอาหารที่จะมาตรงเวลาแล้ว ช่วงเวลาอื่นไม่มีทางได้เห็นหน้าเขาอย่างแน่นอน

หลังจากกินข้าวเสร็จ ไป๋จิ่นก็ส่งคัมภีร์พิษเล่มหนึ่งให้กับอาชิง “ท่องจำให้ขึ้นใจ แยกแยะดอกไม้พิษ หญ้าพิษ ของมีพิษทุกอย่างในนี้ให้ได้”

อาชิงรับมาอย่างเชื่อฟัง หลังจากพลิกดูสองหน้า และกำลังจะพูดบางอย่าง ไป๋จิ่นก็ลุกขึ้นยืน “ก่อนจะท่องจำได้หมด อย่าได้มารบกวนการค้นคว้าของอาจารย์”

มีลมพัดมาจากนอกบ้าน ไป๋จิ่นจึงรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้ราวกับเป็นผู้สูงส่งก็มิปาน~

เขากำลังจมอยู่ในโลกของตัวเอง อาชิงน้อยก็ยังเอ่ยขึ้นมาอีก “แต่บนฟันของอาจารย์มีผักติดอยู่นะขอรับ”

ไป๋จิ่น “…”

เขาผิดไปแล้ว เขาไม่ควรเดินทางไปทั่วทั้งใต้หล้า ไม่ควรออกจากถ้ำพิษ ไม่ควรอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตระกูลเฉิน และไม่ควรรับศิษย์ทรยศผู้นี้!

นี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของบุรุษรูปงามเช่นเขา

ไป๋จิ่นรีบออกมาจากเรือนหลังเล็กของครอบครัวเผย ทันทีที่ไปถึงหน้าประตู เขาก็เหลือบตาไปมองด้านข้างตามสัญชาตญาณ

มือสังหารสองคนกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย

พอดีกับตำแหน่งที่นอนอยู่ค่อนข้างมิดชิด หากไม่สังเกตให้ดี ๆ ก็คงจะมองไม่เห็น

ไป๋จิ่นย่อตัวลงค้นที่ตัวของพวกเขาครู่หนึ่ง จิ๊ นักฆ่าอย่างนั้นหรือ พกอาวุธมาเยอะเลย

แต่พิษที่พวกเขาได้รับนั้นพิเศษมาก ในเมื่อใกล้จะตายอยู่แล้ว ไม่สู้พากลับไปทดสอบพิษใหม่ของเขาจะดีกว่า

ไป๋จิ่นลากมือสังหารทั้งสองคนไปด้วย ตั้งใจจะพากลับบ้าน

ตอนที่มือสังหารทั้งสองคนฟื้นขึ้นมาด้วยความงงงวย ก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาเหนียวเหนอะหนะ เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าเป็นห้องที่เงียบและมืดสนิท ตรงมุมห้องมีงูหลายตัวกำลังแลบลิ้นอยู่ พวกมันจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาสีเขียว นี่คืองูพิษที่เพิ่งได้รับการฝึกฝนจากไป๋จิ่น

“โอ๊ะ ตื่นแล้ว ไปให้งูของข้ากัดคนละที บางทีข้าอาจจะช่วยถอนพิษให้พวกเจ้าก็เป็นได้” ไป๋จิ่นสะบัดผม เชือกมัดผมสีแดงแกว่งไปมาตรงหน้ามือสังหาร

พวกเขาไหนเลยจะยอมตกลง ขณะกำลังคิดว่าจะขอสู้ตายและไม่ยอมรับความอัปยศอดสูนี้ ประตูก็ถูกเปิดออก

เด็กน้อยคนหนึ่งก้าวเข้ามาโดยไม่สนใจผู้ใด พร้อมกับหิ้วปลาเลนน้อยตัวหนึ่งเข้ามาด้วย พลางเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ขอรับ มีบางตัวที่อาชิงไม่รู้จักขอรับ!”

พวกมือสังหารดวงตาเบิกโพลง จากนั้นก็รีบพุ่งตัวไปตรงหน้างูพิษเหล่านั้น ก่อนจะยื่นแขนออกไปพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา “กัดข้าสิ เจ้ารีบกัดข้าให้ตาย อย่างไรซะข้าก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว!”

ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ! ชาติหน้าข้าจะไม่ขอเป็นมือสังหารอีกแล้ว! ข้ายอมเป็นคนเทสิ่งปฏิกูลซะยังดีกว่า

ไป๋จิ่นมองไปที่มุมห้อง เห็นภาพงูพิษและมือสังหารกอดกันอยู่ พลางมองมาที่อาชิงด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา ก่อนมุมปากของเขาจะกระตุกขึ้น