ตอนที่ 94 ตีมันจนตาย
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขาปราดหนึ่ง “ออกไปเล่นแล้ว”
“แล้วจะกลับมาเมื่อไรล่ะ?” เย่ฮ่าวหรานรีบถาม ท่าทางเบิกบานใจราวกับสนใจหนานหนานมาก
เฮ้อ เหตุใดถึงได้โชคร้ายเช่นนี้ เด็กคนนั้นไม่อยู่ในจวนเสียได้
พี่ห้าก็จริง ๆ เลย เมืองหลวงแห่งนี้เต็มไปด้วยขั้วอำนาจของบรรดาพระบรมวงศานุญาติ แต่เขากลับปล่อยให้เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งออกไป มันจะปลอดภัยหรือ? พี่ห้าไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว ไม่รู้จักรักเด็กเอาเสียเลย หากถูกลักพาตัวไปขายจะทำเช่นไร? ถึงเวลานั้นจะร้องไห้ก็ไม่มีสถานที่ให้เขาไปร้องไห้แล้ว
ภายในใจของเย่ฮ่าวหรานเอ่ยติเตียนอยู่นาน สายตาจับจ้องแผ่นหลังของเย่ซิวตู๋พร้อมกับส่ายหน้าแล้วส่ายหน้าอีก ท่าทางดูผิดหวังอย่างมาก
ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ความคิดที่อยู่ในใจของเขา บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นความจริงแล้ว
หนานหนานตามเหวินเทียนออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเดินออกจากประตูใหญ่ของจวน เขาก็เหมือนกับนกน้อยที่ออกจากกรง ต่อให้จับตาดูก็ดูไม่ไหว
เขาซื้อของกินแปลกใหม่บนท้องถนนมาเป็นกองใหญ่ กินจนท้องกลมดิก ได้ดูสิ่งตื่นตาตื่นใจบนท้องถนน ดวงตาพลันลุกวาวเป็นประกาย
ทั้งสองคนออกมาทั้งวัน ครั้นเหวินเทียนเห็นว่าท้องฟ้ามืดครึ้มลงแล้ว จึงคิดว่านายท่านและคนอื่น ๆ ก็คงจะไปถึงตำหนักอ๋องกันแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะกลับเสียที
มือทั้งสองข้างออกแรงแบกของกองหนึ่งไว้ เหวินเทียนรีบเดินตามไปด้านหน้าสองก้าว เรียกเด็กน้อยที่กำลังกระโดดดึ๋ง ๆ เดินนำอยู่ด้านหน้า “หนานหนาน พวกเราควรกลับกันแล้วนะ”
“กลับ?” หนานหนานขมวดคิ้ว เขาเกิดความสุขสบายในที่ใหม่จนไม่อยากกลับไปที่เก่า
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก็พูดกับเหวินเทียนอย่างรู้ความว่า “ลุงเหวิน ท่านเดินจนเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่? ไม่เป็นไร ท่านกลับไปก่อนก็ได้ ข้าเที่ยวเล่นอีกหน่อยเดี๋ยวก็หาทางกลับไปได้เองแหละ”
เหวินเทียนมุมปากกระตุกวูบ เขาดึงร่างเล็ก ๆ ที่วิ่งหนีอุตลุดไว้ “ข้าไม่เหนื่อย แต่ว่านะหนานหนาน เจ้า…”
“ไม่เหนื่อยหรือ งั้นพวกเราเดินถึงตอนดึกกันเถอะ เมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่า ตลาดกลางคืนตอนดึกบนถนนฝั่งนั้นคึกคักมาก ข้าอยากไปดู” หนานหนานรีบพูดแทรกเขา ดึงมือของอีกฝ่ายให้วิ่งไปด้านหน้าด้วยความรีบร้อนจนทนรอไม่ไหว
เหวินเทียนเกือบจะถือของเหล่านั้นไว้ไม่ไหวแล้ว รีบใช้คางยึดไว้เพื่อไม่ให้ทุกอย่างหล่นลงพื้นทั้งหมด
แต่ในเวลานี้เองหนานหนานกลับปล่อยมือของเขา ทั้งยังวิ่งไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่สามารถลากได้อีกต่อไป จู่ ๆ ข้างหูก็เกิดเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งดังขึ้น “หลีกไป ๆ ๆ ทั้งหมดที่อยู่ด้านหน้าหลีกไปให้หมด”
เหวินเทียนขมวดคิ้ว รถม้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลวิ่งตรงมาที่หนานหนานซึ่งกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้นเพื่อเริ่มศึกษามด
หัวใจของเขาถึงกับเต้นระรัวทันทีที่ได้ยิน สูดหายใจเข้าลึก ๆ โยนข้าวของในมือจนลอยกระจาย แตะปลายเท้าลงบนพื้น ตบไปที่ก้นของม้าสีน้ำตาลที่วิ่งกระเจิงตัวนั้นหนึ่งหน ก่อนจะกลับไปที่จุดเดิม พร้อมกับกอดเอวของหนานหนานที่ยืนห่างออกไปสามก้าว
“อ๋า…”
“กรี๊ด…” ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องสองเสียงที่อยู่ในรถ รถม้าถึงกับล้มลงบนพื้น สตรีสองคนที่นั่งอยู่ในรถกลิ้งออกมาในสภาพตื่นตระหนก
หนานหนานเบิกตาโตมองพวกนาง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จึงเริ่มตบหน้าอก “โอ๊ย ตกใจแทบแย่ ๆ รถม้าคันนั้นเกือบจะชนหน้าเล็ก ๆ ที่แสนน่ารักและหล่อเหลาของข้าแล้ว เกือบทำให้ข้าเสียโฉมเสียแล้ว หลังจากนี้คงหาภรรยาไม่ได้แล้ว”
เหวินเทียนเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบ ๆ เหตุใดเขาถึงไม่เห็นสีหน้าตื่นตกใจของเจ้าเด็กคนนี้แม้แต่น้อย? ในเวลาแบบนี้ยังมีกะจิตกะใจเป็นห่วงว่าหลังจากนี้จะหาภรรยาให้ตนเองไม่ได้อีก เขาต่างหากเล่าควรเป็นคนที่ตกใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังหวาดกลัวไม่หาย
หากหนานหนานได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เขาคงได้ใช้ความตายเพื่อหลีกเลี่ยงการตำหนิจากนายท่าน
“หนานหนาน หลังจากนี้อย่าออกห่างจากตัวข้า เข้าใจหรือไม่?” เหวินเทียนอธิบายเขาด้วยความกลัว และไม่พอใจกับรถม้าคันนั้นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่เด็กน้อยยืนอยู่ที่ริมถนน ถนนก็กว้างขวางขนาดนี้ พวกเขายังคงจะพุ่งเข้ามาชนเพื่อกระตุ้นโทสะของผู้อื่นอีกหรือ?
หนานหนานบุ้ยปาก แต่เขารู้สึกได้ว่าท่านลุงเหวินเดินช้าชะมัด ที่นี่ก็ไปไม่ได้ ที่นั่นก็ไม่ให้ไป ไม่ให้ออกห่างจากตัวเขา เขาก็ไปที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น
“หนานหนาน!” น้ำเสียงของเหวินเทียนทุ้มต่ำลง เขากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกจริง ๆ ถึงเวลานั้นคงสายเกินกว่าที่จะสำนึกผิด
หนานหนานถอนหายใจ เขาคิดว่าตนเองรู้ความมากเกินไปแล้ว เพื่อให้เข้ากับนิสัยเหล่านี้ของพวกผู้ใหญ่ เขาจะยอมตกปากรับคำอย่างไม่เต็มใจไปชั่วขณะหนึ่งก็แล้วกัน
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พยักหน้าตอบตกลง ด้านหน้าก็มีเงาร่างสองเงาปรี่ตัวเข้ามาด้วยความโกรธ ทั้งยังถลึงตามองพวกเขาด้วยใบหน้าไม่เป็นมิตร
“ไอ้สารเลวจากที่ใดกัน กล้ามาตีม้าของข้าจนตายเช่นนี้ อาจหาญนักนะ” หนึ่งหญิงชราและหนึ่งเด็กสาวภายในรถม้าถูกสาวใช้และคนขับรถม้าประคองขึ้นมาแล้ว แม้จะรู้สึกอับอาย แต่ก็รีบร้อนเข้ามาคิดบัญชีกับเหวินเทียนทางฝั่งนี้
เหวินเทียนขมวดคิ้ว มองดูสตรีวัยกลางคนที่ยังมีความงดงามตรงหน้า ครั้นได้ยินน้ำเสียงหยิ่งผยองเช่นนี้ของนางก็อดไม่ได้ที่จะย้อนนึกถึงฮูหยินผู้มีตำแหน่งสูงส่งที่เข้ารู้จักอย่างละเอียดถี่ถ้วน
แม้เขาจะเคยเห็นสตรีมาไม่มาก แต่สตรีชั้นสูงบางส่วนหรือสตรีผู้สูงศักดิ์บางคนที่เขาเคยเห็นก็ยังจำได้ขึ้นใจ
ทว่าสตรีปากร้ายไม่สนใจภาพลักษณ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้นี้ เขากลับไม่มีความทรงจำที่ประทับใจแม้แต่น้อยเลยจริง ๆ
สามารถพูดได้ว่าต่อให้คนผู้นี้จะไม่ธรรมดา ทว่าตำแหน่งกลับไม่ได้สูงอะไร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาย่อมไม่จำเป็นต้องเกรงใจ
คิดเช่นนี้ เหวินเทียนจึงแค่นเสียงเย็น กล่าวเย้ยหยันว่า “รถม้าของฮูหยินหยิ่งผยองยากที่จะเลี้ยงให้เชื่อง อยู่บนท้องถนนยังกล้าพุ่งเข้าใส่ทุกหนแห่งโดยไม่สนใจถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ทำให้เกือบจะชนคุณชายน้อยของข้า หรือว่าข้าไม่ควรฆ่ามัน?”
“เจ้า…” ใบหน้าของเฉินจีซินแข็งทื่อ เล็บที่แต่งแต้มสีแดงสดชี้หน้าเหวินเทียน “เจ้าตีม้าของข้าจนตายยังจะมีเหตุผลอีกหรือ? ข้าบอกไว้เลย ข้าจะไปฟ้องเจ้ากับทางการ”
“ฟ้องข้า? ทางการมีคำสั่งว่า ถนนเส้นนี้เดิมทีไม่อนุญาตให้รถม้าวิ่ง นอกเสียจากว่าอาณาจักรจะเกิดเรื่องขึ้น เดิมทีเจ้าก็เป็นฝ่ายผิดก่อนอยู่แล้ว คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นพยานรู้เห็น ข้าเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าเจ้าจะฟ้องข้าอย่างไร”
เหวินเทียนยิ้มเยาะ ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนายท่านก็บอกไว้แล้ว ในเมื่อพวกเขากลับมาแล้ว เช่นนั้นก็เป็นการเผยให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าเย่ซิวตู๋กลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว และจะไม่ถอยหรือออกไปจากที่นี่อีก
ปากของหนานหนานอ้าเป็นรูปวงกลม มองเหวินเทียนที่กำลังอุ้มตัวเองราวกับไม่อยากเชื่อสายตา ลุงเหวินสุดยอด เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าลุงเหวินจะพูดเช่นนี้ได้ด้วย พูดจนสตรีปากร้ายที่หน้าตาอัปลักษณ์และน่ารังเกียจถึงกับจุกจนพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
เฉินจีซินมือสั่นระริก นางดึงมือกลับไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับรู้ตัวเช่นกันว่านางเป็นฝ่ายผิดก่อน
ในทางกลับกันดรุณีที่ยืนฟังพวกเขาสนทนาอยู่ข้าง ๆ มาโดยตลอดก้าวเท้ามาด้านหน้า ช้อนสายตาพูดกับเหวินเทียนด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายท่านนี้ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ม้าตัวนี้ดื้อรั้นยากที่จะเลี้ยงให้เชื่องจริง ๆ จึงได้วิ่งเข้าใส่คุณชายน้อย ที่คุณชายตีมันจนตายก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพียงแต่…”
นางชะงักไป รอยยิ้มสดใสขึ้นอีกหลายส่วน “เพียงแต่คุณชายอาจยังไม่ทราบ รถม้าคันนี้ไม่ใช่ของพวกเราสองคนแม่ลูก แต่เป็นของจวนตระกูลเสนาบดีฝั่งขวา ม้าตัวนี้ เป็นสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของเสนาบดีฝั่งขวาเสียด้วยสิ คุณชายฆ่ามันจนตาย เกรงว่า…”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หนานหนานพอก่อนลูก อย่าเพิ่งป่วนเมือง ท่านลุงเหวินสภาพย่ำแย่แล้ว
ทำไมถึงสัมผัสได้ว่าจะเกิดเรื่องยุ่งเหยิงขึ้นหลังจากนี้กันนะ
ไหหม่า(海馬)