ตอนที่ 69.1 อย่าบังคับให้ข้าต้องชักกระบี่! (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ในตอนแรก หลี่ฉางโซ่วยังไม่คุ้นเคยกับการย้ายสติของเขาลงไปในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

มันเป็นความรู้สึกแบบ…บาง เบา เปราะบาง อับจนหนทาง อ่อนแอ ไม่มั่นคง และไม่ปลอดภัย…

ทว่าไม่นาน เขาก็คุ้นเคยกับมัน

หลังออกจากเมืองแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็มั่นใจว่ามีคนกำลังตามเขาอยู่ แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ในขณะที่ขับเคลื่อนเมฆไปยังที่สถานที่ที่เขาวางแผนจัดการเอาไว้

เนื่องจากมีค่ายกลต้านเบญจธาตุอยู่รอบๆ เมืองหลินไห่ เขาจึงไม่อาจใช้วิธีการหลบหนีได้ ดังนั้นจึงต้องถอยห่างออกไปก่อนจึงจะใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายได้

ทันใดนั้นชายแปลกหน้าสองคนที่ตามเขามาก็พุ่งไปยังจุดที่อยู่ข้างหน้าเขาแล้วจัดวางค่ายกลบางอย่างรวมถึงค่ายกลกับดักในป่า

ใช่แล้ว เมื่อเอาศิลาวิญญาณระดับสูงออกมา ในยามนั้น ข้าจึงกลายเป็นเป้าหมายของคนเหล่านี้อย่างแน่นอน

หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้ในใจ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

ศิลาวิญญาณถือเป็นสกุลเงินที่ใช้กันทั่วไปในดินแดนเทวะบรูพา และดินแดนเทวะมัชฌิมา เพราะมีการนำมาใช้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น มันก็เป็นที่ต้องการของเหล่าผู้บำเพ็ญ และการผลิตศิลาวิญญาณก็มีเสถียรภาพ

โดยทั่วไปแล้ว ศิลาวิญญาณระดับสูงนั้น มักจะผลิตขึ้นที่แกนกลางของเส้นชีพจรวิญญาณซึ่งหายากและล้ำค่า มูลค่าของพวกมันสูงกว่าศิลาวิญญาณธรรมดามาก

ที่ป่าทึบห่างออกไปข้างหน้าสามจั้งนั้น น่าจะเป็นจุดที่กำลังจะโจมตีเขา

เขาเพิ่งออกจากขอบเขตของค่ายกลต้านเบญจธาตุ ซึ่งทำให้เขาสามารถใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายได้…

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้วางแผนอย่างรอบคอบแล้ว

พลังการต่อสู้ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นั้นยังไม่อาจสรุปได้ชัดเจน แต่การป้องกันของมันนั้นด้อยกว่าอย่างแน่นอน มันแข็งแกร่งพอๆ กับผู้บำเพ็ญที่อยู่ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มันมีพลังเซียนที่ได้รับการถ่ายเทเข้าไป และสามารถร่ายคาถาทรงพลังได้โดยตรง …

สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งแม้จะอยู่ห่างไกล แต่ความผันผวนของพลังวิญญาณต้นกำเนิดที่แข็งแกร่งจะดึงดูดความสนใจของผู้บำเพ็ญจำนวนมากได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ยังใช้พลังเซียนมากเกินไป และมีแนวโน้มว่าอาจจะไม่สามารถกลับบ้านได้เพราะสูญเสียพลังไป

ตุ๊กตากระดาษถือเป็นหนึ่งในสามทรัพย์สินของเขาเองด้วย

แม้ว่าจะมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หมายเลขสองและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หมายเลขสามเป็นตัวสำรอง แต่ย่อมจะดีที่สุดหากไม่สูญเสียสิ่งใดไป…

เขาต้องยุติการต่อสู้อย่างรวดเร็วและไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้แตะต้องตัวเขา!

ยิ่งเข้าใกล้กับดักที่อีกฝ่ายวางเอาไว้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ากำลังถูกอีกฝ่ายจับจ้องมองมาที่เขามากขึ้นเท่านั้น

เขาไม่รู้สึกตื่นตระหนกเพราะร่างหลักของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่อัญมณีรูปเพชรที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ผลงานชิ้นที่สองของการหลอมเครื่องมือที่เขาพึงพอใจ มันคือหินสัมผัส

ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกที่เขาพึงพอใจคือไข่มุกสะกดวิญญาณ

ช่วงหกปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการเพิ่มกฎห้ามให้กับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ เช่น ‘การตั้งสติรับรู้’ และ ‘เสถียรพลังเซียน’ แล้ว เขายังได้สร้างไข่มุกนั่นอีกด้วย

ในเวลานี้ อัญมณีนั้นเป็นสีม่วงแดง ซึ่งหมายความว่ามีสัมผัสเซียนรับรู้และพลังปราณสัมผัสรับรู้สามสายพุ่งเป้ามาที่ร่างของเขา

ในป่าข้างหน้านั้น มีสองร่างที่ส่งสายตาเฝ้าดู กำลังซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้

และยังมีคนซ่อนตัวอยู่หลังก้อนเมฆบนท้องฟ้า ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังจะผ่านไป แต่รักษาระดับความเร็วเท่ากันและกำลังไปในทิศทางเดียวกันกับหลี่ฉางโซ่ว…

โจ่งแจ้งเช่นนี้เลยหรือ

ในเมืองนั้นวุ่นวายยิ่ง มีผู้บำเพ็ญเดินทางมากมาย เต็มไปด้วยคนดีคนเลวปะปนกัน และหากออกไปจากเมือง ก็ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ

ขณะนี้ เขายังอยู่ห่างจากกับดักของศัตรูไปหนึ่งร้อยจั้ง…

ห้าสิบจั้ง…

สิบจั้ง…

ทว่าจู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วพึมพำว่า “ข้าลืมซื้อของบางอย่าง”

หลังจากนั้น เขาก็หันหลังกลับไปในทิศทางของเมือง

ทันใดนั้น ก็มีลำแสงสว่างสาดส่องลงมาจากด้านบน จากนั้นก็มีร่างสองร่างปรากฏขึ้นทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า แล้วพุ่งเข้าหาหลี่ฉางโซ่ว ในขณะที่แสงจากอาวุธในมือของพวกเขาสาดประกายระยิบระยับ!

มุมปากของหลี่ฉางโซ่วกระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้าท่าทางของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากในขณะที่เขาพุ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

“เจ้า! เจ้าคือผู้ใดกัน! ”

มันเป็นการเรียกที่อยู่ใกล้มากในขณะที่ตราผนึกสี่เหลี่ยมยาวสามฉื่อก็พุ่งลงมาตรงหน้าเขา!

ฉับพลันนั้นก็มีลมพัด ทำให้เส้นผมยาวของหลี่ฉางโซ่วปลิวสะบัดอย่างบ้าคลั่ง!

และทันทีที่เขาร่อนลงไปถึงพื้น ทั้งห้าร่างก็พุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมๆ กันจากทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านบน

หลี่ฉางโซ่วถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว ขณะที่ใช้มือขวาจับด้ามกระบี่ที่สะพายเอาไว้บนไหล่แล้วตะโกนออกไปว่า

“ช้าก่อน! พวกเรามาคุยกันก่อน!”

ทว่าทั้งห้าคนล้วนไม่หยุดมือ มีสองคนที่ใช้เคล็ดวิชาของพวกเขาและเหวี่ยงอาวุธใส่หลี่ฉางโซ่ว

ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วเบิกกว้างพลางดึงกระบี่ที่ด้านหลังของเขาออกมาสามชุ่น แล้วผงแป้งไร้สีซึ่งถูกกระตุ้นด้วยพลังเซียนของเขาก็ล่องลอยไปทางพวกเขาทั้งห้าคนเงียบๆ

จากนั้นเขาก็ใช้ทักษะฝีเท้าพลังตัวเบาอันยอดเยี่ยมของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีด้วยอาวุธเวท คาถาเวท และยันต์ต่างๆ ที่ดูค่อนข้างน่าอนาถ

และบัดนั้น ผู้ลอบโจมตีเขาที่มีขอบเขตพลังสูงที่สุดในกลุ่มก็แบฝ่ามือซ้ายของเขาออกมาแล้วเล็งเป้าหมายไปที่หลี่ฉางโซ่ว

ทันใดนั้น คลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นรอบๆ หลี่ฉางโซ่ว ในขณะที่การเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงเช่นกัน

และบัดนี้ ผนึกอาวุธก็ถูกกระแทกลงมาอีกครั้งแล้ว!

ในขณะนั้น ลมปราณรอบกายของหลี่ฉางโซ่วพลันสั่นสะเทือน เผยให้เห็นขอบเขตพลังเซียนหยวนของเขาและผลักพลังลมปราณที่กระเพื่อมเป็นระลอกรอบๆ ตัวเขาออกไปทันที แล้วเขาก็หลบเลี่ยงผนึกอาวุธที่กระแทกลงมาได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้ง!

เวลานี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ขณะคำรามออกมาว่า “อย่าบังคับให้ข้าต้องชักกระบี่!”

ชั่วขณะนั้น บนท้องฟ้า นักพรตเต๋าวัยกลางคนซึ่งมีฐานพลังอยู่ในขอบเขตเซียนเสิ่นระดับต้นพลันหัวเราะเสียงเย็นขณะที่ปลดปล่อยผนึกอาวุธแล้วขว้างไปที่หน้าผากของหลี่ฉางโซ่วอีกครั้ง

จากนั้นทั้งสี่คนที่เหลือก็กระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์และคาถาเวทออกมาอีกครั้งเพื่อปิดผนึกมุมและไล่ต้อนหลี่ฉางโซ่วให้ล่าถอยไปทาง…

ในโลกบรรพกาล การบดขยี้ผู้อื่นด้วยการรุมไล่ต้อนทั้งสี่ด้านจนไปสู่ทางตายเช่นนี้เป็นรูปแบบการโจมตีที่ได้ผลมาช้านาน

ฉับพลันนั้น ผู้บำเพ็ญขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีซึ่งเป็นขอบเขตพลังที่อ่อนด้อยที่สุดในหมู่คนเหล่านี้ ก็ตะโกนเสียงสั่นว่า “เจ้าเด็กน้อย…”

พวกเขาไม่กี่คนต่างมองไปรอบๆ แต่จู่ๆ การมองเห็นของพวกเขาก็พร่ามัวทันที

ทันใดนั้น สีหน้าของเซียนเสิ่นซึ่งอยู่บนท้องฟ้าพลันซีดเผือดลงอย่างกะทันหัน และในขณะที่เขากำลังจะหันหลังและบินหนีไป เขาก็ซวนเซไปมาอย่างไม่อาจอธิบายได้ก่อนจะตกลงมาจากท้องฟ้าทันที!

แล้วจากนั้นคนทั้งสี่ที่อยู่บนพื้นก็ล้มลงไปอย่างรวดเร็ว นอนลงบนพื้นดินในป่า

หลี่ฉางโซ่วพลันโบกมือซ้ายของเขา และทันใดนั้น ฉัตรเปลี่ยนสวรรค์ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วสร้างค่ายกลแยกตัวขึ้นมา

บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วจับด้ามกระบี่ของเขาเอาไว้ก่อนจะหยุดอยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็พุ่งไปข้างหน้าและในที่สุดก็ชัก…กระบี่ยาวของเขาออกมา?

นี่มันกระบี่อันใดกัน!

มีตัวกระบี่ครึ่งหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ด้ามกระบี่ เป็นตัวกระบี่ไร้คมมีด แต่ปลายกระบี่เป็นเชือกวิเศษเจ็ดเส้น!

หลี่ฉางโซ่วเหวี่ยงวาดกระบี่แปลกๆ นี้ออกไป และในขณะนั้น เชือกที่ติดอยู่ก็ยืดยาวออกมา มันดูราวกับแส้ของฉีหยวน และในชั่วพริบตานั้น เขาก็มัดร่างของเซียนเสิ่นที่ยังตกลงไม่ทันถึงพื้น!

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ดึงเชือกอย่างสบายๆ แล้วร่างทั้งห้าก็ถูกมัดรวมกันและดึงเข้ามาที่ด้านหน้าของเขาทันที!

ในเวลาเดียวกันนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สามตัวก็กระโดดออกมาจากแขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่ว และก่อนที่พวกมันจะลงสู่พื้นดิน พวกมันก็กลายร่างเป็นนักพรตเต๋าเฒ่าหน้าบึ้งตึงสามคน

เวลานั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวที่หนึ่ง หยิบปลาไม้ปราบปีศาจออกมา ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวที่สอง ถือระฆังทองพิชิตวิญญาณ และหยิบผงเผาเซียนสองกระป๋องออกมา และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวที่สามก็ทำตัวเหมือนพยัคฆ์หิวโหยตะครุบเหยื่อ…

แล้วผู้บำเพ็ญทั้งห้าคนก็มาซ้อนทับตัวกันอยู่ต่อหน้าหลี่ฉางโซ่ว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวที่สองโรยผงเผาเซียนลงไปทันที ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวที่สามก็นำคลังเวทจัดเก็บของพวกเขาไปเก็บเอาไว้

จากนั้นเพลิงสมาธิแท้สองสามลูกก็ปะทุออกมาจากฝ่ามือของหลี่ฉางโซ่วแล้วพุ่งไปที่พวกเขาทั้งห้า

แล้วทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ลุกโชนไปทั่ว…