ชั่วขณะนั้นก็เกิดเสียงปลาไม้ดัง ระฆังลั่น และเสียงสวดมนต์ก็ดังขึ้น
ในเวลานั้น ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วพลันจับจ้องไปที่เมือง เขาสังเกตเห็นว่าดูเหมือนจะมีใครบางคนกำลังมองมาทางเขา ทว่าก็ไม่มีผู้ใดมา
เขาแผ่พลังสัมผัสเซียนออกไปตรวจดูทั่วบริเวณรัศมีสิบลี้โดยรอบและคอยเฝ้าระวัง ในขณะที่ไข่มุกสะกดวิญญาณที่เขาโยนออกไปก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว แล้วดูดซับวิญญาณของคนทั้งห้าคนพร้อมกันในคราวเดียว
ตั้งแต่เขาโต้กลับจนบัดนี้เหลือเพียงกองขี้เถ้าที่อยู่ข้างหน้าเขา ยังใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาด้วยซ้ำ
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายในขณะที่เสียบกระบี่กลับเข้าไปในฝักที่สะพายอยู่บนหลังของเขา และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็กระโดดกลับเข้าไปในแขนเสื้อของเขาทีละตัว
อาวุธเวทสองสามชิ้นบนพื้นดินซึ่งถูกเพลิงสมาธิแท้เผาทำลายไปครึ่งหนึ่งก็ถูกเก็บไว้ในถุงเก็บสมบัติที่ใช้สำหรับเก็บขยะโดยเฉพาะ
และในขั้นตอนสุดท้าย หลี่ฉางโซ่วก็สะบัดแขนเสื้อของเขา แล้วเถ้าถ่านเหล่านั้นก็ปลิวไปตามสายลม แปรเปลี่ยนเป็นปุ๋ยของพืชพรรณต่างๆ
หลังจากหุบฉัตรเปลี่ยนสวรรค์ที่ปรับปรุงแล้ว เขาก็เหยียบลงไปในทรายดูดบนพื้น จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งตรงไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว
และบรรดาผู้คนที่กำลังสำรวจสถานที่นี้ก็จับได้แค่เพียงภาพด้านหลังของเขาและเสียงพึมพำกับตัวเองในขณะที่หลี่ฉางโซ่วจากไป
“บอกแล้วว่าอย่าบังคับให้ข้าต้องชักกระบี่”
จอมกระบี่ผู้นี้ทรงพลังยิ่ง…
……
หลี่ฉางโซ่วคิดในใจว่าพลังเซียนสำรองของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ยังคงอุดมอย่างยิ่ง ดังนั้นในตอนแรกเขาจึงเดินทางไปทางเหนือหนึ่งหมื่นลี้ก่อนจะหันไปทางทิศตะวันออกเพื่อเดินเล่น แล้วจากนั้นก็กลับไปที่สำนักตู้เซียน
สถานการณ์อันตรายจริงๆ…
โชคยังดีที่เซียนเสิ่นผู้นั้นประมาทและดูเบาคู่ต่อสู้มากเกินไป เขาคุ้นเคยกับการใช้อาวุธเวทโจมตีผู้อื่น ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยพลังออกมามาก แล้วเขาก็พ่ายแพ้ต่อผงพิษที่เขาปล่อยออกมา
ยามนี้ หลี่ฉางโซ่วมียาที่ใช้แทนผงสลายพลังเซียนแล้ว นั่นคือ ผงพิษเมาวิญญาณ
เขาปล่อยผงพิษทั้งหมดหกชนิดออกมาในทันทีที่ชักกระบี่ และเมื่อเซียนเสิ่นตกลงมาจากฟากฟ้า ในขณะนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาก็ตายไปแล้ว และในที่สุด เขาก็ถูกเพลิงสมาธิแท้กลืนกินปราณวิญญาณของเขาที่ยังคงสั่นสะท้าน
หากข้าประมาทเช่นนั้น ข้าก็คงตายไปแล้ว
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจและเตือนใจตัวเองให้ระวังในเรื่องนี้
เขาชนะและรู้สึกมีความสุขที่ได้รับทรัพย์สินมาโดยบังเอิญ
ไม่มีอะไรให้น่ายินดีเลยจริงๆ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ความจริงที่ว่าเขาตกเป็นเป้าหมายของผู้อื่น ย่อมหมายความว่าเขายังไม่มั่นคงเพียงพอและยังประมาทเกินไป
ข้าจะกลับไปเขียนบทวิเคราะห์ทบทวน และคราวหน้า ข้าจะขอให้ท่านอาจารย์ออกมาอีกสักสองสามวัน
ทว่า…
เมื่อมองดูถุงเก็บสมบัติในแขนเสื้อซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณ สมุนไพรพิษ และลูกสัตว์วิญญาณ เขาก็คิดว่าเขาคงจะยุ่งอยู่เป็นเวลาสามถึงห้าปี
เขาอยากรวย!
เขาอยากมีเงินมากขึ้นเพื่อปกป้องเต๋าของเขา!
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รีบกลับไปยังป่าทึบที่เขาจากมาตามเวลาที่กำหนด
ขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษก็วางกล่องสี่เหลี่ยมฝังลงในดินอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขามองไปยังหินสัมผัสของเขาและตระหนักว่ามันส่องแสงวาววับออกมาเล็กน้อย
ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็พบอาจารย์ของเขาซึ่งซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปสิบลี้ และส่งเสียงกล่าวออกมาว่า “ท่านอาจารย์ โปรดถอนพลังเซียนของท่านก่อนขอรับ”
ฉีหยวนซึ่งกำลังอยากรู้อยากเห็น มองไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อย่างสงสัยแล้วขานรับพร้อมทั้งถอนพลังเซียนของเขาออกทันที
และตามที่คาดไว้ บัดนี้ศิลาอมตะรูปเพชรไม่ได้ส่องแสงเจิดจ้าอีกต่อไป
แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ยักไหล่ช้าๆ แล้วพึมพำว่า “เล็ก เล็ก เล็ก…”
จากนั้น เสี้ยวแสงเซียนที่ล้อมรอบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หนาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมด้วยถุงผ้าเล็กๆ ที่ไหล่ของมันที่โป่งพองออกมา แล้วทันใดนั้นมันรีบกระโดดเข้าไปในกล่องอย่างคล่องแคล่ว แล้วปิดฝาลงทันที
“เอาละ ท่านอาจารย์ โปรดนำกล่องกลับไป แล้วแค่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้นเมื่อกลับไปที่สำนัก และคราวหน้า เราค่อยหาเหตุผลดีๆ ออกมาเดินเล่นกันนะขอรับ”
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ขับเคลื่อนเมฆพร้อมกับนำกล่องสี่เหลี่ยมไป
บัดนั้น สติของหลี่ฉางโซ่วก็กลับคืนสู่ร่างเดิมของเขาในหอโอสถ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกทันที
แล้วความรู้สึกอย่าง…เปราะบาง อับจนหนทาง อ่อนแอ และน่าสมเพชนั้นก็หายไปในที่สุด
ในขณะที่ ร่างหลักยังสบาย…และมั่นคงปลอดภัย
……
ศิษย์พี่ฉางโซ่วจะชอบอะไรกันแน่นะ
ในยอดเขาพิชิตสวรรค์ของสำนักตู้เซียน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักซึ่งจิ่วเซียนทั้งเก้าอาศัยอยู่ มีเคหาสน์ถ้ำที่พำนักอยู่ในกำแพงหิน
รูปลักษณ์ภายนอกของถ้ำนี้ดูธรรมดา แต่ภายในถ้ำนั้นวิจิตรงดงามอย่างยิ่ง
เมื่อก้าวเข้าไปในถ้ำจะมี ‘โถง’ ที่โอ่อ่าสง่างาม ทางด้านซ้ายมือ และจะมองเห็นสระบัวยาวสิบฉื่อ ซึ่งที่ก้นสระปูด้วยหยกวิญญาณ น้ำในสระเปล่งแสงเจิดจ้าและมีปลาหลีฮื้อสองตัวอยู่ใต้ใบบัว
ทางด้านขวามือเป็นห้องรับรองที่กว้างขวางพร้อมมีเบาะรองนั่งสมาธิและฉากกั้น มีผ้าม่านทั้งสองด้าน และมีภาพวาดภูมิทัศน์หลายภาพที่แขวนอยู่บนผนังหิน
ขณะที่สำรวจภายในต่อไป ก็พบว่ามีทางแยกสองทาง ซึ่งหนึ่งในนั้นนำไปสู่ที่พำนักของเจ้าของซึ่งเจียงจิงซาน ผู้เป็นเซียนเสิ่น ฝึกบำเพ็ญและอาศัยอยู่
ส่วนอีกทางนำไปสู่ห้องพักส่วนตัวของโหย่วฉินเสวียนหย่า ศิษย์สายตรงของเจียงจิงซาน นางคือหัวหน้าศิษย์ของศิษย์รุ่นเยาว์สำนักตู้เซียน
ในเวลานี้ โหย่วฉินเสวียนหย่า ซึ่งเพิ่งตื่นจากสภาวะเฉิงเต๋า กำลังคิดเกี่ยวกับคำถาม…
ท่านอาจารย์กล่าวก่อนหน้านั้นว่าการมอบของขวัญให้แก่กันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างมิตรภาพซึ่งกันและกัน
นางอยากมอบของขวัญให้ศิษย์พี่ฉางโซ่ว และอยากได้รับของขวัญจากศิษย์พี่ฉางโซ่วเพื่อจะได้พิสูจน์ว่าศิษย์พี่ฉางโซ่วปฏิบัติต่อนางในฐานะ ‘สหาย’ ด้วยเช่นกัน
สหายสนิทจำเป็นต้องสื่อสารและปรับปรุงมิตรภาพอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่พวกเขาสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่โหย่วฉินเสวียนหย่าใฝ่ฝัน
น่าเสียดายที่จนถึงยามนี้ นางยัง…ไม่มีสหายสักคนเลย
‘ขอบเขตพลังของข้าไม่สูง ดังนั้นข้าจึงมีเพียงเวทหลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย ซึ่งหากคนอื่นรู้ เกรงว่าข้าคงจะกลายเป็นตัวตลก ทำให้ผู้คนขบขันแล้ว’
หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย
โหย่วฉินเสวียนหย่ากะพริบตาและขณะที่ขนตาของนางกระพือ จู่ๆ นางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้
ทันใดนั้น นางก็หันหลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าด้านข้าง
แม้เครื่องเรือนต่างๆ ในห้องนั้นจะดูเรียบง่ายมาก แต่พวกมันเหล่านั้นล้วนทำมาจากวัสดุพิเศษ
จากนั้นนางก็หยิบกล่องเครื่องประดับออกมาจากตู้เสื้อผ้า ทันทีที่เปิดมันออก มันก็สาดแสงเจิดจ้า แสงวิญญาณมากมายเปล่งประกายสว่างไสว
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรางวัลที่พระบิดา และพระมารดาของนางมอบให้ ก่อนที่นางจะมายังสำนักตู้เซียนเพื่อแสวงหาความเป็นอมตะ
แม้โลกมนุษย์ในดินแดนเทวะทักษิณจะเป็นสถานที่ที่วุ่นวาย แต่กรรมระหว่างจักรพรรดิมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่เกินไป และไม่มีผู้บำเพ็ญคนใดกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตและชะตากรรมของจักรพรรดิ
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้ทำให้เหล่าจักรพรรดิหยุดการใช้วิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้รับวิธีการหลอมรวมลมปราณ
เกือบครึ่งหนึ่งของจักรพรรดิมนุษย์ในโลกมนุษย์มีวิธีเพิ่มอายุขัยของพวกเขา และอาณาจักรโหย่วฉินก็เป็นตัวอย่างทั่วไปของสถานที่ที่เซียนและมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกัน ตั้งแต่จักรพรรดิจนถึงแม่ทัพ ล้วนมีทักษะและขอบเขตการฝึกบำเพ็ญที่เทียบได้กับเซียนเล็กๆ
โหย่วฉินเสวียนหย่าค้นหาในกล่องเครื่องประดับครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็หยิบไข่มุกสีเหลืองเม็ดหนึ่งออกมา
นี่ไม่ใช่อาวุธเวท แต่เป็นไข่มุกที่เกิดจากเส้นชีพจรวิญญาณ มันบรรจุพลังบริสุทธิ์แห่งเบญจธาตุของโลก แม้จะไม่ใช่สมบัติล้ำค่า แต่ก็มีผลบางอย่างกับเวทประเภทดิน
และแน่นอนว่า หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายก็เฉกเช่นกัน
ไข่มุกสวรรค์สร้างนี้มีค่ามากกว่าอาวุธเวทหลายร้อยเท่าซึ่งให้ผลเหมือนกัน
“ศิษย์พี่ ท่านจะคิดว่าของขวัญนี้ไม่มีความสำคัญใดหรือไม่”
โหย่วฉินเสวียนหย่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจ จากนั้นจึงหยิบกล่องผ้าเล็กๆ ออกมาแล้ววางไข่มุกไว้ภายในนั้น
และหลังจากครุ่นคิด นางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนหนึ่งออกมาและลังเลอยู่ครึ่งชั่วยามก่อนจะเขียนลงไปว่า ‘สำหรับท่าน ศิษย์พี่ฉางโซ่ว’
เมื่อคลุมมุกด้วยผ้าเช็ดหน้าทรงสี่เหลี่ยมแล้ว นางก็ปิดกล่องผ้า ก่อนจะเม้มปากแล้วแย้มยิ้ม ออกมา จากนั้นก็ก้าวออกไปด้วยฝีเท้าที่เบาอย่างยิ่ง