บทที่ 159 ไม่รัก

มู่เทียนซิงกลัวว่าเขาจะคิดไปต่างๆนานา รีบอธิบาย “ฉันไม่ได้รังเกียจคุณจริงๆนะ ถ้าฉันรังเกียจคุณ คงไม่อยู่กับคุณหรอก”

“แต่ผมได้ยินจั๋วหรันบอกว่า ความรักของหนุ่มสาวสมัยนี้ แม้เป็นเพียงความรักธรรมดา ยังไม่ได้ผ่านพิธีแต่งงาน ก็จะ…..มีความสัมพันธ์ถึงขั้นนั้น คุณไม่ยอมให้ผมสัมผัสคุณ ตอนกลางคืนถึงจะนอนด้วยกันอย่างมากผมก็ได้แค่จูบคุณ สัมผัสคุณก็ไม่ให้ผมสัมผัสเลยสักนิด”

เขามองเธอท่าทางน้อยใจ เอ่ยจบ ก็ก้มหัวลงไป ดูน่าสงสาร

มู่เทียนซิงแทบอยากระเบิด

พวกเขากำลังอาบน้ำกันอยู่ หรือว่ากำลังคุยถึงปัญหาที่ไม่สามารถสัมผัสได้

หรือจะให้หญิงสาวบริสุทธิ์อย่างเธอตอบตกลงกับเขาว่า : ได้สิ ฉันจะให้คุณสัมผัส

สวรรค์

“เหอะเหอะ น้ำจะเย็นหมดแล้ว โอ้เอ้มาตั้งนาน รีบถอดเถอะ”

เธอยื่นมือไป จับสองด้านข้างของเขา คว้ากางเกงเขาเอาไว้ แล้วบอก “เตรียมลุกขึ้นนะ หนึ่ง สอง สาม ลุก”

หลิงเล่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สองมือพยุงร่างตัวเองขึ้น มู่เทียนซิงเองก็หาจังหวะของตัวเองได้แล้ว ครั้งเดียวก็สามารถดึงกางเกงชั้นในของเขาออกมาได้สำเร็จ

เพียงแต่ว่า เมื่อสายตาของเธอมองเห็นน้องชายของเขา ใบหน้าเล็กก็ชะงักไป แล้วจึงแสร้งทำเป็นสงบนิ่งต่อไป

ดวงตาวาวปรากฏตัวอักษรสี่ตัว ความกล้าหาญ

หลิงเล่ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ มองเขาล่อนจ้อนแล้ว เป็นเรื่องน่าเศร้าขนาดนั้นเลยหรอ

เขาถูกเธอผลักไปที่ขอบอ่างอาบน้ำ มู่เทียนซิงยกขาข้างหนึ่งของเขาขึ้น วางลงไปในอ่าง แล้วยกอีกข้างตามลงไป จากนั้นบอก “คุณลุง คุณใช้แขนออกแรงพยุงหน่อย ย้ายตูดของคุณลงไปที่อ่าง ฉันจะช่วยพยุงคุณลงไป”

“ตูดหรอ” หลิงเล่ใบหน้าไม่เข้าใจ “คืออะไรตูด”

“ฮ่าๆ “

มู่เทียนซิงยกมือขึ้น ตบลงบนอกตัวเอง “ใช่สิ หมายถึงก้น”

ม่านตาของชายหนุ่มฉายแวววาว จากนั้นทำตามที่เธอบอก

มู่เทียนซิงรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้มีกำลังมากมาย มีแขนที่ใหญ่ขนาดนี้ ต่อไปคงต้องฉายาให้เขาว่าแอสโทรบอยก็คงจะดี

แต่ว่า เมื่อเธอเห็นส่วนหนึ่งในร่างกายเขาแกว่งไปมา แถมยังบวมขึ้น เธอตกใจจนต้องกลืนน้ำลาย พลันปวดฉี่ขึ้นมา

หลับตาลง หายใจเข้าลึก เธอคิดว่า ต้องเป็นเพราะห้องน้ำร้อนเกินไปแน่ๆ

“คุณลุง คุณอาบดีๆนะ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วเรียกฉัน เดี๋ยวฉันเข้ามาใหม่…..”

“ขาและหลังของฉัน ฉันถูเองไม่ถึง”

เธอพยุงเขา กอดเขา ให้เขาเลื่อนลงไปเองตามส่วนโค้งของอ่าง รอจนเขาลงไปอยู่ในอ่างทั้งตัวแล้ว เขาเงยหน้าขึ้น มองเธออย่างน่าสงสาร “อย่าทิ้งผม”

มู่เทียนซิงเองก็ไม่ได้ใจคด

ไปไปมามา ยังไงซะก็ต้องอาบน้ำให้เขาอยู่แล้ว ก็ให้กลายเป็นหน้าที่ของเธอทั้งหมดเลยแล้วกัน

บอกกับตัวเองอยู่ในใจไม่หยุด มองเขาเป็นแครอทก็พอแล้ว หยิบผ้ามาเช็ดถูให้เขาไปหนึ่งรอบ ให้เขาแช่ไปก็พอแล้ว

เธอทำแบบนั้นจริงๆ หยิบผ้าขนหนูมาถูตัวให้เขาเหมือนกับเช็ดแครอทจริงๆ

หลิงเล่เห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของเธอ ในใจยิ่งเสียใจหนักเข้าไปอีก

ทำไมเธอถึงไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวกับเขาแม้แต่น้อยเลยล่ะ

เขายั่วยวนเธอขนาดนี้แล้ว

หรือว่าผู้หญิงคนนี้ยังเด็กเกินไป หรือเพราะเปิดใจกว้างแล้ว

เป็นไปไม่ได้

มู่เทียนซิงขัดตัวให้เขาจนทั่วทั้งตัว หยิบแชมพูขึ้นมาสระผมให้กับเขา ให้เขาพึงอ่างอาบน้ำ เงยหน้าขึ้นมาสระผมให้เขา

หลังจากสระแล้ว เธอจึงปล่อยน้ำในอ่างออก จิตใจสงบลงแล้วไม่น้อย

มองฟองสีขาวที่ค่อยๆไหลออกไป เธอหยิบฝักบัวขึ้นมา ปรับน้ำอุ่นเรียบร้อยแล้วจึงล้างไปที่ตัวของเขา ล้างฟองออกจากตัวเขาจนสะอาดสะอ้าน

ผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ เปิดออก พาดไปยังตัวเขา

เธอซับหยดน้ำบนตัวให้เขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แล้วบอก “คุณลุง เดี๋ยวเราเตรียมขึ้นนั่งบนวีลแชร์นะ”

ไม่นาน มู่เทียนซิงตื่นเต้นและภูมิใจจริงๆ

เธอช่วยผู้ชายที่รักอาบน้ำ หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ สำเร็จแล้ว

แต่ชายบางคนไม่ตอบกลับเธอ ทว่ากลับแสดงออกถึงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน

มู่เทียนซิงร้อนรน มองไปที่เขา “เป็นอะไรไปคะ ไม่สบายตรงไหน”

หลิงเล่ส่ายหัว ไม่พูดอะไร

พลิกไปมา เธอสวมชุดนอนให้กับเขา กดเขาลงบนเตียง ห่มผ้าให้เขา

“คุณลุง คุณนอนเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำ”

หลิงเล่ยังคงไม่พูดไม่จา

มู่เทียนซิงคิดว่า สงสัยสองวันมานี้เกิดเรื่องเยอะเกินไป พ่อแม่อยู่ๆก็โผล่เข้ามา ดังนั้นเขาเลยอารมณ์ไม่ดีแน่เลย

ให้เวลาเขาสักนิด อยู่เงียบๆคนเดียว

หยิบชุดนอนของตัวเอง วิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างร่าเริง

ในขณะที่เธอฮัมเพลงแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ กลับพบว่า ในห้องนอนนั้นว่างเปล่า คุณลงก็หายไป ไม่เพียงแค่ตัวเขา แถมยังวีลแชร์ข้างเตียงอีก

มู่เทียนซิงตกใจ ก่อนที่เธอจะหยิบชุดนอนเข้าห้องน้ำไป เห็นได้ชัดว่าเอาวีลแชร์ไว้ด้านข้างโต๊ะหัวเตียงนี่นา

หรือว่าคุณลุงปืนลงมาจากเตียง ปืนไปยังวีลแชร์ตรงนั้น แล้วปืนออกไป

ในขณะที่เธอกำลังประหลาดใจอยู่นั้น ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้นมา “คุณหนูมู่”

เธอหันกลับไปอย่างงุนงง แต่จั๋วซียืนอยู่ด้านหลัง บอกกับเธอ “ซือซ่าวมีเรื่องต้องไปคฤหาสน์ด้านหลัง ผมจะตามเขาไปจัดการธุระ คืนนี้ไม่ได้กลับมา คุณรีบพักผ่อนนะครับ”

มู่เทียนซิงพยักหน้า

คิดคิดดูแล้วก็ใช่ เหมือนเขาจะมีงานมากมาย สองวันมานี้แทบไม่ได้ทำงานจริงจังเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าต้องทำงานล่วงเวลา

มู่เทียนซิงพลันนึกขึ้นได้ บอก “จริงสิ เมื่อสักครู่คุณได้เข้ามาไหม”

จั๋วซีชะงัก แต่ยิ้มออกมา “ทำไมหรอครับ”

มู่เทียนซิงบอก “เมื่อสักครู่คุณลุงนอนอยู่บนเตียง วีลแชร์อยู่ตรงนั้น….”

“อ้อ เมื่อสักครู่เป็นซือซ่าวที่กดกระดิ่งเรียกผมครับ ดังนั้นผมเลยมาพาซือซ่าวออกไป” จั๋วซีเอาขัดคำพูดของมู่เทียนซิง แล้วบอกอีก “ตอนที่ซือซ่าวลงไป ลืมหยิบโทรศัพท์ ผมช่วยมาหยิบให้ครับ”

มู่เทียนซิงพยักหน้า ทว่าไม่รู้โทรศัพท์ของหลิงเล่อยู่ที่ไหน มองจั๋วซีหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา พลันมีเสียงดังขึ้นมา

เธอจึงยิ้ม “อยู่ใต้หมอนนี่เอง”

เธอยื่นมือไปคว้านหา ทว่าพบว่ามีบนหมอนมีร่องรอยการร้องไห้

หัวใจพลันสับสน หยิบโทรศัพท์ออกมา กดตัดสายจั๋วซี แต่พลันเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์พลันสว่างวาบขึ้นมาค้างอยู่หน้าหนึ่ง

เป็นหน้าที่หลิงเล่โพสต์ค้างเอาไว้ :หากมีคู่หมั้นที่คอยหาเหตุผลมาปฏิเสธที่จะนอนกับตัวเอง เป็นเพราะอะไร

ด้านล่างที่ตอบกลับ…..

หมูอ้วน:เธอคงไม่รักคุณมั้ง ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้แหละ จิตใจกับร่างกายมักเป็นหนึ่งเดียวกัน

อาหนาน:เธอไม่ได้รักคุณ!

เห้อเปา:อย่าทำให้เธอเสียเวลาเลย แล้วก็อย่าทำให้ตัวเองเสียเวลา เลิกกันเถอะ

ยันยัน:เธอไม่รักคุณจริงๆ หรือบางทีคุณมีประวัติที่ย่ำแย่หรือเปล่า แค่รู้สึกเห็นใจคุณแค่นั้น

ด้านล่าง หลิงเล่ยังตอบกลับไปหนึ่งประโยค:ผมรู้

อ่านจบตรงนี้ ความหวาดกลัวเข้ามากัดกินจิตใจ มู่เทียนซิงรู้สึกไม่ดีไปทั่วทั้งร่างแล้ว