บทที่ 160 แผนการ

บวกกับก่อนหน้านี้ รวมทั้งหันไปมองร่องรอยการร้องไห้บนหมอน ใบหน้าของมู่เทียนซิงพลันซีดขาว

จั๋วซีมองเธอ ถามอย่างระมัดระวัง “คุณหนูมู่”

“คะ”

“โทรศัพท์เอาให้ผมได้หรือยังครับ ซือซ่าวยังรออยู่นะครับ”

“อ้อ นี่ค่ะ”

ในตอนที่มู่เทียนซิงยื่นโทรศัพท์คืนให้เขา ก็เอ่ยถามอย่างทุกข์ใจ “ฉันไปดูเขาที่ด้านหลังด้วยได้ไหมคะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเขา”

เธอรักคุณลุงจริงๆ เป็นความรักจริงๆ ใช่แค่ความเห็นใจ

คุณลุงร้องไห้เพราะแบบนี้ เขาจะเสียใจมากแค่ไหนนะ

ทำไงดีล่ะ ทำไงดี

จั๋วซีส่ายหน้าอย่างน่าเสียดาย “ต้องขอโทษด้วยนะครับ คุณหนูมู่ งานคืนนี้ของซือซ่าวสำคัญมาก ตอนนี้มีเรื่องด่วนต้องจัดการ คงพบคุณไม่ได้ คุณหนูมู่ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

มู่เทียนซิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างร้อนรน ได้แต่ยืนมองจั๋วซีเดินจากไปแบบนั้น

บรรยากาศเงียบสงบ ทว่าในหัวของมู่เทียนซิงนั้นสับสนวุ่นวาย

เธอเดินไปมาอยู่ในห้องด้วยความร้อนใจ ดึกมากแล้ว นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงก็แล้ว ยังไงก็นอนไม่หลับ

เพียงนึกถึงเมื่อสักครู่ที่หลิงเล่ต้องนอนโดดเดี่ยวอยู่บนเตียงคนเดียว ภาพที่เขาน้ำตาหลั่งริน มู่เทียนซิงอดรู้สึกผิดไม่ได้รู้สึกปวดใจจนยากที่จะหายใจ

เธอร้อนใจ ร้อนในจนต้องร้องไห้ออกมา

อย่างไรก็ตาม เด็กอายุสิบแปดที่มีรักครั้งแรก จะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณลุงอายุยี่สิบหกจอมเจ้าเล่ห์ได้ยังไง

มู่เทียนซิงไม่มีวันรู้ ตอนนี้ด้านล่างตึก ในห้องของจั๋วหรัน……….

“ฉันสมัครไปสามแอคเคาท์เพื่อไปตอบกลับโพสต์ของซือซ่าวแล้ว น่าจะพอแล้วไหม”

ฉวีซือนอนอยู่ในอ้อมแขนของจั๋วหรัน กำลังเล่นโทรศัพท์

จั๋วหรันบอก “ผมก็สมัครไปหนึ่งแอคเคาท์ไปตอบแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณหนูมู่จะเห็นแล้วหรือยัง”

“ฉันว่าซือซ่าวใจร้ายมาก วางแผนการร้ายกับทุกคนทำกับเด็กสาวแบบนี้ ตอนนี้ยังทำเป็นหายตัวไปอีก ไม่ให้โอกาสคุณหนูมู่ได้อธิบายเลย คุณหนูมู่อยู่ในห้องคนเดียว ไม่แน่ว่าอาจจะร้อนใจมาก คงร้อนใจจนนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ๆ”

ฉวีซือส่ายหน้าพลางถอนหายใจ นึกถึงท่าทางใสซื่อของมู่เทียนซิง เธอทำใจไม่ได้จริงๆ

จั๋วหรันกลับหัวเราะออกมา “เธอต้องคิดถึงซือซ่าวให้มากๆ คิดถึงคุณชายน้อยของเราในอนาคต ซือซ่าวทำแบบนี้ เพียงแค่อยากจะกินคุณหนูมู่เร็วๆเท่านั้น”

“ฉันยังคิดว่าพวกเขาเคยนอนด้วยกันแล้วซะอีก แต่ว่า พวกยาบำรุงพวกนั้นบำรุงร่างกายคุณหนูมู่หน่อย ก็ไม่ถือว่าสิ้นเปลือง”

ฉวีซือพูดจบ ก็หัวเราะออกมา วางโทรศัพท์ไว้ด้านข้าง บอก “คุณพูดถูก เพียงนึกถึงคุณชายน้อยของพวกเรา ก็ไม่มีอะไรใจร้ายเกินไปเท่าไหร่”

จั๋วหรันพยักหน้าบอก ถูก ซือซ่าวใส่ใจคุณหนูมู่ขนาดนั้น คงไม่กล้าบีบบังคับเธอ เธอยังเด็กแบบนั้น ถ้าเธอไม่เริ่มก่อน ซือซ่าวคงต้องกินมังสวิรัติแล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว คิดแล้วซือซ่าวก็คงอดทนอย่างยากลำบากไม่น้อย คงไม่อยากทนแล้ว”

เมื่อโล่เจปู้กลับจากคฤหาสน์จื่อเวย กลับไปถึงห้องชุดในโรงแรม หนีซีโย่วเองได้กลับไปแล้ว

พอดีที่เธออาบน้ำเสร็จแล้ว พึ่งออกมาจากห้องน้ำ สวมชุดนอนผ้าไหมสีแดง

โล่เจปู้เปิดประตูเข้ามา มองเห็นหญิงสาวที่รักยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ในมือเขาถือกระบอกเก็บความร้อนอยู่ ยิ้มอ่อนโยนให้เธอ “อาบน้ำแล้วหรอ”

หนีซีโย่วไม่ได้ตอบรับ

ดวงตาของเธอมองไปที่ของในมือเขา เอ่ยด้วยประโยคที่น่าผิดหวัง “ฉันไม่ทานมื้อดึก”

เธอเปิดผ้าห่มออกเตรียมจะนอนแล้ว เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ข้างๆยังมีอีกห้อง”

โล่เจปู้ยังใส่ใจความเฉยชาของเธอที่มีต่อเขา หลายปีแล้ว เคยชินเป็นอีกหนึ่งเหตุผล สาเหตุที่สำคัญก็คือ เขาเข้าใจถึงความทุกข์ใจของเธอแล้ว

น้ำตาคลอ เมื่อกะพริบตา หากไม่ระวัง ทำให้มันไหลออกมาจากกระบอกตา

แต่ว่า เขาทำไม่ได้

ระหว่างทางกลับมา นึกถึงคำพูดของหลิงเล่ โล่เจปู้ยอมรับคำพูดของลูก เด่นชัดทีละคำ ให้มันฉีกกระชากเขาให้เจ็บปวด แต่มันคือความจริง

เมื่อนำกระบอกเก็บความร้อนวางไว้ที่โต๊ะไม่ไกลมาก โล่เจปู้มองเธอ ซ่อนความเจ้าเล่ห์ในดวงตา บอก “นานทีนั่วยีจะได้อยู่ร่วมกับลูกชายทั้งสองของเขา ผมก็อาศัยวันลาของเขาให้ไปหาลูกๆ เมื่อสักครู่เขาพึ่งกลับมา เอาอันนี้มาด้วย บอกว่าคุณหนูมู่เป็นคนทำเองกับมือ”

ร่วงนุ่มบนเตียงพลันนิ่งค้างไปชั่วขณะ

เวลานี้ หัวใจของหนีซีโย่วพลันสั่นรัว

ผู้ชายคนนี้รู้อะไรแล้วหรือเปล่า หรือว่าเดาอะไรออกแล้ว ถึงได้มาลองภูมิตนเอง

พยายามควบคุมการหายใจ เธอหลับตา พยายามไม่มอง ไม่ฟัง ผลักดันเขาออกไป

แต่……….

นั่นเป็นสิ่งที่ภรรยาของลูกชายทำเลยนะ

โชคดีที่ขนาดขอยังไม่เคยมี มาแบบนี้แล้ว จะไม่กินหรอ

ขณะที่เธอต่อสู้อยู่ในใจ โล่เจปู้จึงเอ่ยต่อ “ผมไม่รู้ว่าเขาพูดถึงใคร แต่ว่า นั่วยีบอกว่าน่าจะเป็นคู่หมั้นของเด็กคนนั้น”

หนีซีโย่วลุกขึ้น นั่งอยู่หัวเตียง มองดูเขา “คุณจะพูดอะไรกันแน่”

ดวงตาคู่นั้น อ่อนโยนงดงาม แสดงออกถึงการเตือนภัย

ทว่าอดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองกระบอกเก็บความร้อนบนโต๊ะ

โล่เจปู้เหลือบมองสายตาของเธอแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “ก็ไม่ได้มีอะไร ในเมื่อนั่วยีเอากลับมาแล้ว คุณทานหน่อยเถอะ เพียงแค่คุณรับปากจะไม่เจอเด็กคนนั้น ไม่เจอหลิงหวิน ผมไม่โกรธหรอก”

เอ่ยจบ โล่เจปู้ก็หมุนตัวเดินจากไป

ทุกๆก้าวเดิน หัวใจของเขานั้นเจ็บปวด

เป็นเพราะอะไรกันแน่ ที่ทำให้ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ กลายมาเป็นแบบนี้

แม้เขาจะรู้ความจริง ทว่ายังไม่กล้าที่จะบอกเธอ :ที่รัก ผมได้เจอลูกของเราแล้ว ผมรู้ทุกอย่างแล้ว

เขาคิดไม่ออกเลยว่าเมื่อเธอรู้เธอจะโวยวายบ้าระห่ำขนาดไหน เขาทำใจมองมันไม่ได้

เหมือนคำพูดของลูก แก้ไขจุดสำคัญของปัญหา ไม่ใช่การรับลูกชายกลับไป และแต่งงานกับเธอก็จบ

ก่อนนั้น เขาต้องทำให้ชัดเจน ลำบากไม่หยุดไม่หย่อน หาเหตุผลของเธอ มันคืออะไรกันแน่

เมื่อประตูปิดลง

หนีซีโย่วอยู่ในห้องนอนคนเดียว

เธอจ้องมองกระบอกเก็บความร้อนอยู่เงียบๆ ในหัวมีภาพของคืนก่อน ที่เจอมู่เทียนซิงครั้งแรกในลิฟต์ของโรงพยาบาล

แม้จะรู้ว่ารอบตัวมีตำรวจติดอาวุธ แม้จะรู้ว่าฐานะเธอสูงส่ง แต่ก็ยังลากเธอพุ่งไปยังห้องพักผู้ป่วยของหลิงเล่

เด็กสาวที่ทำเพื่อความรักแล้วไม่กลัวตาย ทำจนข้อมือเธอถูกบีบจนเจ็บไปหมด

หนีซีโย่วกระบอกตาแดงก่ำยกยิ้มขึ้นมา เธอสวมรองเท้าแล้วค่อยๆเดินเข้าไป

เมื่อเปิดกระบอกเก็บความร้อนออก กลิ่นซุปหอมลอยเข้าจมูก น้ำตาของเธอพลันหยดลงมา

เป็นเด็กดีจริงๆเลย

เสี่ยวเล่ของเธอ โชคดีจริงๆ

เมื่อท้องฟ้าใกล้สว่าง โล่เจปู้ค่อยกลับมา

เมื่อเขาเปิดประตู เห็นร่างของหนีซีโย่วม้วนเป็นก้อนกลม นอนหลับอยู่เงียบๆ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม หลายปีผ่านไป เธอก็ยังเป็นเจ้าหญิงที่เป็นดั่งอัญมณีล้ำค่าในใจของเขา

เขาเดินเข้าไปดู ด้านในกระบอกเก็บความร้อน ถูกทานจนหมดแม้กระทั่งน้ำซุปก็ยังไม่เหลือ

โล่เจปู้หัวเราะ กอดเธอเอาไว้เบาๆ “ที่รัก ฝันหวานอะไรอยู่ แบ่งให้ผมสักครึ่งสิ”