บทที่161รักใคร่

หกโมงเช้า

หนีซีโย่วตื่นขึ้นมาภายในอ้อมอกของโล่เจปู้

เธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ยิ่งนับวันผู้ชายคนนี้ก็ยิ่งถือวิสาสะเข้าห้องมากขึ้นทุกทีแล้วนะ!

เธอขยับตัวเบาๆ แล้วก็เหลือบไปเห็นขอบตาที่ดำคล้ำของเขา แล้วเธอก็ต้องรู้สึกอ่อนใจ นี่เขาเคยได้พักผ่อนดีๆ เหมือนคนอื่นบ้างไหมเนี่ย?

จิตใจที่ร้อนรนของเธอก็ได้สงบลงมา หนีซีโย่วมองดูเขาอย่างเงียบๆ ค่อยๆ ยกมือขึ้น แล้วลูบไล้ไปตามใบหน้าของเขารอบหนึ่ง

ใจหนึ่งก็เต้น ใจหนึ่งก็เศร้า

ดูสิ เธอกับเจปู้น้อยของเขา รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปครึ่งชีวิตแล้ว เด็กสาวกับเด็กหนุ่มตอนนี้ก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ!

ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่กำลังหลับสนิทอยู่จู่ๆ ก็อ้าปากมางับนิ้วของเธอที่กำลังลูบอยู่ตรงคางของเขา

เธอตกใจจนรีบชักนิ้วกลับ แต่มันก็ชักออกไม่ได้!

เขาลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำจ้องเขม็งมาที่เธอ ลิ้นนุ่มๆ ที่อยู่ในปากสัมผัสไปที่นิ้วเบาๆ ปลายนิ้วของเธอรู้สึกชาจนจะทนไม่ไหวแล้ว ใบหูก็เริ่มแดง จากนั้นเธอก็คำรามออกมาว่า “ปล่อยมือนะ!”

เขาขำ

เขาอ้าปากแล้วปล่อยนิ้วเธอออก จากนั้นก็พูดว่า “คุณควรจะบอกว่าปล่อยปากสิไม่ใช่ปล่อยมือ!”

เมื่อกี้เขาใช้ปากจับเธอไว้นะไม่ได้ใช้มือจับสักหน่อย

หนีซีโย่วพลิกตัวไปอีกฝั่งแล้วมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง แต่เขากลับใช้มือรั้งตัวเธอเอาไว้ จากนั้นก็จะเธอกดเอาไว้เบื้องล่าง โดยไม่สนใจว่าเธอจะยินยอมหรือเปล่า เขาก็ได้โน้มตัวลงไปกัดปากเธอจนบวมมันถึงจะสาแก่ใจจนยอมปล่อยเธอไป

เขาจ้องมองเธออย่างอ่อนโยน แล้วก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวต้องรีบไปขึ้นเครื่อง ตอนเที่ยงยังต้องกลับไปหารือเรื่องประเทศชาติกับพวกอาสามอีก วันนี้ผมจะปล่อยคุณไปก่อนแล้วกัน!”

พูดไปเขาก็เเอ่นเอวไป เหมือนต้องการสื่อให้เธอรู้ว่า :ผมยังไหวนะ แต่มันยุ่งจริงๆ เลยต้องเก็บแรงไว้ก่อน

อีกอย่างตอนนี้ก็เทียบกับสมัยหนุ่มๆ ไม่ได้แล้ว เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอเหนื่อยล้าเกินไป ร่างกายก็จะอ่อนล้าจนทำอะไรไม่ค่อยไหว ถ้ายังทะลึ่งทำอะไรอีกละก็ รอให้หารือเรื่องประเทศชาติเสร็จ เขาคงจะกลายเป็นบุรุษที่หมดสภาพไปเลยแน่ๆ!

หนีซีโย่วถลึงตาใส่เขา “คุณอาเฉียวโอเขาจริงจังเรื่องการทหารมากเลยนะ คุณรีบไปเถอะค่ะ ถ้าคุณไปสายหล่ะก็เกิดเขาเปลี่ยนใจไปสนับสนุนประเทศฮัวฉีแล้วหันมาทำลายประเทศต้าหนิงของคุณขึ้นมา คุณที่ซวยจะเป็นคุณนะคะ!”

โล่เจปู้ขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ด้วยความที่ไม่อาจทำอะไรเธอได้ เขาจึงพูดไปว่า “คุณกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง! ทั้งที่มีตำแหน่งสูงขนาดนี้ แล้วคุณไม่กลัวผมจะริบตำแหน่งของคุณคืนรึไง! ต่อให้ทั้งราชสำนักจะแปรพักตร์ แต่ตระกูลเฉียวก็ไม่มีทางแปรพักตร์เด็ดขาด! การที่กำลังทหารทั้งหมดของประเทศหนิงอยู่ใต้การควบคุมของตระกูลเฉียวนั้นผมสบายใจเป็นอย่างยิ่ง!”

ทันใดนั้น เขาก็ได้จูบปากเธออีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง!

เขาลุกไปนั่งอยู่ตรงขอบเตียงด้วยความลำบาก จากนั้นก็บ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ไอ้เด็กเปรตนั่นก็หัวรั้นเหลือเกิน ถ้ามันสืบทอดตำแหน่งไปตั้งแต่แรกหล่ะก็ผมก็คงไม่ต้องมาทนลำบากอยู่แบบนี้หรอก!”

หนีซีโย่วจ้องหน้าเขา “หย่าจูนไม่มีทางเห็นด้วยหรอกค่ะ”

ส่วนที่เหลือนั้นเธอก็ไม่ได้พูดต่อ

ถึงเธอไม่พูดเขาก็รู้ดี และได้สติด้วยว่าเมื่อกี้ตัวเองได้เผลอหลุดปากไป

โชคยังดีที่เธอดูไม่ออก!

โล่เจปู้ยืนขึ้น เดินไปในห้องน้ำ หลังจากแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมา แล้วหันไปมองเธอ ซึ่งเธอก็ได้แต่งตัวเรียบร้อยแล้วมายืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูแล้ว

จู่ๆ โล่เจปู้ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงเสน่ห์เธอ “นี่เยว่หยาน้อย คุณรู้ไหมครับ ว่าผมอยากจะเรียกคุณว่าภรรยาขนาดไหน?”

หนีซีโย่วเขินจนต้องหลบตาเขา จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อ

แหวนวงนั้นเธอเองก็ไม่ได้ แต่เอาไปห้อยไว้ที่คอแล้วซ่อนมันไว้ใต้คอเสื้อ

เธอคิดว่าถ้าเธอไม่พูดเขาก็คงไม่สังเกต แต่ใครจะไปคิดว่าตอนที่ผู้ชายคนนี้จูบเธอ เขาก็ได้สังเกตเห็นพอดี แถมยังดีใจจนออกนอกหน้าด้วย

จู่ๆ ร่างกายของเธอก็ถูกดึงเข้าไปกอดอยู่ในอ้อมอก จากนั้นเขาก็พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น อบอุ่นมากๆ “ที่รักครับกษัตริย์ของฮัวฉีจะมาสามวัน พรุ่งนี้ผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาวันหนึ่ง ส่วนหลังจากนั้นก็จะให้รัฐมนตรีคนอื่นไปดูแลแทนคุณกลับบ้านเร็วๆนะ เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีข้างนอกนั้นก็ไม่ต้องไปเที่ยวมันหรอก กลับบ้านเร็วๆ นะครับ”

หนีซีโย่วไม่ได้ตอบอะไร

เขาจูบลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ แล้วพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิดว่า “ผมคงกินข้าวกับคุณไม่ได้แล้วนะครับ เดี๋ยวผมค่อยไปกินบนเครื่องเอา ผมจะรอคุณกลับมานะครับ!”

หนีซีโย่วไม่ได้หันกลับมา

เธอได้ยินแค่เพียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ

ที่เธอไม่กล้าหันกลับมานั้นก็เป็นเพราะเธอไม่อาจทนเห็นแผ่นหลังที่จากไปของเขาได้

มือของเธอสัมผัสอยู่ตรงแหวนที่ห้อยอยู่ที่คอเบาๆ พร้อมกับใจที่กำลังคิดว่า ถ้ามีเขาคอยอยู่เคียงข้างแบบนี้ไปทั้งชีวิตละก็ ต่อให้ตัวเองจะไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง ต่อให้ไม่มีสิทธิ์ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ต่อให้ต้องตกอยู่ในอันตรายไปทั้งชีวิตขอแค่มีเขาอยู่ข้างกายแบบนี้ ขอแค่ลูกของพวกเขาสามารถเติบโตได้อย่างมีความสุขแค่นี้มันก็พอแล้ว ส่วนเธอนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง

ณ คฤหาสน์จื่อเวย

มู่เทียนซิงลงมาข้างล่างตั้งแต่หกโมงเช้าแล้ว

เธอใส่กระโปรงชีฟองตัวสีดำลงมา กระโปรงตัวนี้เธอเคยใส่ไปครั้งหนึ่งในตอนที่ไปทำความสะอาดสุสานที่เมืองHคราวก่อน ตอนนั้นหลิงเล่ยังชมอยู่เลยว่าเธอใส่สีดำขึ้นมาก

เธอได้มานั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารตั้งแต่เช้าโดยอุ้มเจินเจินมาด้วย

ในห้องโถงไม่มีใครเลยสักคน ไม่มีใครเข้ามาทักทายเธอ แม้แต่ฉวีซือเหวินยังไม่อยู่ในห้องครัวเลย

ใบหน้าที่ขาวซีดไม่มีไร้ซึ่งวี่แววของรอยยิ้ม มีเพียงความหวาดระแวงเท่านั้นที่ถูกแสดงออกมา เมื่อผิวพรรณยิ่งดีขอบตาที่ดำคล้ำของเธอก็ยิ่งเห็นชัดยิ่งขึ้นไปอีก ริมฝีปากก็เหมือนจะถูกเธอกัดจนเป็นแผล ท่าทางน่าสงสาร และไม่รู้ด้วยว่ามันถูกกัดมาแล้วกี่ครั้ง แค่เห็นก็รู้สึกเจ็บแทนแล้ว

หลังจากนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารไปสักพัก เธอก็ได้ก้มหน้าลง แล้วเช็ดน้ำตา

จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องโถง โดยที่เจินเจินยังอยู่ในมือ มองไปที่ประตูหลัง แล้วหันไปมองที่ลิฟต์

เธอได้แต่ยืนใจลอยอยู่ตรงนั้น ในใจคิดถึงเพียงแต่หลิงเล่เท่านั้น!

เธออยากจะโทรหาเขา แต่มือถือก็ถูกหนี่หย่าจูนเอาไปแล้ว พอจะใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาเขา แต่เธอกลับโง่เง่าที่ไม่ยอมจำเบอร์มือถือของเขาให้ขึ้นใจ!

ความจริงเธอสามารถขอให้ฉวีซือเหวินให้ช่วยได้ แต่ไอ้จั๋วซีนั่นก็ดันมาบอกว่าที่หลิงเล่ออกไปเพราะมีงานเร่งด่วนต้องไปจัดการ

เธอเป็นคู่หมั้นของเขา เธอก็ควรรู้สิว่าไม่ควรไปรบกวนเวลาทำงานของเขา

แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเมื่อคืนนี้เธอต้องทนทุกข์ขนาดไหน!

ก้มหน้าลง จากนั้นก็เช็ดน้ำตาอีกครั้ง มู่เทียนซิงรู้สึกกระวนกระวายใจ ทำไมคุณอายังไม่มาอีก? หรือวันนี้เขาจะไม่กลับมาแล้ว?

ฉวีซือเหวินที่กำลังนั่งดูกล้องวงจรปิดอยู่ก็รู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

กล้องที่ติดอยู่ในห้องของซือซ่าวได้ถูกปิดไปตั้งแต่วันที่มู่เทียนซิงย้ายเข้ามาอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเด็กสาวคนนี้ได้ผ่านค่ำคืนอันขมขื่นนั้นมาได้ยังไง

แต่ในตอนนี้ พอได้มาเห็นใบหน้าที่เศร้าสร้อยกับตาโบ๋ๆ คู่นั้นของเธอแล้ว ก็สามารถรู้ได้ในทันทีว่าเธอคงจะร้องไห้มาทั้งคืนแน่ๆ เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร!

แต่จั๋วหรันห้ามเขาเอาไว้ก่อน “นี่คุณคิดจะไปไหน ซือซ่าวยังไม่ได้สั่งอะไรเลยนะ!”

“คุณจะร้อนรนไปทำไม! ทุกอย่างที่เราเห็นจากในกล้อง ที่คอมกับมือถือของซือซ่าวก็เห็นได้เหมือนกัน คุณคิดว่าซือซ่าวจะไม่สนใจเลยรึไง? รอต่อไปอีกหน่อยเถอะ!”

จั๋วหรันเองก็รู้สึกร้อนใจเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ!

ถ้าไม่ใช่ว่าซือซ่าวถูกบีบละก็ เขาคงไม่มีทางทำอย่างนี้กับเธอแน่นอน

แต่จะว่าไป มันเป็นแค่เรื่องของเนื้อมื้อเดียวเท่านั้น ขอแค่คุณหนูมู่ยินยอม ต่อไปการใช้ชีวิตคู่ไปกับซือซ่าว ด้วยความรักใคร่ที่ซือซ่าวมีต่อเธอ ต่อไปไม่ว่าเธออยากได้อะไรหรือถูกใจอะไรก็ตามในประเทศหนิง มันก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายดายไปเลยสำหรับเธอ